โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ชัวร์ก่อนแชร์: ไม่ปรุงเกลือ/น้ำปลาเพิ่ม ป้องกันโรคความดัน 100% จริงหรือ?

ชัวร์ก่อนแชร์

อัพเดต 01 มิ.ย. เวลา 00.39 น. • เผยแพร่ 31 พ.ค. เวลา 17.39 น. • สำนักข่าวไทย อสมท

01 มิถุนายน 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ข้อมูลน่าสงสัย :

ไม่ปรุงเกลือ/น้ำปลาเพิ่ม ป้องกันโรคความดัน 100%

บทสรุป :

1.โซเดียมไม่ได้มีแต่ในเกลือหรือของเค็มเท่านั้น
2.ในอาหารปรุงสำเร็จต่าง ๆ รวมถึงขนมที่ใช้ผงฟูล้วนอุดมไปด้วยโซเดียมปริมาณสูง
3.การคุมอาหารแบบ DASH ช่วยลดความดันโลหิตอย่างมีประสิทธิภาพ

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

เกลือ หรือ โซเดียมคลอไรด์ ส่งผลต่อความดันโลหิต เมื่อร่างกายต้องเพิ่มปริมาณน้ำในหลอดเลือดมากกว่าปกติเพื่อเจือจางโซเดียมในกระแสเลือด

นอกจากนี้ เกลือยังทำให้หลอดเลือดหดตัวในระยะยาวอีกด้วย อันเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดความดันโลหิตสูงอย่างชัดเจน

สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (AHA) แนะนำให้บริโภคโซเดียมต่อวันไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับปริมาณเกลือ 1 ช้อนชา หรือน้ำปลา 4 ช้อนชา

และแนะนำให้ผู้สูงอายุบริโภคโซเดียมต่อวันไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัม

ขณะที่ผลสำรวจพบว่าชาวอเมริกันบริโภคโซเดียมเฉลี่ยวันละ 3,400 มิลลิกรัม ส่วนคนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ยวันละ 4,300 มิลลิกรัม

โซเดียมไม่ได้มีแต่ในเกลือหรือของเค็ม

แม้การไม่ปรุงเกลือหรือน้ำปลาเพิ่มจะลดปริมาณโซเดียมส่วนเกินในร่างกายได้ แต่กระนั้น ในอาหารปรุงสำเร็จต่าง ๆ เช่น อาหารกระป๋อง ขนมขบเคี้ยว ซอสปรุงรส และผงชูรส ต่างก็มีโซเดียมปริมาณสูงเป็นส่วนประกอบ

แม้แต่ในขนมที่ไม่มีความเค็ม ก็มีการใช้ผงฟูซึ่งมีส่วนผสมของโซเดียมไบคาร์บอเนตในการผลิต ทั้ง เค้ก คุกกี้ โดนัต พิซซ่า และ แซนด์วิช ซึ่งทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมส่วนเกินโดยไม่รู้ตัว

มีความเข้าใจผิดว่า การใช้เกลือชนิดอื่น ๆ แทนเกลือแกง (Table Salt) เช่นเกลือสมุทรหรือเกลือโคเชอร์ที่มีความหวานน้อยกว่า จะช่วยลดโซเดียมส่วนเกินได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วในเกลือทุกชนิดล้วนมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ การบริโภคเกลือชนิดใด ๆ ที่มากเกินไป ล้วนทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมเกินทั้งสิ้น

ส่วนกระแสการผลิตซอสปรุงรสชนิดลดโซเดียม จำเป็นต้องใช้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีการใช้เกลือโพแทสเซียมคลอไรด์มาทดแทน ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้สังเกตปริมาณโซเดียมที่ระบุไว้บนฉลากของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อคำนวณปริมาณโซเดียมที่ได้รับจากอาหารแต่ละมื้อ

การคุมอาหารแบบ DASH

หนึ่งในวิธีควบคุมปริมาณโซเดียมในมื้ออาหารที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการแนะนำ คือแนวทางการรับประทานอาหารเพื่อหยุดความดันโลหิตสูง หรือ Dietary Approaches to Stop Hypertension (DASH) ที่แนะนำโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH)

การคุมอาหารแบบ DASH คือเน้นการบริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ดไม่ขัดสี และอาหารจากผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ รองลงมาคือการบริโภคเนื้อสัตว์ เนื้อปลา เนื้อไก่ ถั่วประเภทต่าง ๆ โดยจำกัดอาหารและเครื่องดื่มที่เติมน้ำตาล เนื้อแดง และอาหารที่มีไขมันสูง

ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงเล็กน้อย การคุมอาหารแบบ DASH จะช่วยลดความดันโลหิตระยะหัวใจบีบตัวได้ 6 มม.ปรอท และความดันโลหิตระยะหัวใจคลายตัวได้ 3 มม.ปรอท

ส่วนผู้มีความดันโลหิตสูงมาก การคุมอาหารแบบ DASH จะช่วยลดความดันโลหิตระยะหัวใจบีบตัวได้ 11 มม.ปรอท และความดันโลหิตระยะหัวใจคลายตัวได้ 6 มม.ปรอท

นอกจากนี้ ยังพบว่าการคุมอาหารแบบ DASH สามารถทำให้ความดันโลหิตลดลง แม้ว่าน้ำหนักยังไม่ลดลงก็ตาม

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.heart.org/en/health-topics/high-blood-pressure/the-facts-about-high-blood-pressure/common-high-blood-pressure-myths
https://www.aarp.org/health/conditions-treatments/blood-pressure-myths-debunked/
https://www.keckmedicine.org/blog/10-blood-pressure-myths-and-facts/
https://en.wikipedia.org/wiki/DASH_diet

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...