โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อสังหาริมทรัพย์

แลนด์ลุย 11 โครงการ 3 หมื่นล้าน คาดดอกเบี้ยลดครึ่งปีหลัง บ้านต่ำ 3 ล้านได้หายใจ

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 17 ม.ค. 2567 เวลา 04.52 น. • เผยแพร่ 17 ม.ค. 2567 เวลา 04.47 น.

เปิดแผนปีมังกร “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” ตั้งเป้ายอดขาย 31,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ยอดโอน 28,000 ล้าน ส่วนรายได้อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าตั้งเป้าไว้ที่ 8,540 ล้าน เผยปี 2566 ขายแนวราบได้มากถึง 73% ราคาบ้าน 10 ล้านอัพขายเพลิน ปรับแผนลุยคอนโดฯริมเจ้าพระยา 1.5 หมื่นล้านแทนทำเลศรีนครินทร์ ปี 2567 เปิด 11 โครงการใหม่บุกแนวราบอย่างเดียว 3 หมื่นล้าน ไร้เงาอาคารชุด ชี้ดอกเบี้ยลดในครึ่งปีหลัง บ้านไม่เกิน 3 ล้านมีโอกาสหายใจ ธุรกิจโรงแรมโตพรวด ออกหุ้นกู้ 16,000 ล้านขยายตลาด

นายวัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์และผลงานปี 2566 รวมทั้งแผนลงทุนปี 2567 ว่า ปี 2566 จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและจดทะเบียนโดยผู้ประกอบการใน กทม.และปริมณฑล ทั้งตลาดช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค. 2566 มีจำนวน 52,715 หน่วย ลดลง 17.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เมื่อแยกรายตลาดพบว่า บ้านแนวราบเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมลดลง โดยที่ตลาดบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดเพิ่มขึ้น 58% ทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น 12% คอนโดมิเนียมลดลง 48%

ในด้านอุปทานจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ใน กทม.และปริมณฑล ช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. 2566 โดยรวมทั้งตลาดมีจำนวน 95,527 หน่วย ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อุปทานที่ลดลงมาจากตลาดทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมที่ลดลง 23% และ 10% ตามลำดับ

ส่วนตลาดบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดมีการเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น 17.3% ส่งผลให้บ้านเดี่ยวซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทมีสภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น จากอุปทานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2565

ปี’66 แนวราบขายดี 73%-ราคา 10 ล้านอัพ 57%

บริษัทเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 43,460 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 16 โครงการ คอนโดฯ 1 โครงการ เพิ่มขึ้น 8,500 ล้านบาทเมื่อเทียบกับมูลค่าโครงการตามแผนเดิม 34,960 ล้านบาท เนื่องจากได้เปิดโครงการวันเวลา ณ เจ้าพระยา มูลค่า 15,000 ล้านบาท แทนโครงการ The Key ศรีนครินทร์ ซึ่งมีมูลค่า 6,500 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนา 6.100 ล้านบาท

สัดส่วนยอดขายแบ่งตามประเภทสินค้า โดยบ้านแนวราบ (บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์) ยังเป็นสินค้าหลักที่สร้างยอดขายให้กับบริษัท สัดส่วนการขายบ้านแนวราบและคอนโดฯ คือ 73% : 27%

เมื่อจำแนกตามพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลยังเป็นพื้นที่หลักในการก่อให้เกิดยอดขาย โดยสัดส่วนยอดขายของโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑลและยอดขายของโครงการในต่างจังหวัด คือ 90% : 10%

สัดส่วนระดับราคาของบ้านที่สูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็นประมาณ 57% ของยอดขาย

ณ ต้นปี 2566 บริษัทมีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 70 โครงการ อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 41 โครงการ ต่างจังหวัด 29 โครงการ

โครงการที่เปิดใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 43,460 ล้านบาท เป็นแนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 28,460 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท รวมโครงการที่ดำเนินการในระหว่างปี 2566 มีทั้งหมด 87 โครงการ มีโครงการปิดระหว่างปี 14 โครงการ

ทำให้ ณ สิ้นปี 2566 มีโครงการที่ยกไปทำต่อในปี 2567 เป็นจำนวน 73 โครงการ รวมมูลค่า 68,350 ล้านบาท เป็นแนวราบ 66 โครงการ มูลค่า 52,350 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท

ปี’67 ลุยแนวราบ 11 โครงการใหม่ 3 หมื่นล้าน-ไร้เงาคอนโดฯ

ในปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มุลค่ารวม 30,200 ล้านบาท ลดลง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากปี 2566 ได้เปิดคอนโดมิเนียม วันเวลา ณ เจ้าพระยา ซึ่งมีมูลค่า 15,000 ล้านบาท หากเปรียบเทียบเฉพาะโครงการแนวราบ มูลค่าโครงการเปิดใหม่จะเติบโต 6% จากปี 2566

โครงการใหม่เป็นแนวราบทั้งหมด ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 11 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ (Villaggio ลำลูกกา-วงแหวน ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์) โดยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 10 โครงการ ต่างจังหวัด 1 โครงการ

ดังนั้น จำนวนโครงการที่ดำเนินการในปี 2567 จะมีทั้งหมด 84 โครงการมูลค่า 98,550 ล้านบาท แยกเป็นสินค้าแนวราบ 77 โครงการ มูลค่า 82,550 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท

ประมาณราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยในปี 2567 เท่ากับ 9.4 ล้านบาท (ปี 2566 ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 9.6 ล้านบาท)

ชี้ดอกเบี้ยลดในครึ่งปีหลัง-บ้านไม่เกิน 3 ล้านมีโอกาส

นายโชคชัย วลิตวรางค์กูร กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการอาคารชุด เปิดเผยว่า ปี 2566 ตลาดคอนโดมิเนียมในบางระดับราคาฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย คาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2567

ทั้งพบว่า ความต้องการซื้อสินค้าในตลาดระดับบนและบางทำเลยังมีอยู่ จึงปรับแผนเปิดโครงการคอนโดฯวันเวลา ณ เจ้าพระยา เมื่อปลายเดือนตุลาคม แทนโครงการตามแผนเดิม เพื่อตอบสนองดีมานด์คอนโดฯริมน้ำที่ได้รับการตอบรับดี โดยสร้างยอดขาย 5,000 ล้านบาท คิดเป็น 35% ของมูลค่าโครงการ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 4,000 ล้านบาท

ทำให้ปีที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายจากสินค้าคอนโดฯได้ 6,200 ล้านบาท เติบโต 176% จากปีก่อน คิดเป็น 27% ของยอดขายรวมทั้งหมด

ในปี 2567 ปัจจัยที่จะส่งผลบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์คือ อัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะทยอยปรับลดในช่วงครึ่งหลังของปี และมาตรการภาครัฐที่ขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองอีก 1 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อคอนโดฯราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทำให้แบรนด์ The Key ทำเล MRT เพชรเกษม 48 มีโอกาสที่ดี

ปัจจุบันบริษัทมีคอนโดฯในมือพร้อมขาย 7 โครงการ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท โดยเน้นคอนโดฯที่เปิดขายอยู่แล้วในปัจจุบัน จึงยังไม่มีแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ 5,500 ล้านบาท ยอดโอน 2,000 ล้านบาท

ธุรกิจโรงแรมโตแกร่ง-ออกหุ้นกู้ 16,000 ล้าน

นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท อายุ 2-3 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.2% ต่อปี ณ สิ้นปีที่ผ่านมามีหนี้ภาระดอกเบี้ยสุทธิ 58,000 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 1.12 ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.75%

สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าปี 2566 เป็นปีที่ธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง โดยเฉพาะโรงแรมและศูนย์การค้าในไทย คาดมีรายได้เพิ่ม 70% และ 100% ตามลำดับจากปีก่อน เนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าโดยตรง

บริษัทลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าผ่านบริษัท LHMH และ LH USA จำนวน 2.870 ล้านบาท ประกอบด้วย โรงแรม Grande Centre Point Surawong 920 ล้านบาท โครงการ Grande Centre Point Lumpini 870 ล้านบาท และโรงแรมและอพาร์ตเมนต์ 1,080 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัท LHMH ลงทุนเพิ่มในทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) มูลค่ารวม 1,952 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการลงทุนในกองทรัสต์เพิ่มขึ้นจากเดิม 14.73% เป็น 26.17%

บริษัท LHMH ได้เปิด 1 โครงการใหม่ได้แก่ โรงแรม Grande Centre Point Surawong เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 มูลค่า 2,300 ล้านบาท และได้ขายโรงแรม 2 แห่งคือ โรงแรม Grande Centre Point Pattaya และ Grande Centre Point Space Pattaya ให้กับกองทรัสต์ LHHOTEL เป็นมูลค่า 9,400 ล้านบาท ทำให้บริษัทรับรู้กำไรก่อนภาษี 2,500 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในงบกำไรขาดทุนระหว่างปี 2567-2575

แผนงานปี 2567 บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ 16,000 ล้านบาทเท่าปีที่แล้ว อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะคงอยู่ในระดับใกล้เคียง 1.0 ลดลงจากสิ้นปี 2566 โดยเตรียมงบลงทุนไว้ 11,500 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย 5,000 ล้านบาท และลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า 6,500 ล้านบาท

ปัจจุบันมีรายได้ค่าเช่าจากโครงการที่ทำอยู่แล้วและอยู่ระหว่างพัฒนามีทั้งหมด 16 โครงการ มีทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม อพาร์ตเมนต์ และสำนักงานให้เช่าบริหารโดย LHMH บริหาร 12 โครงการในไทย ส่วนบริษัท LH USA บริหาร 4 โครงการในสหรัฐอเมริกา และมีแผนจะขายศูนย์การค้า 1 แห่งเข้ากองทรัสต์ฯ

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แลนด์ลุย 11 โครงการ 3 หมื่นล้าน คาดดอกเบี้ยลดครึ่งปีหลัง บ้านต่ำ 3 ล้านได้หายใจ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...