ราคาทองแดง ร่วงต่ำกว่า 9,000 ดอลล์/ตัน เหตุดอลลาร์แข็งค่าไม่หยุด หลังเลือกตั้งสหรัฐ
"ราคาทองแดง" ร่วงต่ำกว่า 9,000 ดอลล์/ตัน หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง หลังเลือกตั้งสหรัฐ ขณะที่สังกะสี อลูมิเนียม แร่เหล็ก ร่วงเช่นกัน
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาทองแดง ร่วงลงต่ำกว่า 9,000 ดอลลาร์ต่อตัน เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน เนื่องจากดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังจากการเลือกตั้งสหรัฐ
โดยราคาฟิวเจอร์สในตลาดโลหะลอนดอนร่วงลงราว 7% นับตั้งแต่ปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดี (14 พ.ย.67) ซึ่งการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะใช้นโยบายเข้มงวดยิ่งขึ้นในระยะยาว
ทรัมป์สัญญาว่าจะเพิ่มภาษีศุลกากรและลดภาษี ซึ่งทั้งสองอย่างนี้อาจเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้กับเศรษฐกิจ ความเสี่ยงดังกล่าวได้รับการเน้นย้ำ เมื่อดัชนีราคาผู้บริโภคแสดงให้เห็นถึงการเร่งตัวขึ้นครั้งแรกเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
ทั้งนี้ ราคาทองแดงลดลงนับตั้งแต่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของดีมานด์ในจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคโลหะรายใหญ่ที่สุดของโลก ความกระตือรือร้นต่อนโยบายการเติบโตของจีนลดน้อยลง เนื่องจากนักลงทุนมองหาสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นว่ารัฐบาลจะออกนโยบายเพิ่มเติม เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะกระตุ้นอุปสงค์ของสินค้าโภคภัณฑ์
ตลาดกำลังจับตาดูผลกระทบของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีน คาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดขายปลีกในกลุ่มผู้บริโภคโลหะรายใหญ่ของโลกจะเติบโตในอัตราที่เร็วกว่าในเดือนตุลาคมเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ตามการสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์ก
ราคาทองแดงลดลง 1.3% ที่ LME เหลือ 8,932 ดอลลาร์ต่อตัน เมื่อเวลา 10.43 น. ในสิงคโปร์ โลหะอื่นๆ ส่วนใหญ่ลดลง โดยสังกะสีลดลง 1.8% และอลูมิเนียมลดลง 0.7%
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแร่เหล็กร่วงลง 1.2% เหลือ 99.40 ดอลลาร์ต่อตันในสิงคโปร์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าในต้าเหลียนก็ร่วงลงเช่นกัน รวมถึงสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเหล็กในเซี่ยงไฮ้ด้วย
อ้างอิง : bloomberg.com