โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ถอดบทเรียนคดีหุ้น STARK คดีแรกในตลาดหุ้นไทย ที่ศาลสั่งให้เป็นคดีฟ้องแบบกลุ่ม

The Better

อัพเดต 18 ธ.ค. 2567 เวลา 08.31 น. • เผยแพร่ 18 ธ.ค. 2567 เวลา 08.28 น. • THE BETTER
กรณีหุ้น STARK ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สะเทือนเลือนลั่นส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนรายย่อยและสถาบัน

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสร้างความเสียหายทางการเงิน แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบธรรมาภิบาล (Corporate Governance) ของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งอีกด้วย

หากย้อนไทม์ไลน์ของคดี STARK ผู้เสียหายได้ยื่นคำฟ้องและคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.1061/2567 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีผู้เสียหายเกือบ 20,000 ราย มูลค่าความเสียหายสูงเป็นอย่างมาก โดยเป็นหุ้นกู้มูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท และเป็นหุ้นสามัญ มูลค่าประมาณ 73,000 ล้านบาท ซึ่งนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากที่ลงทุนใน STARK สูญเสียเงินลงทุนมหาศาล ในขณะเดียวกันกองทุนรวมที่มีการถือหุ้น STARK ในพอร์ตการลงทุนก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักทำให้มูลค่าหน่วยลงทุนลดลงเช่นกัน

ซึ่งที่ผ่านมาการร้องเรียนของผู้เสียหายค่อนข้างราบรื่นแม้ว่าฝั่งจําเลยจะมีสิทธิ์ในการคัดค้านให้เป็นคดีแบบกลุ่มก็ตาม ก็เพื่อให้เกิดความยุ่งยากด้วยการเดินหน้าฟ้องทีละคน รวมถึงหมดแรงในการร้องเรียนไปเอง เนื่องจากจำเลยสามารถอ้างได้ว่ามูลค่าความเสียหายไม่เหมือนกัน จะมารวมกลุ่มกันได้อย่างไรเพราะต่างคนต่างซื้อในตลาดฯ

**คดีประวัติศาสตร์คดีแรกของตลาดหุ้นไทย ที่ศาลสั่งให้เป็นคดี Class Action **

สิริพร จังตระกุล เลขาธิการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) กล่าวว่า สมาคมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายในคดีนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น และได้มีการสร้างระบบนิเวศวิทยาซึ่งมีองค์ประกอบที่จะช่วยปิดจุดอ่อน 3 เรื่อง ดังนี้

1.นักลงทุน : สร้างความตระหนักรู้ให้แก่นักลงทุนมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ตนเอง

2. ทนายความ : ต้องมีความแข็งแกร่งพร้อมท้าชนเพื่อผู้เสียหาย

3. ศาล : ให้ความรู้ในเรื่องระบบเศรษฐกิจ หุ้นกู้ เนื่องจากคดีทางการเงินและตลาดทุนค่อนข้างที่จะซับซ้อนกว่าคดีอื่นเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ที่ผ่านมา TIA ยังได้เปิดระบบออนไลน์ลงทะเบียนผู้เสียหายที่ลงทุนในหุ้นสามัญ STARK ไป 2 สองรอบ โดยรอบแรกมีผู้เสียหายเข้ามาลงทะเบียน 1,759 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 4,063 ล้านบาท ส่วนรอบที่สองมีผู้เสียหาย เข้ามาลงทะเบียน จำนวน 1,207 ราย และได้มีการรับสมัครผู้เสียหายจำนวน 5 ราย ซึ่งต้องเป็นผู้ที่มีความเสียสละ และอดทนเป็นอย่างมากเนื่องจากต้องต่อสู้กันอย่างยาวนานพอสมควร และจุดหมายปลายทางจะได้รับความยุติธรรมอย่างที่คาดหวังไว้หรือไม่ก็ไม่สามารถรู้ได้ ที่สำคัญผู้เสียหายที่เป็นตัวแทนทั้ง 5 ราย ต้องมีความหนักแน่นและไม่อ่อนไหวต่อแรงจูงใจที่จะเข้ามาทำให้หวั่นไหวแล้วถอนตัวไปกลางครันอีกด้วย
หากถามว่าการเดินหน้าฟ้องในคดีนี้จะได้รับเงินหรือไม่? เชื่อว่าหลายคนมีคำตอบที่รู้อยู่แล้วภายในใจ แต่ทาง TIA ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นกระบอกเสียงและเป็นหัวเรือหลักที่คอยช่วยเหลือผู้เสียหายจากคดี STARK เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน และเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับเคสอื่นๆต่อไปที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

และล่าสุด วันที่ 18 ธันวาคม 2567 ใช้เวลานับแต่วันฟ้อง จนถึงวันที่มีคำสั่งศาล เป็นระยะเวลา 6 เดือน 12 วัน ล่าสุดศาลศาลแพ่งกรุงเทพใต้” มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้เสียหายกลุ่มผู้ถือหุ้นสามัญ STARK ดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ซึ่งถือเป็นคดีแรกของหุ้นสามัญในรอบ 50 ปี ของการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ศาลได้มีคำสั่งให้เป็นคดีฟ้องแบบกลุ่ม (Class Action)

ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของกระบวนการยุติธรรมในการเริ่มดำเนินคดีแบบกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มผู้ถือหุ้นสามัญ STARK ที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจำเลยในคดียังคงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลดังกล่าวได้

นอกจากนี้ ผลของการที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มจะส่งผลให้ผลของคดีที่ดำเนินการโดยโจทก์ทั้ง 5 ในคดี และคำพิพากษาของคดีดังกล่าว (เมื่อศาลมีคำพิพากษาในลำดับต่อไป) มีผลผูกพันสมาชิกในกลุ่มที่มีลักษณะข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเดียวกันด้วยโดยอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องติดตามความคืบหน้ากรณี STARK โดยไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป เพราะถือเป็นบทเรียนสำหรับนักลงทุนไม่ว่าหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ ในการจะเลือกหุ้นสักตัวมาลงทุน ขณะเดียวกันทางการเองก็ต้องมีกลไกลที่จะจัดการบุคคลหรือบริษัทที่มีเจตนาจะสร้างความเสียหาย และหลอกหากินกับนักลงทุนมีความบริสุทธิ์ใจในการลงทุนหุ้นตัวนั้นๆด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...