"พิชัย" ชี้หุ้นไทยยังมีเสน่ห์ กล่อมกองทุนกลับเข้ามาลงทุน ปรับเกณฑ์สร้างความเชื่อมั่น
#ทันหุ้น-“พิชัย” ยันหุ้นไทยยังมีเสน่ห์ เผยกล่อมกองทุนขนาดใหญ่กลับลงทุนในประเทศ ชี้ระดับดัชนี 1,100-1,200 เหมาะสมที่จะลงทุน เตรียมแก้เกณฑ์ก.ล.ต.สร้างเชื่อมั่นทั้งการซื้อหุ้นคืนง่ายขึ้น เพิ่มโทษเน็คชอร์ตเซล และเพิ่มประเภทการลงทุนของกองทุน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ“เสน่ห์ตลาดทุนไทย ผลักดันเศรษฐกิจ”โดยระบุว่า หุ้นไทยยังมีเสน่ห์ แม้ว่า ดัชนีจะปรับลดลง แต่ถือว่า ลดลงน้อยกว่าเพื่อนบ้าน แปลว่า ยังยืนอยู่ได้ถ้าเหตุการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่านี้ ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้หารือกับกองทุนขนาดใหญ่ที่ไปลงทุนต่างประเทศให้หันมาลงทุนในประเทศ โดยดัชนีทึ่อยู่ในระดับ 1,100-1,200 จุด เป็นระดับที่น่าลงทุน
“เมื่อก่อน กองทุนขนาดใหญ่ลงทุนในไทย แต่หลังๆไปลงต่างประเทศ แต่ช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นต่างประเทศก็มีปัญหา ผลตอบแทนก็ไม่ได้อย่างที่คิด ขณะที่หุ้นไทยก็ลงมา เราก็จะปรับเกณฑ์ให้เอื้อต่อการลงทุน“
นายพิชัย กล่าวอีกว่า "เราจำเป็นต้องปรับกฎเกณฑ์การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อช่วยกระตุ้นตลาดทุนไทย เช่น บริษัทประกันชีวิต ลงทุนในตลาดหุ้นได้น้อย หรือบางกองทุนที่มีมูลค่ากองทุนเป็นแสนล้านบาท แต่ลงทุนได้เฉพาะพันธบัตร เป็นต้น"
นอกจากนี้ จำเป็นต้องแก้ไขกฎเกณฑในเรื่องของการซื้อหุ้นคืน หรือ Treasury Stock เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถทำได้ง่ายขึ้น
เขายังกล่าวถึงการดำเนินการแก้ไขกฎเกณฑ์ของ กลต.เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้วยว่า กลต.ได้แก้ไขกฎหมายในเรื่องการทำ Naked Shortsell ที่มีโทษทั้งแพ่งและอาญา หรือในเรื่องโปรแกรมการซื้อขายที่จะต้องทำทำให้เกิดความเท่าเทียม
ในส่วนของอำนาจของ กลต.ในการฟ้องคดีเกี่ยวกับความผิดต่อตลาดนั้น กฎหมายใหม่ที่ยกร่างขึ้นมา จะให้อำนาจ กลต.สามารถยื่นเรื่อง ฟ้องต่ออัยการในกรณีที่เป็นคดีใหญ่ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาว่า จะให้อำนาจ กลต.ในการสอบสวนหรือไม่ หรือจะให้อำนาจในการสอบสวนร่วมกับตำรวจ
สำหรับ digital asset นั้นปัจจุบันมี พ.ร.ก.digital Asset และ พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งนักลงทุนในสินทรัพย์ทั้งสองตลาดเป็นคนกลุ่มเดียวกันทั้งนี้ รัฐบาลได้ผลักดันการออก G-token เพื่อให้ประชาชนรายย่อยสามารถเข้าถึงพันธบัตรรัฐบาลได้ โดยสามารถซื้อในระดับจุดทศนิยม หกตำแหน่งได้ ซึ่งการลงทุนใน G-token จะมีผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินในธนาคาร นอกจากนี้การออกG-tokenจะทำให้พันธบัตรของไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นในโลก
ส่วนคริปโตนั้นนายพิชัย กล่าวว่า บางประทศอนุญาตให้เอาคริปโตไปซื้อสินค้าได้ ในบางประเทศ นำคริปโตไปผูกกับบัตรเครดิต เพื่อซื้อสินค้าได้ โดยบริษัทบัตรเครดิตจะไปExchange กับ bitecoin หรือ Exchangeรายอื่นๆ ขณะที่ คนขายจะได้รับเงินเป็นสกุลเงินท้องถิ่น แต่ในประทศไทยยังไม่อนุญาตให้ทำเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ไทยอาจพิจารณาให้คริปโตไปผูกกับบางอย่าง แต่ให้ทำเฉพาะคนที่มีความรู้และต้องทำ KYC