โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

Big Bad Wolf Books 2023 เริ่มแล้ว หนังสือต่างประเทศ ลดสูงสุด 95%

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 04 ส.ค. 2566 เวลา 12.57 น. • เผยแพร่ 04 ส.ค. 2566 เวลา 11.40 น.

Big Bad Wolf Books 2023 เริ่มแล้ว มหกรรมหนังสือกว่า 1 ล้านเล่ม ลดสูงสุด 95% วันนี้ถึง 15 ส.ค. นี้ ที่ The Market Bangkok ราชประสงค์

Big Bad Wolf Books เทศกาลหนังสือภาษาอังกฤษสุดยิ่งใหญ่กลับมาสร้างความสุขและส่งต่อแรงบันดาลใจอีกครั้งในปี 2566 กับหนังสือคุณภาพดี ราคาย่อมเยา บนโลเกชั่นใหม่ใจกลางเมืองที่ The Market Bangkok ราชประสงค์ ตั้งแต่วันที่ 4-15 สิงหาคมนี้

หมาป่าบุกกรุงครั้งนี้จัดเต็มกองทัพหนังสือมากกว่า 1 ล้านเล่ม พร้อมส่วนลดสูงสุด 95% ครอบคลุมในทุกหมวดหมู่โดยเฉพาะหนังสือต่างประเทศ

จากมาเลเซีย ขยายพรมแดนความรู้ทั่วโลก

Big Bad Wolf Books เป็นเทศกาลหนังสือภาษาอังกฤษที่ก่อตั้งขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในปี 2552 โดย “แอนดรูว์ แย็บ” และ “แจ็คเกอลีน อึ๊ง” สองสามีภรรยาที่หลงรักการอ่านและเชื่อว่าหนังสือจะเป็นตัวจุดประกาย พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้นักอ่านทุกวัยไล่ตามความฝัน

Big Bad Wolf Books ได้ออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อสร้างนักอ่านรุ่นใหม่ และขยายพรมแดนความรู้ภาษาอังกฤษ โดยมีนิทรรศการแล้วถึง 37 เมือง ใน 15 ประเทศทั่วโลก ด้วยราคาที่ย่อมเยา ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงหนังสือที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม

งานหนังสือใจกลางกรุงเทพฯ

Big Bad Wolf Books 2023 ที่กรุงเทพมหานคร เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ “นางแจ็คเกอลีน อึ๊ง” ผู้ร่วมก่อตั้ง Big Bad Wolf Books & BookXcess “นางริสรวล อร่ามเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด หนึ่งในผู้ก่อตั้ง ไทย บุ๊ค ยูไนเต็ด (Thai Book United : TBU) ในฐานะผู้จัดหาสำนักพิมพ์ไทยเข้าร่วมงาน และ “นางสาวตรัสวิน จิตติเดชารักษ์” ประธานบริหาร สำนักพิมพ์ ซิลค์เวอร์ม บุคส์

นางแจ็คเกอลีนกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการส่งความสุขและแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านทุกคนผ่านหนังสือมากกว่า 1 ล้านเล่ม ที่เราคัดสรรมาจากสำนักพิมพ์ชั้นนำทั่วโลกและประเทศไทย

เรารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่โลกได้ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 และได้กลับมาจัดงาน Big Bad Wolf Books ที่กรุงเทพมหานครอีกครั้งหนึ่ง

ความแตกต่างของ Big Bad Wolf Books 2023 กับครั้งที่ผ่าน ๆ มา คือ ปีนี้จะมีหนังสือที่ลดราคาเพิ่มขึ้น โดยเริ่มต้นเล่มละ 49 บาทเท่านั้น และเปิดให้เดินกันถึงเที่ยงคืน

หนังสือภายในงานเป็นหนังสือคุณภาพ ราคาย่อมเยา ซึ่งเหมาะมากที่จะซื้อให้ตัวเองหรือเป็นของขวัญ นอกจากนี้ยังมีหนังสือสำหรับเด็ก ๆ มากมาย เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้สำรวจและค้นหาว่าตัวเองมีความชอบด้านอะไร ไม่ว่าจะเป็น อวกาศ วิทยาศาสตร์ หรือ สุขภาพ เป็นต้น

“ไม่มีโมเมนต์ไหนที่จะทำให้เรารู้สึกว่าเด็ก ๆ ได้ใช้เวลาเสริมสร้างการอ่าน ทำให้เด็กอ่านหนังสือมากขึ้น และค้นพบตัวเองไปได้มากกว่างานนี้แล้ว เป็นการใช้เวลาดี ๆ ร่วมกันในครอบครัว” ผู้ก่อตั้ง Big Bad Wolf Books กล่าว

ด้านนางริสรวลกล่าวว่า การจัดเทศกาลหนังสือเป็นภาพสะท้อนความสุขของนักอ่านทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่ต่างรอคอยหนังสือลดราคา

แม้ Big Bad Wolf Books จะเป็นเทศกาลหนังสือจากต่างประเทศ แต่ก็เปิดกว้างให้สำนักพิมพ์ไทยเข้าร่วมเพื่อสร้างเทศกาลหนังสือที่จะตอบโจทย์คนรักหนังสืออย่างทั่วถึงและหลากหลาย

หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ทุกอย่างช้าลง วันนี้เรามีความเชื่อว่าจะกระตุ้นให้คนไทยสามารถกลับมาซื้อหนังสือภาษาอังกฤษดี ๆ ได้ในราคาที่ไม่แพง

เติมเต็มความต้องการนักอ่าน

นางริสรวลกล่าวอีกว่า งานครั้งนี้จะสามารถเติมเต็มดีมานด์ของบรรดานักอ่านได้ แม้พื้นที่ในการจัดงานปีนี้จะลดลงมาจาก 10,000 ตารางเมตร ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เหลือ 2,500 ตารางเมตร แต่จำนวนปกหนังสือยังเท่าเดิม

ซึ่งครอบคลุมทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือสำหรับครอบครัว ทั้งหนังสือเด็ก หนังสือเสียง วรรณกรรมคลาสสิก นิยายขายดี สารคดี ปรัชญา การพัฒนาตัวเอง ตำราอาหาร ชีวประวัติ การท่องเที่ยว สืบสวนสอบสวน ประวัติศาสตร์ การเมืองและอื่น ๆ อีกมากมาย

ในส่วนของรายได้นั้น นางริสรวลกล่าวว่า พื้นที่ที่ลดลง 4 เท่า ย่อมสัมพันธ์กับเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าตลอดระยะเวลาจัดงานจะมีรายได้เกินกว่า 20 ล้านบาท และตั้งเป้าให้ผู้เยี่ยมชมงานใช้จ่าย 1,500 บาทต่อคนเป็นอย่างน้อย

ขอให้หนังสือไปถึงมือผู้อ่าน บางคนจะซื้อหนังซื้อจากงานไปขายต่อในราคาที่แพงกว่าก็ไม่เป็นไร เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้สื้อ ถ้าเขาเอาไปขายต่อแบบแพงมากก็ไม่มีคนซื้ออยู่ดี แต่สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดหรือไม่สะดวกมาเดินงาน การจ่ายเเพงกว่าไม่มากก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดี

งานนี้จึงมีเป็นการบรรจบกันของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย 2 จุดด้วยกัน นั่นคือหนังสือขายออกและผู้อ่านได้ซื้อหนังสือต่างประเทศในราคาที่จับต้องได้

“เราเห็นความเปลี่ยนแปลงมามากพอสมควร ตั้งแต่สมัยที่ธุรกิจหนังสือยังรุ่งเรือง จนวันนี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ยอมรับว่าตอนแรกก็กังวลว่าคนจะไม่อ่านหนังสือแล้ว แต่สมองคนเรายังต้องการที่จะรับข้อมูลต่าง ๆ เข้าไปเพื่อประมวลผล คนยังต้องอ่านหนังสือ และต้องอ่านตั้งแต่เด็ก จึงจะมีพัฒนาการทางสมองที่ดีได้” นางริสรวลกล่าว

เสริมการอ่าน ให้คนไทยคุ้นภาษาอังกฤษ

นางสาวตรัสวินกล่าวว่า สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของประเทศไทยคือการใช้ภาษาอังกฤษซึ่งสำคัญมากในปัจจุบัน Big Bad Wolf Books จึงต้องการทำให้คนคุ้ยเคยกับภาษาอังกฤษมากขึ้นด้วยหนังสือที่ราคาถูกลง

ในเงินจำนวนเท่ากันถ้าซื้อหนังสือต่างประเทศจากร้านที่นำเข้ามาได้ 2 เล่ม แต่ใน Big Bad Wolf Books อาจมากถึง 10 เล่ม ซึ่งมีทั้งหนังสือใหม่และเก่าในสภาพดี

เราสามารถสร้างเสริมนิสัยการอ่านให้เด็กได้ แต่เป็นเรื่องที่ยากมากในวัยผู้ใหญ่ การอ่านช่วยให้สมาธิเราดีขึ้น ปัจจุบันการอยู่กับจอโทรศัพท์นาน ๆ จะทำให้เราอ่านได้ไม่เกิน 20 นาทีก็จะถูกดึงดูดความสนใจไปที่อื่น การไม่เสียสมาธิคือทักษะที่สำคัญที่สุด

ดังนั้น วิธีที่จะทำให้อยู่ในสมาธิได้คือต้องฝึกอ่านหนังสือ อย่างน้อยจดจ้องให้ได้ 20 นาทีด้วยการอ่านหนังสือ สมองต้องการแบบนั้น

“แม้วันนี้จะเป็นวันแรกของงาน Big Bad Wolf Books แต่เมื่อเห็นบรรยากาศก็รู้สึกอัศจรรย์และขนลุกกับหนังสือใหม่ ๆ” นางสาวตรัสวินกล่าว

การอ่านของคนไทยเทียบกับอาเซียน

นางสาวตรัสวินกล่าวว่า อย่างแรกต้องช่วยกันลบความทรงจำเรื่องคนไทยอ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัดซึ่งเชยมาก ปัจจุบันคนไทยอ่าน 2 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งรวมทั้งการอ่านผ่านหน้าจอโทรศัพท์และการอ่านหนังสือ

อย่างไรก็ตาม การอ่านของคนไทยเมื่อเทียบในระดับอาเซียนถือว่าดีขึ้นมาก แต่ก็ยังขาดการอ่านภาษาอังกฤษไป

ปัจจุบันกลุ่มคนอ่านหนังสือช่วงอายุ 10-16 ปี (Young Adult) ของคนไทยเริ่มหายไป แม้จะอ่านกันตอนเด็ก แต่เมื่อขึ้นมัธยมก็เริ่มไม่อ่านด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น ต้องมุ่งมั่นกับการเรียนมากขึ้น หรือเป็นวัยที่เริ่มใช้โทรศัพท์มือถือแล้ว เป็นต้น

เดิมทีในมาเลเซีย ประเทศต้นกำเนิดของ Big Bad Wolf Books ก็เป็นเช่นนั้น แต่ก็ใช้เวลาเพียง 5 ปีในการทำให้กลุ่ม Young Adult กลับมาอ่านหนังสือและมียอดขายที่ดีจากคนกลุ่มนี้

สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ถ้าภาครัฐ เอกชน และครอบครัวไม่เริ่มสร้างพัฒนาการด้านการอ่านให้คนกลุ่มนี้ การแข่งขันระหว่างเยาวชนและคนวัยทำงานของไทยจะสู้เขาไม่ได้ในอนาคต

“ตลาดหนังสือของประเทศไทยเป็นตลาดจริง กล่าวคือไม่มีการสนับสนุนจากรัฐบาล ตลาดหนังสือไทยโตเพราะสำนักพิมพ์ดิ้นรนกันเอง แต่ในเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย รัฐบาลเขาสนับสนุน ซึ่งของเราน้อยมาก โดยมี 2564 มูลค่าตลาดหนังสือในประเทศไทยอยู่ประมาณ 13,000 ล้านบาท และอาจขึ้นถึง 15,000 ล้านบาทในปีนี้” นางสาวตรัสวินกล่าว

นางริสรวลกล่าวเสริมว่า ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว การอ่านในช่วงเด็กปฐมศึกษาค่อย ๆ หายไป นี่คือสิ่งที่น่ากลัว อีกทั้งระบบการศึกษาในประเทศไทยยังไม่สอดคล้องกับการอ่าน

เราอ่านหนังสือนอกเวลาเพียงปีละ 2 เล่ม และก็กลายเป็นยาขมเพราะเป็นการบังคับ เนื่องจากเด็กไม่มีทักษะการอ่านและไม่ได้ถูกให้อ่านมาตั้งแต่เล็ก ๆ

รายละเอียดงาน

  • สถานที่ : The Market Bangkok ราชประสงค์ (BTS สถานีชิดลม)
  • วันที่ : 4-15 สิงหาคม 2566
  • เวลา : 10.00-24.00 น.

ลิตส์หนังสือลดกระหน่ำ

  • Let’s learn Counting 49 บาท (ราคาปกติ 400 บาท)

  • Write and Wipe “Fun With Words” 230 บาท (ราคาปกติ 720 บาท)

  • Learn About Dinosaurs 230 บาท (ราคาปกติ 720 บาท)

  • Rocky Mountain Explorer 150 บาท (ราคาปกติ 900 บาท)

  • Children’s Encyclopedia 560 บาท (ราคาปกติ 1,250 บาท)

  • HOME STICKER BOOK 80 บาท (ราคาปกติ 1,000 บาท)

  • MILLIE MAROTTA’S TROPICAL WONDERLAND 70 บาท (ราคาปกติ 700 บาท)

  • LEGENDARY GERMAN CARS 260 บาท (ราคาปกติ 1,600 บาท)

  • EPIC BIG NATE 300 บาท (ราคาปกติ 2,000 บาท)

  • Big Bad Wolf Books 2023 มหกรรมหนังสือกว่า 1 ล้านเล่ม เริ่ม 4-15 ส.ค.นี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...