เป้าหมายที่ ‘แอนนา เสืองามเอี่ยม’ บันทึกไว้บน iPhone ว่าก่อนตายอยากทำอะไร และอยากเป็นผู้หญิงแบบไหน
ในแอป Notes บน iPhone ของแอนนา เสืองามเอี่ยม Miss Universe Thailand 2022 เธอจดไว้คร่าวๆ ว่าใน 1 เดือน 1 ปี และ ‘ก่อนตาย’ เธออยากจะทำอะไรบ้าง และอยากจะเป็นผู้หญิงแบบไหน
แม้เรื่องของความตายจะเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เป็นเส้นทางชีวิตที่เราต้องเดินไปถึงในสักวัน แต่ในหลายๆ ครั้ง หลายๆ คนก็พยายามปัดตกเรื่องนี้ไว้ใต้ความคิด ซ่อนมันไว้ให้ลึกที่สุด เพราะความกลัวและความอ่อนไหวบางอย่าง บ้างก็มองเป็นเรื่องไกลตัว เราคงไม่ได้ตายวันตายพรุ่งหรอก ซึ่งสำหรับแอนนาเสือ เธอมองกลับกันอีกด้าน เพราะการรู้เป้าหมายตัวเองให้ชัดก่อนตาย จะทำให้รู้ว่าตอนนี้ “เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร”
ก่อนผ่านพ้นมีนาคม เดือนแห่งวันสตรีสากล แอนนาเสือได้บอกเล่าถึงเป้าหมายชีวิตของตัวเอง ณ Apple Central World เธอมาเพื่อเชียร์ให้ผู้หญิงทุกคนออกจากกรอบต่างๆ ทางสังคมที่อาจกำลังรัดตัวจนอึดอัด กระทั่งความไม่เท่าเทียมทางสังคมที่หลายครั้งก็ทำให้เรา ‘ไม่เท่ากัน’ และทำให้เราไม่กล้าเป็นตัวของตัวเอง โดยในสมาร์ทโฟนเครื่องเก่งของเธอ เธอถ่ายรูปไว้มากมายหลายพัน แต่รูปที่เธอชอบที่สุด เธอบอกว่า “แอนนาชอบรูปห้องที่แอนนาเคยนอนที่วัดช่างเหล็ก เป็นกุฏิแม่ชีที่หลังคาเป็นสังกะสีและกำแพงเป็นไม้อัด รูปนี้มันสะท้อนว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยอยู่ในสถานที่ที่ไม่สะดวกมากๆ เขาจะกล้าฝันได้ขนาดไหนกันนะ? แต่ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงที่เคยอยู่ที่นั่นหรือตัวแอนนาเอง ก็กล้าที่จะตั้งเป้าหมายใหญ่และกล้าพาตัวเองให้ไปถึงจุดหมายได้”
ผู้หญิงธรรมดาคนนี้ ต้องการเป็นผู้หญิงที่อยากเป็น อยากทำ และอยากไปให้ถึงฝันที่เชื่อมั่นไว้ก่อนจากโลกนี้ไป เพราะอย่างน้อยถ้าเธอได้วางแผน ตั้งเป้า และลงมือทำ เธอจะไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย
หลัก SMART Goals ที่ขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า และสิ่งที่แอนนาเสือเขียนไว้ใน Notes แล้วอยากแชร์ให้ Mirror ฟัง เพื่อส่งต่อให้ผู้หญิงทุกคนได้อ่านมีอะไรบ้าง อ่านกันได้เลย
จากมีมที่ชาวเน็ตทำคอนเทนต์ “ทุกคนมีเสืออยู่ในตัว” ก่อนจะส่งอินเนอร์ด้วยจริตแบบสับปังๆ แล้วเฉลยว่าเสือที่ว่านั้นคือ เสืองามเอี่ยม! ซึ่งเจ้าตัวที่ถูกหยิบนามสกุลมาใช้เป็นมีมนี้อย่าง แอนนาเสือ ก็คิดว่าสำหรับตัวเธอแล้ว “แอนนาขอเป็นเสือโคร่งเบงกอลเท่านั้นค่ะ (หัวเราะ) เพราะมันเป็นเสือที่โดดเด่นในด้านความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นนางพญาของเสือเลย ที่สำคัญมันก็ยังปรับตัวได้ดี แอนนาคิดว่าแอนนามีส่วนที่เหมือนมัน เพราะแอนนาสามารถเอาตัวเองไปอยู่ในทุกๆ สังคม ซึ่งนั่นทำให้เราได้เจอโอกาสที่หลากหลายมากขึ้นค่ะ” ซึ่งเหตุผลที่เธอมักจะเอาตัวเองไปอยู่ในหลายๆ ที่ เพราะแอนนาเชื่อว่า สักหนแห่งที่เธอไป จะมีโอกาสรออยู่เสมอ
“แอนนาเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีความฝันยิ่งใหญ่ แต่ไม่เคยเอาคำว่า ‘ธรรมดา’ ของตัวเอง มาทำให้ตัวเองไปไม่ถึงฝัน แอนนาเลยจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนและไม่ย่อท้อ ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง เราก็เคยเผลอเข้าไปอยู่ในกรอบของการเป็นผู้ตาม จากคำกล่าวที่เขาพูดๆ กันว่า ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง มันหล่อหลอมให้แอนนาและผู้หญิงอีกหลายคนคิดว่า เราไม่ควรมีบทบาทในสังคม กระทั่งไม่ควรแสดงความคิดเห็น หรือตั้งขอบเขตให้ตัวเอง แอนนาจึงอยากส่งต่อแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนได้รู้ว่า สุดท้ายการที่เรากล้าที่จะพูด กล้าที่จะคิด หรือแม้แต่กล้าจะปฏิเสธ มันคือการให้เกียรติตัวเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง มนุษย์ที่ปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง”
แม้ว่าแอนนาจะเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนควรมีอิสระในทุกเรื่องของชีวิต แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้หญิงหลายคนในปัจจุบันในบางหนแห่งก็ยังไม่สามารถมีอิสระมากพอ และยังถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เธอเล่าว่า “ถึงปัจจุบันผู้หญิงจะมีอิสระในด้านความคิดมากขึ้นแล้ว แต่เราก็ต้องยอมรับว่ามันยังพูดไม่ได้ว่าเรามีอิสระแล้วในทุกเรื่อง ทุกวันนี้ในการทำงาน ตำแหน่งหัวหน้าหรือผู้นำ ผู้หญิงหลายคนยังถูกมองว่าความน่าเชื่อถือมีไม่เท่ากับผู้นำผู้ชาย จึงทำให้ผู้หญิงต้องพยายามอย่างมากในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นหรือสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับตนเอง เพราะ ‘เพศ’ ของพวกเธอ”
ถามว่าแฟร์ไหม? มันไม่แฟร์หรอกที่ผู้หญิงจะต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากผู้คนที่มีอคติทางเพศ แต่แอนนาก็ยังเชื่อว่า ถ้าเราค่อยๆ ช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลงทางความคิด สังคมเราก็จะพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของผู้คนที่ต้องลุกขึ้นมาสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยกัน แต่อย่างแรกเลยคือ ต้อง ‘กล้า’ ก่อน
“แอนนาคิดว่าชีวิตเรามีโอกาสใช้แค่ครั้งเดียว เราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะตายวันไหน มันทำให้แอนนากล้าจะมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ซึ่งอยากจะทำให้สำเร็จก่อนที่ตัวเองจะตาย และถ้าสมมติฝันนั้นมันจะไม่สำเร็จจริงๆ แต่แอนนาจะภูมิใจกับตัวเองนะ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต แอนนาได้ลองทำมันแล้ว สิ่งนี้แหละที่ทำให้แอนนาไม่เอาเรื่องเพศที่บางครั้งคนอาจจะบอกว่าผู้หญิงไม่ควรทำแบบนั้น แบบนี้ มาเป็นข้อจำกัดในการตั้งเป้าหมายของแอนนา”
และเมื่อก้าวขามาเป็นบุคคลสาธารณะ แอนนาเสือจึงตั้งมั่นว่าจะส่งเสียงของตัวเองเพื่อสร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคม ทั้งการพูดถึงปัญหาในอาชีพพนักงานเก็บขยะ ที่คุณพ่อของเธอเคยเผชิญมามากมาย และเธอก็อยากผลักดันให้คุณภาพชีวิตของคนทำอาชีพนี้ดีขึ้น
“สิ่งหนึ่งที่แอนนาสัมผัสได้จากคนที่แอนนาเคยร่วมงานหรือเคยเจอ เวลาที่พูดถึงอาชีพพนักงานเก็บขยะหรือพูดว่าคุณพ่อคุณแม่ทำอาชีพนี้ พวกเขาไม่เคยทำให้แอนนารู้สึกว่าอาชีพนี้ไม่มีเกียรติแต่เขากลับมาชื่นชมคุณพ่อคุณแม่แอนนา สิ่งนี้ทำให้แอนนารู้สึกว่ามันเป็นอีกก้าวหนึ่งแม้จะเป็นก้าวเล็กๆ แต่ก็สามารถทำให้หลายๆ คนให้เกียรติอาชีพมากขึ้นจากแต่ก่อน”
แอนนาแชร์ว่าในแอป Notes บน iPhone เธอตั้งเป้าหมายของตัวเองใน 1 เดือน 1 ปี และก่อนตาย ว่าเธออยากทำอะไรให้ได้บ้าง และนี่คือสิ่งที่เธอเขียนไว้และอยากอธิบายให้ฟัง
“แอนนาเคยตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 1 เดือน แอนนาจะลดเล่นโซเชียลมีเดีย ประมาณ 15 นาที ก่อนเข้านอน เพราะปัจจุบันมันมีอิทธิพลต่อความคิดของเรามาก เมื่อเราเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนมันทำให้ความคิดในสมองแล่นไม่หยุด ทำให้คุณภาพของชีวิตในวันถัดไปไม่สดชื่นเต็มที่ พอเล่นโซเชียลฯ น้อยลง แอนนาก็หลับลึกขึ้น พอตื่นขึ้นมาก็สดชื่นและพร้อมที่จะเริ่มวันใหม่มากขึ้นจริงๆ”
“แอนนาเคยตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 1 ปี แอนนาอยากพาคุณแม่นั่งเครื่องบินไปเที่ยวสักครั้งในชีวิต เพราะท่านเคยบอกกับเราตั้งแต่เด็กว่าไม่เคยนั่งเครื่องบินเลย เลยอยากมีโอกาสนั่งสักครั้ง ในตอนนั้นเรายังไม่พร้อมค่ะ ทั้งเรื่องอายุและเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ตอนนี้แอนนาพร้อมแล้วที่จะทำให้ความฝันของแม่เป็นจริง”
“ส่วนก่อนตาย แอนนาอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับคนที่แอนนารัก ทั้งลูก ทั้งหลาน เพราะแอนนาอยากเป็นคนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาหันมาเมื่อไหร่ก็เจอแอนนา ไม่ว่าจะกำลังเจอเรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องเศร้า แอนนาจะเป็นหนึ่งคนที่อ้าแขนคอยกอดและคอยปลอบพวกเขาอยู่ที่บ้าน”
ถ้าเหลือเวลาอีกแค่ 1 วันก่อนจากโลกนี้ไป สิ่งที่แอนนาอยากทำมากที่สุดคือ…“แอนนาจะใช้เวลาทั้งวันอยู่กับตัวเอง อาจจะแบ่งเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เขียนทบทวนเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา ทั้งเรื่องที่ตัวเองรู้สึกภูมิใจ เรื่องที่ตัวเองรู้สึกอยากจะขอบคุณตัวเองที่พาตัวเองมาถึงวันนี้ได้ เพื่อทำให้เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดมา ในวาระสุดท้ายของชีวิต”
ถ้าเหลือเวลาอีกแค่ 1 เดือนก่อนจากโลกนี้ไป สิ่งที่แอนนาอยากทำมากที่สุดคือ…“แอนนาจะแบ่งเวลาไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่แอนนารักและแคร์เขาค่ะ แอนนาอยากพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่แอนนาอยากจะขอบคุณหรือแม้แต่เรื่องที่อยากจะขอโทษ เพื่อทำให้พวกเขาดีใจที่ได้รู้จักแอนนาและทำให้แอนนาจดจำมิตรภาพดีๆ ไปจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต”
ถ้าเหลือเวลาอีกแค่ 1 ปีก่อนจากโลกนี้ไป สิ่งที่แอนนาอยากทำมากที่สุดคือ…“แอนนาคงจะใช้ครึ่งปีแรกในการพาตัวเองไปสถานที่ใหม่ๆ ไปเจอผู้คนและวัฒนธรรมใหม่เพื่อให้ตัวเองได้เรียนรู้และได้สัมผัสในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสมาก่อน และในครึ่งปีหลัง แอนนาขอใช้เวลาในการไปปฏิบัติธรรมแอนนาอยากจากไปโดยที่จิตสุดท้ายของแอนนาอยู่กับปัจจุบันและความว่างเปล่า สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้แอนนาได้พบเจอความสว่างและความหมายที่แท้จริงของชีวิต”
การตั้งเป้าหมายทำให้เรามีเส้นทางที่ชัดเจนที่จะไป แต่บางครั้งการตั้งเป้าหมายก็อาจทำให้เรารู้สึกกดดันขึ้นมาได้ ตัวแอนนาเสือเอง จึงอยากฝากไว้ว่า “แอนนาเคยเป็นหนึ่งคนที่ไม่ได้มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต ช่วงนั้นเคว้งมากและรู้สึกตัวเองหมดไฟมากๆ มันทำให้เรารู้สึกไม่มีคุณค่า แต่แอนนาก็ค้นพบว่า จริงๆ เป้าหมายที่ตั้งให้ตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นเป้าหมายใหญ่ๆ แต่แค่ตั้งเป้าหมายเล็กๆ อย่างเป้าหมายรายวัน เช่นการพูดกับตัวเองว่าเรารักตัวเองให้ได้ 1 ครั้งต่อวัน สิ่งเหล่านี้ฟังดูอาจจะเล็กน้อยมาก แต่ว่าถ้าเราทำต่อเนื่องในทุกๆ วัน เราจะรู้จักคุณค่าของตัวเองมากขึ้น และจะช่วยเราสร้างเป้าหมายที่ใหญ่มากขึ้นในอนาคตได้ค่ะ”
“เทคนิคการตั้งเป้าหมายของแอนนา แอนนาใช้ SMART Goals ‘S’ คือ Specific เป้าหมายยิ่งชัดเจน ยิ่งแคบ ยิ่งสำเร็จ ‘M’ คือ Measurable เป้าหมายที่วัดได้ และมีตัวเลขที่ชัดเจนจะช่วยทำให้เราโฟกัสได้มากยิ่งขึ้น ‘A’ คือ Achievable เป้าหมายที่เราตั้งควรจะสามารถเป็นจริงได้ ‘R’ คือ Relevant ชีวิตคนเราแน่นอนว่าต้องมีเป้าหมายมากกว่าหนึ่งอย่าง เพราะฉะนั้นเรามีหลายเป้าหมายได้แต่ทุกเป้าหมายควรจะสอดคล้องกันหรือมีทิศทางไปในทางเดียวกันเพื่อไม่ให้เราสับสนในการโฟกัสหรือการลงมือทำ และ ‘T’ คือ Time-Bound ในทุกเป้าหมายควรจะกำหนดกรอบระยะเวลาในการทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ เพราะหากไม่กำหนดเวลาให้กับสิ่งไหนเลย เราก็อาจผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ได้ค่ะ”
จงฝันให้ไกล และใช้ชีวิตให้เต็มที่ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ อยากทำอะไร ลุยเลย เชื่อมั่นในตัวเองไว้ จะได้ไม่เสียดายทีหลัง
“แอนนาอยากบอกผู้หญิงทุกคนว่า สุดท้ายแล้วความตายมันเป็นเรื่องที่ไม่แน่ไม่นอน และเป็นเรื่องที่เราไม่ค่อยพูดถึงมันบ่อยนัก แต่มันอาจจะเกิดขึ้นกับเราพรุ่งนี้ก็ได้ อย่างน้อยถ้าเราได้ลองตั้งเป้าหมายให้ตัวเองสักหนึ่งอย่าง ได้ลองพาตัวเองเข้าใกล้เป้าหมายนั้นในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แอนนาเชื่อว่าทุกคนจะภูมิใจที่ได้เกิดมา ใช้ชีวิตโดยมองเห็นคุณค่าของตัวเองกันเถอะค่ะ”
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- เป้าหมายที่ ‘แอนนา เสืองามเอี่ยม’ บันทึกไว้บน iPhone ว่าก่อนตายอยากทำอะไร และอยากเป็นผู้หญิงแบบไหน
- ‘ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม’ มองความทึมเทาหลากหลายเฉดของมนุษย์ และคำว่าเฟมินิสม์ ผ่านสายตาผู้กำกับ ‘ดรีม ฐานิกา’ และ ‘เอลิซ่า เปียง’
- เอว่อน จง ‘Styleแม่จง’ สาวซ่าจากฮ่องกงวัย 63 ที่ม่วนจอยกับการแต่งตัวสไตล์เด็กยุคใหม่ โดยมีลูกๆ Gen Z และ Gen Y เป็นแรงซัพพอร์ต
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com