“ดร. สมประวิณ มันประเสริฐ” ร่วมเข้าชิงเก้าอี้ “ผู้ว่าธปท.”
ท่ามกลางกระแสข่าวแคนดิเดตรายชื่อที่คาดว่าจะเข้าร่วมสมัครคัดเลือก ตำแหน่ง “ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย” ที่มีออกมาหลายรายชื่อ ล่าสุดมีชื่อของ “ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ” ที่ จะร่วมเข้าชิงตำแหน่งอีกรายด้วย
ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งนี้และจะมีผลสิ้นเดือนมี.ค.นี้
โดย ดร.สมประวิณ เผยกับ “การเงินธนาคาร” ว่า “ได้เตรียมยื่นสมัครคัดเลือกเป็นผู้ว่าแบงก์ชาติ โดยได้ปรึกษาครอบครัวแล้ว”
ประวัติ ดร.สมประวิณ
ดร.สมประวิณ จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโทจาก University of Warwick สหราชอาณาจักร และระดับปริญญาเอกจาก University of Maryland at College Park สหรัฐอเมริกา
โดยอยู่ในเส้นทางนักเศรษฐศาสตร์เริ่มในรั้วมหาวิทยาลัยจากการเป็นอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ.2547 ที่คณบดีในขณะนั้น (รองศาสตราจารย์ ดร.โสตถิธร มัลลิกะมาส) ถามว่า อีก 10 ปีอยากให้คนรู้จัก “สมประวิณ” ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ด้านไหน ซึ่ง ดร.สมประวิณ ตอบได้ในทันทีว่า อยากให้คนรู้จักในฐานะ “นักเศรษฐศาสตร์มหภาค” แม้ดูจะเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ แต่อยากมีส่วนช่วยที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น
ในช่วงของการเป็นอาจารย์ตลอด 13 ปี ดร.สมประวิณ จึงเลือกสอนเฉพาะวิชาที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์มหภาค และทำวิจัยที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจไทย เพื่อทำให้โอกาสเข้าใจกรอบแนวความคิดทางทฤษฎีอย่างท่องแท้พร้อมไปกับสภาพการที่เป็นจริงของบริบทเศรษฐกิจไทย
ก่อนร่วมงานกับธนาคารไทยพาณิชย์ ดร.สมประวิณ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ (Chief Economist) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และเคยดำรงตำแหน่งรองคณบดีและรองศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีประสบการณ์ทำงานวิจัยให้กับหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น รวมทั้งเป็นผู้บรรยายให้ความรู้ในงานสัมมนาแก่สาธารณชนและองค์กรภายนอกทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
โดย ดร.สมประวิณ เคยให้สัมภาษณ์“การเงินธนาคาร” เมื่อปี 2565 ถึงการตัดสินใจร่วมงานกับภาคธนาคารว่า
“ผมโชคดีที่ได้มีโอกาสข้ามรั้วมหาวิทยาลัยออกมาลงสนามจริง ในภาคเอกชน การทำงานในภาคการเงินการธนาคาร ทำให้ผมได้เรียนรู้ความเชื่อมโยงระหว่างภาคเศรษฐกิจการเงินและภาคเศรษฐกิจจริง และที่สำคัญ ทำให้รู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้นแตกต่างจากโลกในตำราเยอะมาก ในตำราจะยึดทฤษฎีที่พัฒนามาด้วยเหตุผลบางอย่างเป็นตัวตั้ง เวลาเรามองออกมานอกรั้วก็มักจะตั้งคำถามว่า ทำไมคนนอกรั้วไม่มีเหตุผล แต่การทำงานในสนามจริง ทำให้ได้เรียนรู้ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผล เพียงแต่จุดตั้งต้นของคำตอบอาจจะแตกต่างกันไปตามบริบทเท่านั้น”