ซัดมาครง รัสเซียจวกผู้นำฝรั่งเศสปูทางสู่สงครามโลกครั้งที่สาม
ซัดมาครง รัสเซียจวกผู้นำฝรั่งเศสปูทางสู่สงครามโลกครั้งที่สาม
ซัดมาครง - วันที่ 6 มี.ค. รอยเตอร์รายงานว่า บรรดาหน่วยงานและนักการเมืองของรัสเซียกล่าวโจมตีแถลงรวมการณ์เฉพาะกิจของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ที่ตราหน้ารัสเซียว่าเป็นภัยคุกคามต่อยุโรป ว่าเป็นคำกล่าวที่จะปูเส้นทางไปสู่สงครามโลกครั้งใหม่
การเปิดฉากส่งกองทัพรัสเซียเข้ารุกรานยูเครนที่เกิดขึ้นยาวนานมากว่า 3 ปี ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างรัสเซียกับเหล่าชาติตะวันตกนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาปีพ.ศ. 2505 โดยทั้งทางการสหรัฐอเมริกาและรัสเซียต่างเตือนถึงความพลาดพลั้งที่อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สาม
อย่างไรก็ตาม การพลิกจุดยืนของสหรัฐตามดำริของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐคนใหม่ ที่มีเป้าหมายเจรจาสร้างสันติภาพกับฝ่ายรัสเซีย โดยบีบบังคับให้ยูเครนต้องยอมรับนั้นกำลังก่อให้เกิดวิกฤตต่อชาติยุโรป เนื่องจากหวาดเกรงว่าสหรัฐจะยุติบทบาทผู้คุ้มครองทวีปยุโรป
ประธานาธิบดีมาครง ระบุว่า รัสเซียเป็นภัยคุกคามต่อทั้งฝรั่งเศสและชาติยุโรป พร้อมยืนยันว่า สงครามยูเครนนั้นกลายเป็นความขัดแย้งระดับโลกไปแล้ว ตนจะเดินหน้าผลักดันให้มีการดีเบตหาข้อสรุปว่า ฝรั่งเศสควรขยาย "ร่มนิวเคลียร์" ไปคุ้มครองชาติยุโรปอื่นเพิ่มเติมหรือไม่
นายคอนสแตนติน โคซาเชฟ วุฒิสมาชิกอาวุโสรัสเซีย กล่าวว่า การวิเคราะห์ที่ผิดพลาดย่อมนำไปสู่ความผิดพลาดอย่างมหันต์
"ท่านมาครงกำลังพยายามยัดเยียดความสุดโต่งให้ชาวฝรั่งเศส ชาติพันธมิตร และประชาคมโลกให้เกิดความเข้าใจที่เป็นเท็จต่อลักษณะความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น ว่ารัสเซียกำลังจะบุกมาแล้ว! ถือเป็นการสรุปความที่ผิดและก่อให้เกิดข้อแนะนำต่างๆ ที่จะพาดำดิ่งไปสู่หายนะ"
ส่วนนายดิมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย ระบุถึงประธานาธิบดีมาครงว่าไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อรัสเซียและคาดว่าจะสูญเสียอำนาจผู้นำไปในปี 2570
ข้อมูลจากกลุ่มสหพันธรัฐนักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (FAS) ระบุว่า รัสเซียและสหรัฐเป็นชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองมากที่สุดในโลก ประมาณกว่า 5 พันหัวรบ รองลงมาเป็นจีน (500 หัวรบ) ฝรั่งเศส (290 หัวรบ) และอังกฤษ (229 หัวรบ)
สงคราม
ทางการรัสเซียมองว่า ท่าทีแข็งกร้าวจากประธานาธิบดีมาครง และเซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ รวมถึงผู้นำชาติยุโรปอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมานั้นไม่สอดคล้องกับแสนยานุภาพที่ชาติเหล่านี้มี โดยรัสเซียอ้างถึงการรุกคืบต่อเนื่องในสมรภูมิยูเครน
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เคยมีคำสั่งเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา ให้กองทัพรัสเซียขยายขนาดกำลังพลประจำการจาก 180,000 นาย เป็น 1.5 ล้านนาย ซึ่งจะส่งผลให้กองทัพรัสเซียนั้นมีขนาดกำลงพลใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองรองจากจีน
ด้านนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวล้อเลียนถึงกรณีที่ผู้นำฝรั่งเศสระบุไว้ว่าฝรั่งเศสมีกองทัพที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ว่าประธานาธิบดีมาครงน่าจะกำลังฝึกหัดการวัดเรื่องข้างต้นอยู่
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีปูตินเคยกล่าวปฏิเสธถึงความหวาดระแวงของบรรดาชาติยุโรปที่รัสเซียอาจเปิดสงครามกับชาติภาคีองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ทั้ง 32 ประเทศ ไว้หลายครั้งว่าเป็นเรื่องไม่มีเหตุผลและไม่เป็นความจริง
โดยบรรดาชาติตะวันตกระบุถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่า เป็นความพยายามของประธานาธิบดีปูตินที่มีแนวคิดจักรวรรดินิยมและใช้กำลังทหารเข้ายึดครองยูเครน ล่าสุด รัสเซียสามารถครอบครองพื้นที่ของยูเครนได้เด็ดขาดแล้วร้อยละ 20
ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินอธิบายถึงความขัดแย้งดังกล่าว ว่าเป็นการดิ้นรนของรัสเซียเพื่อต่อต้านบรรดาชาติตะวันตกที่ฉกฉวยโอกาสขยายขนาดนาโต้หลังอดีตสหภาพโซเวียตล่มสลายจนรุกล้ำเข้ามาในชาติที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของรัสเซีย ในจำนวนนี้ คือ ยูเครน
นายโคซาเชฟ ระบุถึงประธานาธิบดีมาครงว่ามีพฤติกรรมที่ออกห่างจากตัวอย่างที่ดีอย่างอดีตประธานาธิบดีชาร์ล เดอ โกล รัฐบุรุษฝรั่งเศส และพยายามนำปัญหาทั้งหมดของฝรั่งเศสรวมถึงยุโรปมากล่าวโทษต่อรัสเซียไว้แต่เพียงผู้เดียว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ซัดมาครง รัสเซียจวกผู้นำฝรั่งเศสปูทางสู่สงครามโลกครั้งที่สาม
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th