โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศาลตัดสิน คดีปาร์ตี้กกน.-ยาเสพติด คุมประพฤติ 1 ปี-บริการสังคม 12 ชั่วโมง

MATICHON ONLINE

อัพเดต 09 ธ.ค. 2567 เวลา 13.50 น. • เผยแพร่ 09 ธ.ค. 2567 เวลา 13.00 น.

ศาลแขวงพระนครใต้ พิพากษาคดีปาร์ตี้กกน. เสพยาเสพติด 2 สำนวน ริบของกลางพร้อมคุมประพฤติ 1 ปี พ่วงบริการสังคม 12 ชั่วโมง เผยมี 13 รายให้การปฏิเสธ คุมขัง 1 อีก 12 วางหลักทรัพย์ประกันตัว

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ศาลแขวงพระนครใต้ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 (ยานนาวา) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องด้วยวาจานายหวัง อายุ 24 ปี ชาวไต้หวัน เป็นจำเลย ในคดีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลแขวงพระนครใต้รับเป็นคดีหมายเลขดำ ย 315/ 2567

โจทก์ยื่นฟ้องว่าเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เวลากลางคืน จำเลยได้มียาอีจำนวน 3 เม็ด เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข น้ำหนักสุทธิเท่าใดไม่ปรากฏชัดไว้ในครอบครองเพื่อเสพ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและจำเลยได้เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาอี ไม่ทราบปริมาณด้วยวิธีการกินยาอีเข้าไปเป็นเม็ด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

เจ้าพนักงานจับจำเลยพร้อมยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ชนิดเม็ดรูปการ์ตูนสีแดงบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบเลื่อนเปิด-กดปิด จำนวน 3 เม็ด ที่จำเลยได้ใช้กระทำความผิดโดยมีไว้ครอบครองเพื่อเสพ จำเลยให้การรับสารภาพตลาดข้อกล่าวหา จำเลยไม่สมัครใจเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด พ.ศ. 2564 มาตรา 1, 29, 90,134,107 และ164 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 1 พ.ศ.2565 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2565 และบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 1 พ.ศ. 2565 ลำดับที่ 59 กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 ขอให้ศาลริบของกลาง

ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 104, 107, 134, 162 และ 164 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานเสพยาอี จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ฐานมียาเสพติดประเภท 1 (ยาอี)ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 2 เดือนและปรับ 6,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ฐานมียาอี จำคุก 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 1 เดือน ปรับ 3,000 บาทรวม จำคุก 2 เดือน ปรับ 5,000 บาท ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภท ริบของกลาง ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คุมความประพฤติจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง และให้ไปรับการบำบัดอาการติดยาเสพติด ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร

ขณะเดียวกัน พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 (ยานนาวา) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องด้วยวาจานายพันธุ์ธรรณ อายุ 34 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และเสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน)โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี)ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค 67 เวลากลางคืนจำเลยได้มีเคตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยจำเลยมียาเสพติด คีตามีน 3 ถุง รวมน้ำหนัก 0.37 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำเลยได้เสพคีตามีนจำนวนและปริมาณเท่าใดไม่ปรากฏชัด โดยวิธีการใช้หลอดพลาสติกสูตรดมผงคีตามีนเข้าทางจมูกของจำเลยอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

นอกจากนี้จำเลยยังมียาอี อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 1 เม็ดและ 1 ชิ้น น้ำหนักสุทธิเท่าใดไม่ปรากฏชัดไว้ในครอบครองเพื่อเสพ เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยจำเลยได้เสพยาอีอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ด้วยวิธีการกินยาอีเข้าไปเป็นเม็ด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยพร้อมยึดของกลางคีตามีนชนิดผงสีขาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบเลื่อนปิด ดึงเปิดจำนวน 3 ถุง และยาเสพติดประเภท 1 ยาอีชนิดเม็ดรูปสี่เหลี่ยมบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบเลื่อนเปิด กดปิดจำนวน 1 เม็ด ที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดมีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ โดยจำเลยไม่สมัครใจเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด

ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดพ.ศ. 2564 มาตรา 1, 29, 30, 90, 104, 107, 134, 162 และ 164 ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อวัตถุออกฤทธิ์และประเภท 2 พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2565 และตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวชื่อ วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ลำดับที่ 17 กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในการครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567 ข้อ 5 (ข) ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 พ.ศ 2565 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2565 และบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 พ.ศ 2565 ลำดับที่ 59 กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพพ.ศ 2567 ข้อ 2 (1) (ช) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 91 และ พ.ร.บ.แก้ไขเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ขอให้ศาลเป็นของกลาง

พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 104,107, 162, 164 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานเสพคีตามีน จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 4 เดือน ปรับ 8,000 บาท ฐานเสพยาอี จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 2 เดือน ปรับ 6,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ฐานเสพเคตามีน จำคุก 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาทฐานเสพยาอี จำคุก 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 1 เดือน ปรับ 3,000 บาท รวมจำคุก 5 เดือน ปรับ 11,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ห้ามจำอะไรเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภท และ ริบของกลาง ให้คุมประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี กับให้จำเลยทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง

ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อยังได้นำตัว ผู้ต้องหา 13 คน ที่ให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดีไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอฝากขังได้แก่ นายอัตถสิทธิ์ ผู้ต้องหาครอบครองยาอี คีตามีน , นายธนพล ผู้ต้องหาเสพยาอีและครอบครองฯ , นายณัฐวัฒน์ ผู้ต้องหาครอบครองยาอี , นายศราธิป ผู้ต้องหาครอบครองยาอี , นายตัน เหงียนผู้ต้องหาครอบครองเคตามีน , นายวรวรรธน์ ผู้ต้องหาครอบครองไอซ์ คีตามีน , นายเมธิสรัศมิ์ ผู้ต้องหาในคดีครอบครองไอซ์ เคตามีน , นายชนะปกรณ์ ผู้ต้องหาครอบครองและเสพยาอี , นายทินภัทร ผู้ต้องหาในคดีเสพและครอบครองเคตามีน ยาอี , นายรัตตชา ผู้ต้องหาในคดีเสพและครอบครองยาอี เคตามีน , นายวรรณกร ผู้ต้องหาในคดีจำหน่ายยาอีและเคตามีน , น.ส.นรีพร ผู้ต้องหาครอบครองเคตามีน และนายกวินกร ผู้ต้องหาครอบครองเคตามีน

โดยทั้ง 13 คนมีเพียงนายวรรณกร เพียงรายเดียวที่ถูกคุมขัง ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 12 คนได้รับการประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินจำนวนคนละ 350,000 บาท

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ศาลตัดสิน คดีปาร์ตี้กกน.-ยาเสพติด คุมประพฤติ 1 ปี-บริการสังคม 12 ชั่วโมง

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...