โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ส่องสวัสดิการ "โตโยต้า" ยักษ์ใหญ่แห่งยานยนต์ ดูแลพนักงานอย่างไรให้รองรับกับความหลากหลาย

Positioningmag

อัพเดต 23 ม.ค. เวลา 06.28 น. • เผยแพร่ 23 ม.ค. เวลา 14.46 น.

การดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน เนื่องจากมีการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งในเรื่องวัฒนธรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม เราจึงได้เห็นนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน ไปจนถึงเรื่องความเท่าเทียม เพื่อรองรับสังคมที่มีความหลากหลายมากขึ้น

นโยบาย DE&I สร้างโอกาสแห่งความเท่าเทียม

DE&I เป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่หลายๆ องค์กรเริ่มพูดถึง เป็นกระแสหลักที่ต้องจับตามองในปัจจุบัน โดยนโยบายดังกล่าวนั้น เปรียบเสมือนหนึ่งในหัวใจสำคัญในการบริหารบุคคลขององค์กรทั่วโลก และแน่นอนว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง
"โตโยต้า" หรือ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็ไม่ยอมตกขบวนนี้อย่างแน่นอน ทั้งในส่วนของบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น ภูมิภาคเอเชีย และประเทศไทย ได้ดำเนินนโยบาย DE&I เพื่อสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาติ และเป็นไปตามวิสัยทัศน์ “Creating Mobility For All” ที่กล่าวว่าเราจะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และมอบทางเลือก “การขับเคลื่อนสำหรับทุกคน” ที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อีกทั้งยังมีพันธกิจ “Producing Happiness for All” ที่ต้องการจะเป็นผู้สร้างความสุขให้กับทุกคน


แสดงให้เห็นว่าโตโยต้าเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความหลากหลาย และการให้โอกาสที่เท่าเทียมกัน โดยไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงต่อต้านการคุกคามต่อกันไม่ว่าจะเป็นในระดับสังคมองค์กร พนักงานหรือคู่ค้าทางธุรกิจ

ยอมรับความหลากหลาย และไม่เลือกปฏิบัติ

โตโยต้าได้ประกาศใช้นโยบาย DE&I เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 หลักๆ จะเป็นการเริ่มจากภายในองค์กร ก่อนที่เป้าหมายในระยะยาวจะขยายผลไปสู่คู่ค้า ตัวแทนจำหน่าย หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท แนวคิดของนโยบายนี้ต้องการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ครอบคลุม และเปิดกว้าง สนับสนุนความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่างในทุกระดับขององค์กร ซึ่งจะสะท้อนถึงคุณค่าและปรัชญาของ Toyota Way ที่มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรและพนักงานให้เติบโตไปพร้อมกันนั่นเอง
นโยบาย DE&I ของโตโยต้า ประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่
1.Diversity (ความหลากหลาย) : นโยบายนี้เน้นในเรื่องการสร้างสภาพแวดล้อมที่เคารพ และยอมรับความแตกต่างของคน ซึ่งในความแตกต่างนี้มีทั้งที่สามารถมองเห็นได้ เช่น เพศ อายุ หรือรูปลักษณ์ภายนอก เป็นต้น และยังรวมไปถึงสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เช่น ความคิด ความเชื่อ ศาสนา วัฒนธรรม และความสามารถต่างๆ เพื่อให้ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขยังรวมไปถึงการยอมรับ และสนับสนุนในความแตกต่างของแต่ละคนโดยไม่มีอคติ ยกตัวอย่างเช่น การสนับสนุนผู้หญิงในบทบาทผู้นำ
2.Equity (ความเท่าเทียม) : มีการออกแบบนโยบายและกระบวนการที่ให้ความเป็นธรรมแก่พนักงานทุกคน เช่น การประเมินผลงาน การจ่ายค่าตอบแทน และการเลื่อนตำแหน่ง รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เลือกปฏิบัติ (Non-Discrimination) และมอบโอกาสที่เท่าเทียมในการพัฒนาทักษะ และความก้าวหน้าในอาชีพของแต่ละคน


3.Inclusion (การยอมรับความแตกต่าง) : เป็นการให้คุณค่ากับความแตกต่างของคน สร้างพื้นที่ที่ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม และได้รับการยอมรับ รวมไปถึงป้องกันการล่วงละเมิด (Anti-Harassment) ผ่านการส่งเสริมให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรม และการกระทำใดๆ ที่ทำให้รู้สึกถึงการคุกคาม การล่วงละเมิด หรือการดูถูกเหยียดหยาม (Social Bullying) และยังสนับสนุนกิจกรรมหรือโปรแกรมที่ส่งเสริมความเข้าใจและเคารพต่อความแตกต่าง
โดยที่นโยบาย DE&I ของโตโยต้ามีการปรับใช้ในส่วนของการบริหารบุคคลอย่างจริงจัง โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการสรรหา คัดเลือกพนักงานโดยปราศจากอคติรวมถึงการดูแลและพัฒนาพนักงาน ตลอดจนการประเมิณผลการปฎิบัติงานไปจนถึงเกษียณอายุอีกด้วย
คุณสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
"ปัจจุบัน สังคมไทยเปิดกว้างในประเด็นเรื่อง DE&I เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเท่าเทียมกันระหว่างผู้ชายและผู้หญิง การยอมรับในเพศทางเลือก และการส่งเสริมไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติ รณรงค์ต่อต้านการ Bullying ในทุกรูปแบบ
ทั้งนี้ ความเท่าเทียมในสังคมไทยที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องการผ่านร่าง พรบ. สมรสเท่าเทียม ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 23 มกราคม 2568 นี้ ซึ่งไทยถือประเทศแรกในอาเซียน และนับเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียที่มีการผ่านร่างกฎหมายนี้ จึงมองว่า พรบ. สมรสเท่าเทียม เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะยกระดับความเท่าเทียมในสังคมไทยให้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง โตโยต้าเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องของความเท่าเทียม ผ่านนโยบาย DE&I และได้ปรับสวัสดิการและกฎระเบียบต่างๆให้สอดรับกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม และยังทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมในองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม"

ปรับสวัสดิการรองรับสมรสเท่าเทียม

ในส่วนของสวัสดิการที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการดึงดูดพนักงานใหม่ และรักษาพนักงานให้อยู่กับบริษัทฯ ไปนานๆ โตโยต้าซึ่งเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์ระดับโลกได้มีการปรับตัว ปรับสวัสดิการเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง


และในโอกาสที่กฏหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ โตโยต้าก็ได้ร่วมเฉลิมฉลองกับก้าวสำคัญนี้ผ่านการปรับสวัสดิการให้สอดคล้องกับ "กฏหมายสมรสเท่าเทียม" โดยให้สิทธิการลา สิทธิการรักษาพยาบาล และเงินช่วยเหลือในโอกาสต่างๆ ครอบคลุมคู่สมรสพนักงานที่เป็นเพศเดียวกัน รวมถึงยังให้สิทธิการลาประเภทพิเศษที่นอกเหนือจากกฏหมายกำหนด อาทิ สิทธิการลาผ่าตัดแปลงเพศโดยได้รับค่าจ้าง รวมถึงการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการแต่งกาย พนักงานสามารถแต่งกายตามเพศวิถี หรืออัตลักษณ์ทางเพศของตนได้ เพื่อส่งเสริมให้พนักงานเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ด้วยการสร้างบรรยากาศสถานที่ทำงานให้เป็นพื้นที่ “ปลอดภัยและสบายใจ”
นอกจากสวัสดิการที่รองรับสมรสเท่าเทียมแล้ว ยังมีการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อรองรับความหลากหลาย อาทิ ห้องน้ำสำหรับผู้ใช้รถเข็น ห้องน้ำที่ไม่แบ่งแยกเพศ ทางลาดและแผงควบคุมลิฟท์รองรับผู้ใช้เก้าอี้รถเข็น ห้องละหมาด ห้องให้นมบุตร ที่จอดรถและเก้าอี้คนท้อง รวมถึง Co-Working Space ที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การทำงาน


ส่วนสวัสดิการที่โดดเด่นที่สุดของโตโยต้า คือการมี Selective Welfare ที่พนักงานสามารถออกแบบสวัสดิการของตัวเองได้ตามรายการที่บริษัทกำหนด ช่วยตอบโจทย์และรองรับความต้องการที่หลากหลาย เช่น การเลือกไม่รับสวัสดิการบางรายการ เพื่อเปลี่ยนเป็นประกันสำหรับครอบครัว หรือบัตรกำนัลต่างๆ สำหรับเติมน้ำมัน เดินทางท่องเที่ยว ทานอาหาร บริการสปา หรือกระทั่งอุปกรณ์แกดเจ็ต สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ เป็นต้น
ทั้งนี้นโยบาย DE&I ของโตโยต้า ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อปรับใช้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้ความรู้ สร้างการรับรู้ และสร้างจิตสำนึกอีกด้วย ที่ผ่านมาโตโยต้าได้จัดอบรม E-learning “เรื่องนโยบายความหลากหลาย และการยอมรับความแตกต่าง” และอบรมเรื่อง Unconscious Bias เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอคติที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวอันเป็นหัวข้อสำคัญของการส่งเสริม DE&I ในองค์กร เพื่อสร้างค่านิยมอันดีงามในสังคม


โดยเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมนโยบาย DE&I ก็คือ การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ ทำให้องค์กรได้ส่งเสริมคนเก่ง และยังเป็นการรักษาคนให้อยู่กับองค์กรระยะยาวอีกด้วย
แรกเริ่มนโยบาย DE&I มีการใช้ในองค์กรเท่านั้น แต่ยังมีแผนระยะกลาง-ยาวโดยภายในต้นปี 2025 โตโยต้าจะเริ่มส่งเสริมนโยบาย DE&I ให้กับกลุ่มผู้แทนจำหน่ายเป็นกลุ่มแรก เนื่องจากมองว่ากลุ่มผู้แทนจำหน่าย คือตัวแทนที่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด อันจะเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่สะท้อนวิสัยทัศน์ในเรื่องนโยบายความหลากหลายเท่าเทียมให้กับสังคม นอกจากนี้ภายในปี 2025 โตโยต้าจะขยายขอบเขตไปยังห่วงโซ่ธุรกิจของโตโยต้า (value chain) ให้ดำเนินการบนพื้นฐานเรื่องความหลากหลายความเท่าเทียมและการยอมรับความแตกต่างเช่นกัน
เรียกได้ว่าการมีนโยบาย DE&I นอกจากจะเป็นเรื่องของการบริหารบุคลากรภายในแล้ว ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการลดความขัดแย้ง และความไม่เข้าใจระหว่างบุคลากรได้อีกด้วย เพราะเมื่อทุกคนในองค์กรรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการเคารพ องค์กรก็จะสามารถเติบโตและขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับพันธกิจ “Producing Happiness for All” ที่ต้องการจะเป็นผู้สร้างความสุขให้กับทุกคนนั่นเอง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...