โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ซัดมาครง รัสเซียจวกผู้นำฝรั่งเศสปูทางสู่สงครามโลกครั้งที่สาม

Khaosod

อัพเดต 06 มี.ค. เวลา 10.03 น. • เผยแพร่ 06 มี.ค. เวลา 07.20 น.

ซัดมาครง รัสเซียจวกผู้นำฝรั่งเศสปูทางสู่สงครามโลกครั้งที่สาม

ซัดมาครง - วันที่ 6 มี.ค. รอยเตอร์รายงานว่า บรรดาหน่วยงานและนักการเมืองของรัสเซียกล่าวโจมตีแถลงรวมการณ์เฉพาะกิจของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ที่ตราหน้ารัสเซียว่าเป็นภัยคุกคามต่อยุโรป ว่าเป็นคำกล่าวที่จะปูเส้นทางไปสู่สงครามโลกครั้งใหม่

การเปิดฉากส่งกองทัพรัสเซียเข้ารุกรานยูเครนที่เกิดขึ้นยาวนานมากว่า 3 ปี ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างรัสเซียกับเหล่าชาติตะวันตกนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาปีพ.ศ. 2505 โดยทั้งทางการสหรัฐอเมริกาและรัสเซียต่างเตือนถึงความพลาดพลั้งที่อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สาม

อย่างไรก็ตาม การพลิกจุดยืนของสหรัฐตามดำริของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐคนใหม่ ที่มีเป้าหมายเจรจาสร้างสันติภาพกับฝ่ายรัสเซีย โดยบีบบังคับให้ยูเครนต้องยอมรับนั้นกำลังก่อให้เกิดวิกฤตต่อชาติยุโรป เนื่องจากหวาดเกรงว่าสหรัฐจะยุติบทบาทผู้คุ้มครองทวีปยุโรป

ประธานาธิบดีมาครง ระบุว่า รัสเซียเป็นภัยคุกคามต่อทั้งฝรั่งเศสและชาติยุโรป พร้อมยืนยันว่า สงครามยูเครนนั้นกลายเป็นความขัดแย้งระดับโลกไปแล้ว ตนจะเดินหน้าผลักดันให้มีการดีเบตหาข้อสรุปว่า ฝรั่งเศสควรขยาย "ร่มนิวเคลียร์" ไปคุ้มครองชาติยุโรปอื่นเพิ่มเติมหรือไม่

นายคอนสแตนติน โคซาเชฟ วุฒิสมาชิกอาวุโสรัสเซีย กล่าวว่า การวิเคราะห์ที่ผิดพลาดย่อมนำไปสู่ความผิดพลาดอย่างมหันต์

"ท่านมาครงกำลังพยายามยัดเยียดความสุดโต่งให้ชาวฝรั่งเศส ชาติพันธมิตร และประชาคมโลกให้เกิดความเข้าใจที่เป็นเท็จต่อลักษณะความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น ว่ารัสเซียกำลังจะบุกมาแล้ว! ถือเป็นการสรุปความที่ผิดและก่อให้เกิดข้อแนะนำต่างๆ ที่จะพาดำดิ่งไปสู่หายนะ"

ส่วนนายดิมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย ระบุถึงประธานาธิบดีมาครงว่าไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อรัสเซียและคาดว่าจะสูญเสียอำนาจผู้นำไปในปี 2570

ข้อมูลจากกลุ่มสหพันธรัฐนักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (FAS) ระบุว่า รัสเซียและสหรัฐเป็นชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองมากที่สุดในโลก ประมาณกว่า 5 พันหัวรบ รองลงมาเป็นจีน (500 หัวรบ) ฝรั่งเศส (290 หัวรบ) และอังกฤษ (229 หัวรบ)

สงคราม

ทางการรัสเซียมองว่า ท่าทีแข็งกร้าวจากประธานาธิบดีมาครง และเซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ รวมถึงผู้นำชาติยุโรปอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมานั้นไม่สอดคล้องกับแสนยานุภาพที่ชาติเหล่านี้มี โดยรัสเซียอ้างถึงการรุกคืบต่อเนื่องในสมรภูมิยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เคยมีคำสั่งเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา ให้กองทัพรัสเซียขยายขนาดกำลังพลประจำการจาก 180,000 นาย เป็น 1.5 ล้านนาย ซึ่งจะส่งผลให้กองทัพรัสเซียนั้นมีขนาดกำลงพลใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองรองจากจีน

ด้านนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวล้อเลียนถึงกรณีที่ผู้นำฝรั่งเศสระบุไว้ว่าฝรั่งเศสมีกองทัพที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ว่าประธานาธิบดีมาครงน่าจะกำลังฝึกหัดการวัดเรื่องข้างต้นอยู่

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีปูตินเคยกล่าวปฏิเสธถึงความหวาดระแวงของบรรดาชาติยุโรปที่รัสเซียอาจเปิดสงครามกับชาติภาคีองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ทั้ง 32 ประเทศ ไว้หลายครั้งว่าเป็นเรื่องไม่มีเหตุผลและไม่เป็นความจริง

โดยบรรดาชาติตะวันตกระบุถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่า เป็นความพยายามของประธานาธิบดีปูตินที่มีแนวคิดจักรวรรดินิยมและใช้กำลังทหารเข้ายึดครองยูเครน ล่าสุด รัสเซียสามารถครอบครองพื้นที่ของยูเครนได้เด็ดขาดแล้วร้อยละ 20

ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินอธิบายถึงความขัดแย้งดังกล่าว ว่าเป็นการดิ้นรนของรัสเซียเพื่อต่อต้านบรรดาชาติตะวันตกที่ฉกฉวยโอกาสขยายขนาดนาโต้หลังอดีตสหภาพโซเวียตล่มสลายจนรุกล้ำเข้ามาในชาติที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของรัสเซีย ในจำนวนนี้ คือ ยูเครน

นายโคซาเชฟ ระบุถึงประธานาธิบดีมาครงว่ามีพฤติกรรมที่ออกห่างจากตัวอย่างที่ดีอย่างอดีตประธานาธิบดีชาร์ล เดอ โกล รัฐบุรุษฝรั่งเศส และพยายามนำปัญหาทั้งหมดของฝรั่งเศสรวมถึงยุโรปมากล่าวโทษต่อรัสเซียไว้แต่เพียงผู้เดียว

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ซัดมาครง รัสเซียจวกผู้นำฝรั่งเศสปูทางสู่สงครามโลกครั้งที่สาม

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...