โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ยักษ์จีนเห็นอะไร ไฮเออร์-ไมเดีย-ไฮเซ่นส์ทุ่มเงินพัน-หมื่นล้านลงทุนในไทย

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 18 ม.ค. เวลา 12.38 น. • เผยแพร่ 18 ม.ค. เวลา 01.40 น.

เผยสาเหตุที่ 3 ยักษ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจีนตัดสินใจทุ่มลงทุนไทยทั้งไฮเออร์ ที่เตรียมลงทุนวงเงินหมื่นล้านบาทเพิ่มกำลังผลิตในไทย ด้านไมเดีย ควัก 2,260 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่ระยอง ผลิตเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ ส่วนไฮเซ่นส์เล็งลงทุนต่อเนื่องผลิตตู้เย็น, เครื่องซักผ้า

ปี 2568 นี้ 3 ยักษ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีนทั้งไฮเออร์ ไมเดีย และไฮเซ่นส์ ต่างประกาศแผนลงทุนครั้งใหม่ในประเทศไทย โดยไฮเออร์เตรียมลงทุนกว่าหมื่นล้านบาท ด้านไมเดียลงทุน 2,260 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการลงทุนต่อเนื่องหลังทั้ง 2 แบรนด์ต่างมีฐานการผลิตในไทยอยู่แล้ว

ส่วนไฮเซ่นส์ เล็งลงทุนเพิ่มไลน์การผลิตตู้เย็นและเครื่องซักผ้าในประเทศไทยเช่นกัน หลังโรงงานเครื่องปรับอากาศในไทยมีกำหนดเดินสายการผลิตในไตรมาส 3 ปีนี้

ทั้งนี้เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจลงทุนในไทยของแต่ละแบรนด์นั้นแตกต่างกันออกไป อาทิ มองเห็นโอกาสเติบโตในตลาด หนุนแผนรุกตลาด B2B รวมไปถึงการรักษาศักยภาพการแข่งขัน

ไฮเออร์เชื่อยังมีช่องว่างให้โตทั้งในไทย-ส่งออก

ต่ง เจี้ยนผิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายว่า ตามนโนบายของบริษัทแม่ที่จีนนั้น ไทยเป็นประเทศสำคัญทางยุทธศาสตร์ทั้งด้านฐานการผลิต และการสร้างรายได้

สะท้อนจากภาพรวมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2567 มีมูลค่าอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท โต 5.4% และคาดว่าปี 2568 นี้จะเติบโตต่อเนื่องอีก 5% โดยหลายสินค้ายังมีช่องว่างให้แบรนด์เติบโต ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศที่ยังมีการครอบครองไม่มากนัก เมื่อเทียบเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ

ขณะเดียวกันส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ บริษัทยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อย อาทิ ตู้เย็นมีส่วนแบ่งตลาด 10% ส่วนเครื่องซักผ้ามีส่วนแบ่งตลาดเพียง 6.1% เท่านั้น จึงยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต

ผู้บริหารไฮเออร์กล่าวต่อไปว่า นอกจากตลาดในไทยแล้ว การส่งออกในปี 2568 ยังมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC คาดการณ์ว่าภาพรวมการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าจะขยายตัวอยู่ที่ 1.2%YoY ด้วยปัจจัยหนุนสำคัญจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าในกลุ่มเครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้าไปยังสหรัฐฯ ที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จึงเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะลงทุนเพิ่มกำลังผลิตในไทยให้สูงขึ้น

ไมเดียขยายพอร์ตรุกเครื่องปรับอากาศพาณิชย์

ด้านไมเดีย นอกจากเล็งเห็นโอกาสเติบโต จากดีมานด์ในตลาดเครื่องปรับอากาศทั้งครัวเรือนแล้ว ยังมุ่งรุกเข้าชิงกลุ่มลูกค้าองต์กร เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดไปพร้อมกัน

ธนวัฒน์ วงศ์ชาญวุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็มดี คอนซูเมอร์ แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ ไมเดีย กล่าวว่า ตลาดเครื่องปรับอากาศในไทยเติบโตต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยหนุนจากสภาพอากาศร้อนชื้น และความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันอัจฉริยะและประหยัดพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นในบ้านที่เพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของชนชั้นกลาง และความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้า

โดยตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 1.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 และคาดว่าจะเติบโต ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 5.93% จนถึงปี 2029

ดังนั้นในปี 2568 ไมเดีย จึงตั้งเป้าเติบโต 200% ในกลุ่มเครื่องปรับอากาศ และระบบปรับอากาศ แบบอุตสาหกรรม MBT โดยมีแพลนขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกความต้องการ และลงทุนในโรงงานผลิตแห่งใหม่ รวมไปถึงการยกระดับบริการหลังการขาย

ไฮเซ่นส์ร่วมขบวนการลงทุน

สำหรับไฮเซ่นส์นั้น คลาร่า ชาง ประธานกลุ่มบริษัทไฮเซ่นส์ประจำภูมิภาคอาเซียน และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ ประเทศไทย กล่าวถึงเหตุผลของการลงทุนในไทยว่า ที่ผ่านมาคู่แข่งแต่ละรายต่างตบเท้าเข้ามาลงทุนสร้างฐานการผลิตในประเทศไทยกันอย่างพร้อมเพรียง

ทำให้ไฮเซ่นส์ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีฐานการผลิตสินค้าในไทย ต้องลงทุนสร้างด้านการผลิตในไทยด้วยเช่นกัน เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขัน

ไฮเออร์ลงทุนหมื่นล้าน เพิ่มกำลังผลิต

ต่ง เจี้ยนผิง กล่าวว่า ด้วยโอกาสการเติบโตทั้งการจำหน่ายในไทย และส่งออกต่างประเทศนี้ ไฮเออร์จึงมีแนวทางที่จะลงทุนเพิ่มกำลังผลิตสินค้าต่าง ๆ ในไทยอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดมีแผนลงทุนในไทยด้วยวงเงินไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิตสินค้าในพอร์ตโฟลิโอซึ่งมีหลายตัวที่ต้องการปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้นในอนาคตไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ฯลฯ

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับภาครัฐ และหาทำเลในการลงทุน คาดว่าจะสามารถประกาศรายละเอียดที่ชัดเจนได้ในเดือนพฤษภาคม 2568 นี้

ความเคลื่อนไหวของไฮเออร์ในครั้งนี้ นับเป็นการลงทุนต่อเนื่องในไทย หลังเมื่อปี 2567 ลงทุนมูลค่า 10,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 จ.ชลบุรี ขนาดพื้นที่ 324,000 ตร.ม. สำหรับส่งออกไปทั่วโลกทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และอาเซียน เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ โดยเฟสแรกกำลังผลิต 3 ล้านเครื่อง มีกำหนดแล้วเสร็จปี 2568 ตามด้วยเฟส 2 และ 3 ในปี 2569 และ ปี 2570 ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้มีกำลังผลิตรวมเป็น 6 ล้านเครื่อง/ปี

ไมเดียร์ ตั้งโรงงานมูลค่า 2,260 ล้านบาท

ธนวัฒน์ วงศ์ชาญวุฒิ กล่าวว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตของยอดขาย จึงขยายการลงทุนในไทยด้วยมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 2,260 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตแห่งใหม่ของ Midea Building Technologies บนพื้นที่ 46 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรม CPGC จังหวัดระยอง ในเขตเศรษฐกิจ EEC

เสริมกับโรงงานอื่น ๆ ในไทย อาทิ โรงงานเครื่องปรับอากาศสำหรับครัวเรือน Midea Thailand Smart Factory ที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) ซึ่งเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศสำหรับครัวเรือนของไมเดีย ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

ไฮเซ่นส์ เล็งลงทุนฐานผลิตตู้เย็น, เครื่องซักผ้า

คลาร่า ชาง กล่าวว่า บริษัทมีแผนลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยอาจตั้งฐานการผลิตตู้เย็น หรือเครื่องซักผ้าในไทยเพิ่มเติม หลังช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 นี้ โรงงานเครื่องปรับอากาศไฮเซ่นส์แห่งแรกในไทยจะเริ่มเดินสายการผลิต

สอดคล้องกับที่ไฮเซ่นส์ประกาศแผนลงทุนตั้งโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศในไทยเมื่อปี 2562 โดย ยี่ เสี่ยวผิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในขณะนั้นว่า บริษัทมแม่มีแผนตั้งโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศในพื้นที่ภาคตะวันออกของไทย ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตแห่งที่ 6 ของบริษัทต่อจากจีน, เม็กซิโก, สโลวาเกีย, เชชเนีย และแอฟริกาใต้

ทั้งนี้ต้องจับตาดูว่าแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีนรายอื่น ๆ จะประกาศแผนการลงทุนในไทยด้วยหรือไม่

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ยักษ์จีนเห็นอะไร ไฮเออร์-ไมเดีย-ไฮเซ่นส์ทุ่มเงินพัน-หมื่นล้านลงทุนในไทย

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...