โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เรื่องนี้โรงเรียนไม่ได้สอน : ชี้เป้า 7 อุปกรณ์ป้องกันตัว พกได้ไม่ผิดกฎหมาย!

Dek-D.com

เผยแพร่ 27 พ.ย. 2567 เวลา 09.18 น. • DEK-D.com
ชี้เป้า 7 อุปกรณ์ป้องกันตัว พกได้ไม่ผิดกฎหมาย!

ปัจจุบันเหตุไม่คาดฝัน เหตุร้าย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนตลอดเวลา นับเป็นสถานการณ์เสี่ยงของคนทุกเพศ ทุกวัย ทำให้หลายคนคิดหาวิธีป้องกันตัวเอง ซึ่งนอกจากการฝึกศิลปะการป้องกันตัวแล้ว การพกอุปกรณ์ป้องกันตัวก็เป็นอีกวิธีที่หลายคนเลือกทำ แต่รู้หรือเปล่า? อุปกรณ์ป้องกันตัวแบบพกพาบางอย่างก็ไม่สามารถพกไปในที่สาธารณะได้ เพราะผิดกฎหมาย มีโทษปรับ และถือว่าเป็นคดีอาญา วันนี้คอลัมน์ ‘เรื่องนี้โรงเรียนไม่ได้สอน’ รวมมาให้ทุกคนแล้วว่าเราสามารถพกอะไรได้โดยไม่ผิดกฎหมายบ้าง มาดูกัน!

7 อุปกรณ์ป้องกันตัว พกได้ไม่ผิดกฎหมาย

1. นกหวีด/เครื่องส่งเสียง

สำหรับนกหวีด และเครื่องส่งเสียงสามารถเป่าหรือกดปุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือ แทนการตะโกนได้ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีเสียงดัง และได้ยินไปไกลกว่าเสียงตะโกนของเราซึ่งอาจทำให้ผู้ร้ายตกใจและเปลี่ยนใจวิ่งหนีออกไปเองได้อีกด้วย

2. กรรไกร

อย่างที่ทราบกันว่ากรรไกรถือเป็นของมีคมที่ค่อนข้างอันตราย การที่คุณพกกรรไกรเล็ก ๆ สักอันสามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันตัวเบื้องต้นเมื่อถูกทำร้ายได้ แต่จะมีบางสถานที่ที่ห้ามพก เช่น สนามบิน

3. คัตเตอร์

คัตเตอร์ถือเป็นของมีคมที่ค่อนข้างอันตรายอีกชนิดหนึ่งเช่นกัน การพกคัตเตอร์สามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันตัวเบื้องต้นเมื่อถูกทำร้ายได้เช่นเดียวกับกรรไกร แต่จะมีบางสถานที่ที่ห้ามพก เช่น สนามบิน

Note : การใช้กรรไกรและคัตเตอร์ป้องกันตัว หากตกอยู่ในอันตราย เพียงแค่ตั้งสติและเลือกตำแหน่งที่จะแทงคนร้ายให้บาดเจ็บ เพื่อตัดกำลังและวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด

4. ปากกา

หากรู้สึกว่าตนเองตกอยู่ในอันตราย และต้องหาอุปกรณ์บางอย่างเพื่อป้องกันตัว ลองค้นกระเป๋าดูค่ะว่ามีปากกาไหม การพกปากกาปลายแหลมนอกจากจะใช้เขียนแล้วก็สามารถใช้ป้องกันตัวได้ ซึ่งไม่ผิดกฎหมายใดๆควรเลือกจุดที่จะแทงให้ดีและมั่นใจว่าปากกาจะทำให้คนร้ายบาดเจ็บได้เช่น คอ ดวงตา หัวไหล่ เป็นต้น

5. สเปรย์แอลกอฮอล์/น้ำหอม

สำหรับสเปรย์แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ หลายคนคงมีติดกระเป๋าไว้อยู่แล้ว นอกจากนี้ น้ำหอมก็สามารถใช้ฉีดเพื่อป้องกันตัวได้ เนื่องจากมีส่วนผสของแอลกอฮอล์เช่นกัน ซึ่งหากเราถูกคนร้ายจู่โจม เพียงแค่ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม เข้าไปที่บริเวณใบหน้าของคนร้ายก็สามารถทำให้เขาแสบบริเวณตา และปล่อยมือจากเรา ทำให้เราสามารถมีเวลาหลบหนีได้

6. พริกป่น

ฟังแล้วอาจจะดูแปลกๆ พกพริกป่น? แต่สิ่งนี้สามารถนำมาป้องกันตัวได้จริง หากใครที่เคยถูกพริกเข้าตาจะรู้ดีว่ามันแสบร้อนขนาดไหน เราสามารถสาดพริกใส่ตาของคนร้าย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการแสบตาในตอนที่เขาแสบตาเนี่ยเราก็จะได้หาจังหวะวิ่งหนีออกมา แต่ทุกคนอาจจะต้องเลือกอุปกรณ์สำหรับใส่พริกที่ปลอดภัยและหยิบใช้ได้สะดวกเช่น กระป๋องแป้งขนาดเล็กที่สามารถพกใส่กระเป๋าได้และเปิดใช้งานได้อย่างง่าย

7. ร่ม

เป็นที่รู้กันว่าประเทศไทยแดดแรงมาก ไม่ว่าจะฤดูไหนก็เหมาะที่จะพกร่มติดตัวไว้เสมอ นอกจากร่มจะเป็นอุปกรณ์ป้องกันแดด หรือฝนแล้ว ก็ยังสามารถนำมาป้องกันตัวหากเกิดเหตุร้ายได้อีกด้วย เราอาจจะใช้ร่มกระแทกไปที่ลำคอ หรือใช้ปลายร่มแทงที่ลิ้นปี่ของคนร้ายแต่ระวังไม่ควรใช้ร่มฟาดหรือตี เพราะจะทำให้คนร้ายแย่งร่มไปได้เราจะตกเป็นฝ่ายถูกกระทำกลับเสียเอง

ข้อควรระวัง!

ทางที่ดีควรศึกษาการใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวแต่ละชนิดอย่างละเอียดโดยเฉพาะอุปกรณ์ประเภทของมีคมทั้งหมดเนื่องจากอุปกรณ์แต่ละชนิดมีอันตรายในตัวเอง หากใช้ไม่ระมัดระวังจนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ และอาจจะทำให้ผิดกฏหมายได้ ดังนั้นควรระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายทั้งตัวเราเอง หรือผู้ร้ายจนถึงแก่ชีวิตได้

3 อุปกรณ์อย่าหาพก ระวังต้องโทษไม่รู้ตัว!

ทุกคนรู้กันแล้วว่าอุปกรณ์ป้องกันตัวอะไรบ้างที่สามารถพกได้โดยไม่ผิดกฎหมาย คราวนี้มาต่อกันสิ่งที่ห้ามพกกันบ้างค่ะ บางคนยังเข้าใจผิดว่าอุปกรณ์บางอย่างสามารถพกได้ แต่ความจริงแล้วผิดกฎหมายจะมีอะไรบ้างมาดูกัน!

1. สเปรย์พริกไทย

สิ่งนี้คือสิ่งที่หลายคนยังเข้าใจผิดว่าสามารถพกพาเพื่อป้องกันตัวได้ แต่ความจริงแล้วผิดกฎหมาย เพราะสเปรย์พริกไทยมีสารก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา ผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ ถือเป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 4 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)หากผลิต นำเข้า หรือพกพา จะได้รับโทษตามข้อกฎหมายทันที

โดยกฎหมายสเปรย์พริกไทยในประเทศไทย ระบุไว้ว่า ห้ามผลิต นำเข้า หรือครอบครอง หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

2. เครื่องช็อตไฟฟ้า

หลายคนอาจจะเห็นในละครว่ามีการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าเพื่อป้องกันตัว หรือต่อสู้ แต่นั่นเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ประกอบการแสดงเท่านั้น ในชีวิตจริงเราไม่สามารถใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าในที่สาธารณะได้ เครื่งช็อตไฟฟ้าเป็นอาวุธโดยสภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (5) การครอบครอง(ที่บ้าน)ไม่มีความผิด แต่ถ้าพกพาไปตามทางสาธารณะก็จะมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371ห้ามผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือที่สาธารณะ โดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น

3. มีด/ปืน/ดาบ

เป็นที่รู้กันดีว่า อุปกรณ์ทั้ง 3 ชนิดนี้ถือเป็นสิ่งที่อันตรายไม่สามารถพกพาได้ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ทางกฎหมายถือว่าเป็นอาวุธโดยสภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น เช่นเดียวกับเครื่องช็อตไฟฟ้า

อะไรบ้าง? ที่เรียกว่า ‘อาวุธ’ และเข้าข่ายความผิด

  • อาวุธโดยสภาพ แปลว่า ไม่ว่าจะดูยังไง สุดท้ายก็คืออาวุธ เพราะสิ่งนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการประทุษร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือถึงตายได้ เช่น ปืน ระเบิด ดาบ เป็นต้น
  • ไม่ใช่อาวุธโดยสภาพแต่อาจถูกใช้หรือเจตนาจะใช้เป็นอาวุธ เช่น จอบ เสียม มีดทำสวน ขวานฟันไม้ มีดปอกผลไม้ ท่อนไม้ เป็นต้น

จากกรณีที่ 2 อุปกรณ์ที่ไม่ใช่อาวุธโดยสภาพเช่น มีดปอกผลไม้ หากพกเพื่อประกอบอาชีพ ไม่ได้มีเจตนาที่นำมาใช้เป็นอาวุธก็สามารถพกพาได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ถูกหยิบออกมาเพื่อใช้ข่มขู่ผู้อื่นก็สามารถทำให้ติดคุกได้เพราะความผิดในมาตรา 392 นี้ เมื่อโชว์แล้วทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวตามกฎหมายถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว นอกจากนี้สิ่งของที่ไม่เป็นอาวุธโดยสภาพนั้นถ้าถูกนำไปทำร้ายคนอื่นก็จะกลับกลายเป็นอาวุธทันที และจะมีความผิดเพิ่มขึ้นอีกกระทงเช่นกัน

สุดท้ายนี้ สิ่งที่เราควรพกเพื่อเป็นวิธีที่จะป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด คือ การมีสติ และมีความระมัดระวังตัวอยู่เสมอ พยายามไม่พาตัวเองไปในที่เสี่ยง หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็พยายามสังเกตมองสิ่งรอบตัวว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า อย่าก้มหน้าก้มตาเดินหรือเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างเดียว แค่นี้เราก็จะปลอดภัยจากผู้ไม่ประสงค์ดีต่อทรัพย์และร่ายกายได้แล้วค่ะ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...