โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เป้าหมายที่ ‘แอนนา เสืองามเอี่ยม’ บันทึกไว้บน iPhone ว่าก่อนตายอยากทำอะไร และอยากเป็นผู้หญิงแบบไหน

Mirror Thailand

อัพเดต 25 มี.ค. เวลา 09.24 น. • เผยแพร่ 25 มี.ค. เวลา 05.54 น.
ภาพไฮไลต์

ในแอป Notes บน iPhone ของแอนนา เสืองามเอี่ยม Miss Universe Thailand 2022 เธอจดไว้คร่าวๆ ว่าใน 1 เดือน 1 ปี และ ‘ก่อนตาย’ เธออยากจะทำอะไรบ้าง และอยากจะเป็นผู้หญิงแบบไหน

แม้เรื่องของความตายจะเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เป็นเส้นทางชีวิตที่เราต้องเดินไปถึงในสักวัน แต่ในหลายๆ ครั้ง หลายๆ คนก็พยายามปัดตกเรื่องนี้ไว้ใต้ความคิด ซ่อนมันไว้ให้ลึกที่สุด เพราะความกลัวและความอ่อนไหวบางอย่าง บ้างก็มองเป็นเรื่องไกลตัว เราคงไม่ได้ตายวันตายพรุ่งหรอก ซึ่งสำหรับแอนนาเสือ เธอมองกลับกันอีกด้าน เพราะการรู้เป้าหมายตัวเองให้ชัดก่อนตาย จะทำให้รู้ว่าตอนนี้ “เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร”

ก่อนผ่านพ้นมีนาคม เดือนแห่งวันสตรีสากล แอนนาเสือได้บอกเล่าถึงเป้าหมายชีวิตของตัวเอง ณ Apple Central World เธอมาเพื่อเชียร์ให้ผู้หญิงทุกคนออกจากกรอบต่างๆ ทางสังคมที่อาจกำลังรัดตัวจนอึดอัด กระทั่งความไม่เท่าเทียมทางสังคมที่หลายครั้งก็ทำให้เรา ‘ไม่เท่ากัน’ และทำให้เราไม่กล้าเป็นตัวของตัวเอง โดยในสมาร์ทโฟนเครื่องเก่งของเธอ เธอถ่ายรูปไว้มากมายหลายพัน แต่รูปที่เธอชอบที่สุด เธอบอกว่า “แอนนาชอบรูปห้องที่แอนนาเคยนอนที่วัดช่างเหล็ก เป็นกุฏิแม่ชีที่หลังคาเป็นสังกะสีและกำแพงเป็นไม้อัด รูปนี้มันสะท้อนว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยอยู่ในสถานที่ที่ไม่สะดวกมากๆ เขาจะกล้าฝันได้ขนาดไหนกันนะ? แต่ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงที่เคยอยู่ที่นั่นหรือตัวแอนนาเอง ก็กล้าที่จะตั้งเป้าหมายใหญ่และกล้าพาตัวเองให้ไปถึงจุดหมายได้”

ผู้หญิงธรรมดาคนนี้ ต้องการเป็นผู้หญิงที่อยากเป็น อยากทำ และอยากไปให้ถึงฝันที่เชื่อมั่นไว้ก่อนจากโลกนี้ไป เพราะอย่างน้อยถ้าเธอได้วางแผน ตั้งเป้า และลงมือทำ เธอจะไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย

หลัก SMART Goals ที่ขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า และสิ่งที่แอนนาเสือเขียนไว้ใน Notes แล้วอยากแชร์ให้ Mirror ฟัง เพื่อส่งต่อให้ผู้หญิงทุกคนได้อ่านมีอะไรบ้าง อ่านกันได้เลย

จากมีมที่ชาวเน็ตทำคอนเทนต์ “ทุกคนมีเสืออยู่ในตัว” ก่อนจะส่งอินเนอร์ด้วยจริตแบบสับปังๆ แล้วเฉลยว่าเสือที่ว่านั้นคือ เสืองามเอี่ยม! ซึ่งเจ้าตัวที่ถูกหยิบนามสกุลมาใช้เป็นมีมนี้อย่าง แอนนาเสือ ก็คิดว่าสำหรับตัวเธอแล้ว “แอนนาขอเป็นเสือโคร่งเบงกอลเท่านั้นค่ะ (หัวเราะ) เพราะมันเป็นเสือที่โดดเด่นในด้านความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นนางพญาของเสือเลย ที่สำคัญมันก็ยังปรับตัวได้ดี แอนนาคิดว่าแอนนามีส่วนที่เหมือนมัน เพราะแอนนาสามารถเอาตัวเองไปอยู่ในทุกๆ สังคม ซึ่งนั่นทำให้เราได้เจอโอกาสที่หลากหลายมากขึ้นค่ะ” ซึ่งเหตุผลที่เธอมักจะเอาตัวเองไปอยู่ในหลายๆ ที่ เพราะแอนนาเชื่อว่า สักหนแห่งที่เธอไป จะมีโอกาสรออยู่เสมอ

“แอนนาเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีความฝันยิ่งใหญ่ แต่ไม่เคยเอาคำว่า ‘ธรรมดา’ ของตัวเอง มาทำให้ตัวเองไปไม่ถึงฝัน แอนนาเลยจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนและไม่ย่อท้อ ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง เราก็เคยเผลอเข้าไปอยู่ในกรอบของการเป็นผู้ตาม จากคำกล่าวที่เขาพูดๆ กันว่า ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง มันหล่อหลอมให้แอนนาและผู้หญิงอีกหลายคนคิดว่า เราไม่ควรมีบทบาทในสังคม กระทั่งไม่ควรแสดงความคิดเห็น หรือตั้งขอบเขตให้ตัวเอง แอนนาจึงอยากส่งต่อแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนได้รู้ว่า สุดท้ายการที่เรากล้าที่จะพูด กล้าที่จะคิด หรือแม้แต่กล้าจะปฏิเสธ มันคือการให้เกียรติตัวเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง มนุษย์ที่ปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง”

แม้ว่าแอนนาจะเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนควรมีอิสระในทุกเรื่องของชีวิต แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้หญิงหลายคนในปัจจุบันในบางหนแห่งก็ยังไม่สามารถมีอิสระมากพอ และยังถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เธอเล่าว่า “ถึงปัจจุบันผู้หญิงจะมีอิสระในด้านความคิดมากขึ้นแล้ว แต่เราก็ต้องยอมรับว่ามันยังพูดไม่ได้ว่าเรามีอิสระแล้วในทุกเรื่อง ทุกวันนี้ในการทำงาน ตำแหน่งหัวหน้าหรือผู้นำ ผู้หญิงหลายคนยังถูกมองว่าความน่าเชื่อถือมีไม่เท่ากับผู้นำผู้ชาย จึงทำให้ผู้หญิงต้องพยายามอย่างมากในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นหรือสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับตนเอง เพราะ ‘เพศ’ ของพวกเธอ”

ถามว่าแฟร์ไหม? มันไม่แฟร์หรอกที่ผู้หญิงจะต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากผู้คนที่มีอคติทางเพศ แต่แอนนาก็ยังเชื่อว่า ถ้าเราค่อยๆ ช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลงทางความคิด สังคมเราก็จะพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของผู้คนที่ต้องลุกขึ้นมาสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยกัน แต่อย่างแรกเลยคือ ต้อง ‘กล้า’ ก่อน

“แอนนาคิดว่าชีวิตเรามีโอกาสใช้แค่ครั้งเดียว เราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะตายวันไหน มันทำให้แอนนากล้าจะมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ซึ่งอยากจะทำให้สำเร็จก่อนที่ตัวเองจะตาย และถ้าสมมติฝันนั้นมันจะไม่สำเร็จจริงๆ แต่แอนนาจะภูมิใจกับตัวเองนะ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต แอนนาได้ลองทำมันแล้ว สิ่งนี้แหละที่ทำให้แอนนาไม่เอาเรื่องเพศที่บางครั้งคนอาจจะบอกว่าผู้หญิงไม่ควรทำแบบนั้น แบบนี้ มาเป็นข้อจำกัดในการตั้งเป้าหมายของแอนนา”

และเมื่อก้าวขามาเป็นบุคคลสาธารณะ แอนนาเสือจึงตั้งมั่นว่าจะส่งเสียงของตัวเองเพื่อสร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคม ทั้งการพูดถึงปัญหาในอาชีพพนักงานเก็บขยะ ที่คุณพ่อของเธอเคยเผชิญมามากมาย และเธอก็อยากผลักดันให้คุณภาพชีวิตของคนทำอาชีพนี้ดีขึ้น

“สิ่งหนึ่งที่แอนนาสัมผัสได้จากคนที่แอนนาเคยร่วมงานหรือเคยเจอ เวลาที่พูดถึงอาชีพพนักงานเก็บขยะหรือพูดว่าคุณพ่อคุณแม่ทำอาชีพนี้ พวกเขาไม่เคยทำให้แอนนารู้สึกว่าอาชีพนี้ไม่มีเกียรติแต่เขากลับมาชื่นชมคุณพ่อคุณแม่แอนนา สิ่งนี้ทำให้แอนนารู้สึกว่ามันเป็นอีกก้าวหนึ่งแม้จะเป็นก้าวเล็กๆ แต่ก็สามารถทำให้หลายๆ คนให้เกียรติอาชีพมากขึ้นจากแต่ก่อน”

แอนนาแชร์ว่าในแอป Notes บน iPhone เธอตั้งเป้าหมายของตัวเองใน 1 เดือน 1 ปี และก่อนตาย ว่าเธออยากทำอะไรให้ได้บ้าง และนี่คือสิ่งที่เธอเขียนไว้และอยากอธิบายให้ฟัง

“แอนนาเคยตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 1 เดือน แอนนาจะลดเล่นโซเชียลมีเดีย ประมาณ 15 นาที ก่อนเข้านอน เพราะปัจจุบันมันมีอิทธิพลต่อความคิดของเรามาก เมื่อเราเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนมันทำให้ความคิดในสมองแล่นไม่หยุด ทำให้คุณภาพของชีวิตในวันถัดไปไม่สดชื่นเต็มที่ พอเล่นโซเชียลฯ น้อยลง แอนนาก็หลับลึกขึ้น พอตื่นขึ้นมาก็สดชื่นและพร้อมที่จะเริ่มวันใหม่มากขึ้นจริงๆ”

“แอนนาเคยตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 1 ปี แอนนาอยากพาคุณแม่นั่งเครื่องบินไปเที่ยวสักครั้งในชีวิต เพราะท่านเคยบอกกับเราตั้งแต่เด็กว่าไม่เคยนั่งเครื่องบินเลย เลยอยากมีโอกาสนั่งสักครั้ง ในตอนนั้นเรายังไม่พร้อมค่ะ ทั้งเรื่องอายุและเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ตอนนี้แอนนาพร้อมแล้วที่จะทำให้ความฝันของแม่เป็นจริง”

“ส่วนก่อนตาย แอนนาอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับคนที่แอนนารัก ทั้งลูก ทั้งหลาน เพราะแอนนาอยากเป็นคนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาหันมาเมื่อไหร่ก็เจอแอนนา ไม่ว่าจะกำลังเจอเรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องเศร้า แอนนาจะเป็นหนึ่งคนที่อ้าแขนคอยกอดและคอยปลอบพวกเขาอยู่ที่บ้าน”

ถ้าเหลือเวลาอีกแค่ 1 วันก่อนจากโลกนี้ไป สิ่งที่แอนนาอยากทำมากที่สุดคือ…“แอนนาจะใช้เวลาทั้งวันอยู่กับตัวเอง อาจจะแบ่งเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เขียนทบทวนเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา ทั้งเรื่องที่ตัวเองรู้สึกภูมิใจ เรื่องที่ตัวเองรู้สึกอยากจะขอบคุณตัวเองที่พาตัวเองมาถึงวันนี้ได้ เพื่อทำให้เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดมา ในวาระสุดท้ายของชีวิต”

ถ้าเหลือเวลาอีกแค่ 1 เดือนก่อนจากโลกนี้ไป สิ่งที่แอนนาอยากทำมากที่สุดคือ…“แอนนาจะแบ่งเวลาไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่แอนนารักและแคร์เขาค่ะ แอนนาอยากพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่แอนนาอยากจะขอบคุณหรือแม้แต่เรื่องที่อยากจะขอโทษ เพื่อทำให้พวกเขาดีใจที่ได้รู้จักแอนนาและทำให้แอนนาจดจำมิตรภาพดีๆ ไปจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต”

ถ้าเหลือเวลาอีกแค่ 1 ปีก่อนจากโลกนี้ไป สิ่งที่แอนนาอยากทำมากที่สุดคือ…“แอนนาคงจะใช้ครึ่งปีแรกในการพาตัวเองไปสถานที่ใหม่ๆ ไปเจอผู้คนและวัฒนธรรมใหม่เพื่อให้ตัวเองได้เรียนรู้และได้สัมผัสในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสมาก่อน และในครึ่งปีหลัง แอนนาขอใช้เวลาในการไปปฏิบัติธรรมแอนนาอยากจากไปโดยที่จิตสุดท้ายของแอนนาอยู่กับปัจจุบันและความว่างเปล่า สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้แอนนาได้พบเจอความสว่างและความหมายที่แท้จริงของชีวิต”

การตั้งเป้าหมายทำให้เรามีเส้นทางที่ชัดเจนที่จะไป แต่บางครั้งการตั้งเป้าหมายก็อาจทำให้เรารู้สึกกดดันขึ้นมาได้ ตัวแอนนาเสือเอง จึงอยากฝากไว้ว่า “แอนนาเคยเป็นหนึ่งคนที่ไม่ได้มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต ช่วงนั้นเคว้งมากและรู้สึกตัวเองหมดไฟมากๆ มันทำให้เรารู้สึกไม่มีคุณค่า แต่แอนนาก็ค้นพบว่า จริงๆ เป้าหมายที่ตั้งให้ตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นเป้าหมายใหญ่ๆ แต่แค่ตั้งเป้าหมายเล็กๆ อย่างเป้าหมายรายวัน เช่นการพูดกับตัวเองว่าเรารักตัวเองให้ได้ 1 ครั้งต่อวัน สิ่งเหล่านี้ฟังดูอาจจะเล็กน้อยมาก แต่ว่าถ้าเราทำต่อเนื่องในทุกๆ วัน เราจะรู้จักคุณค่าของตัวเองมากขึ้น และจะช่วยเราสร้างเป้าหมายที่ใหญ่มากขึ้นในอนาคตได้ค่ะ”

“เทคนิคการตั้งเป้าหมายของแอนนา แอนนาใช้ SMART Goals ‘S’ คือ Specific เป้าหมายยิ่งชัดเจน ยิ่งแคบ ยิ่งสำเร็จ ‘M’ คือ Measurable เป้าหมายที่วัดได้ และมีตัวเลขที่ชัดเจนจะช่วยทำให้เราโฟกัสได้มากยิ่งขึ้น ‘A’ คือ Achievable เป้าหมายที่เราตั้งควรจะสามารถเป็นจริงได้ ‘R’ คือ Relevant ชีวิตคนเราแน่นอนว่าต้องมีเป้าหมายมากกว่าหนึ่งอย่าง เพราะฉะนั้นเรามีหลายเป้าหมายได้แต่ทุกเป้าหมายควรจะสอดคล้องกันหรือมีทิศทางไปในทางเดียวกันเพื่อไม่ให้เราสับสนในการโฟกัสหรือการลงมือทำ และ ‘T’ คือ Time-Bound ในทุกเป้าหมายควรจะกำหนดกรอบระยะเวลาในการทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ เพราะหากไม่กำหนดเวลาให้กับสิ่งไหนเลย เราก็อาจผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ได้ค่ะ”

จงฝันให้ไกล และใช้ชีวิตให้เต็มที่ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ อยากทำอะไร ลุยเลย เชื่อมั่นในตัวเองไว้ จะได้ไม่เสียดายทีหลัง

“แอนนาอยากบอกผู้หญิงทุกคนว่า สุดท้ายแล้วความตายมันเป็นเรื่องที่ไม่แน่ไม่นอน และเป็นเรื่องที่เราไม่ค่อยพูดถึงมันบ่อยนัก แต่มันอาจจะเกิดขึ้นกับเราพรุ่งนี้ก็ได้ อย่างน้อยถ้าเราได้ลองตั้งเป้าหมายให้ตัวเองสักหนึ่งอย่าง ได้ลองพาตัวเองเข้าใกล้เป้าหมายนั้นในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แอนนาเชื่อว่าทุกคนจะภูมิใจที่ได้เกิดมา ใช้ชีวิตโดยมองเห็นคุณค่าของตัวเองกันเถอะค่ะ”

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...