ทนายวิญญัติ ยัน ทักษิณ ขอบินกาตาร์ เพื่อประเทศ เผย 13 มิ.ย.เจ้าตัวอาจไปฟังศาลไต่สวน
ศาลอาญายกคำร้อง ทักษิณ ขอออกนอกประเทศตามคำเชิญผู้ครองนครรัฐกาตาร์ ชี้เป็นคำเชิญส่วนตัว ด้านทนายวิญญัติยัน เดินทางไปครั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แต่ในเมื่อศาลมีคำสั่งแบบนี้ก็ต้องยอมรับ เผย 13 มิ.ย.นี้ เจ้าตัวมีโอกาสเดินทางไปฟังการไต่สวนของศาลฎีกา
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังศาลมีคำสั่งไต่สวนคำร้อง ที่นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอไปยังประเทศกาตาร์ ตามคำเชิญของผู้ครองรัฐกาตาร์ในวันที่ 14 พ.ค.2568
ต่อมาในช่วง 18.00 น. ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอเดินทางออกนอกประเทศของนายทักษิณ โดยศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนแล้วเห็นว่า จำเลยได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากสำนักบริหารผู้รับเชิญ พระราชวังลูเซล ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ประเทศการตาร์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อันมีลักษณะเป็นหนังสือเชิญส่วนตัว มิได้เชิญจำเลยในฐานะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนประจำปี 2568
ทั้งไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการที่แน่ชัด เพียงแต่คาดหมายว่าหากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มางานเลี้ยงดังกล่าว จำเลยจะมีโอกาสพบปะหารือกับประธานาธิบดี โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ และทีมเศรษฐกิจเท่านั้น ประกอบกับ ช่วงที่ขอเดินทางไปอยู่ใกล้วันนัดพิจารณาคดีที่ศาลฎีกา และคดีนี้อาจกระทบต่อกระบวนพิจารณาของศาลได้ กรณียังไม่มีเหตุผลอันจำเป็นที่หนักแน่นเพียงพอที่จะให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
โดยภายหลังฟังคำสั่ง นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า จากเมื่อวานที่ได้ยื่นคำร้องขอออกนอกประเทศ และศาลมีคำสั่งในวันนี้ คือเรายื่นคำร้องขอไปประเทศกาตาร์ เนื่องจากว่าเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์มีหนังสือเชิญมายังนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่เป็นประธานที่ปรึกษาของประธานอาเซียน
ซึ่งวันนี้นายทักษิณก็ได้ให้การต่อศาลว่า การที่ยื่นขอไปต่างประเทศครั้งนี้ไม่ได้เป็นการไปงานเลี้ยง แต่ไปเพื่อทำคุณประโยชน์ ใช้ประสบการณ์และความรู้ความสามารถเพื่อประเทศชาติ สังคมและประชาชน สังคมคงเห็นอยู่ว่าเหตุผลที่นายทักษิณขอไป ซึ่งหลายคนก็เห็นอยู่ว่ามาตรการและนโยบายของสหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องของการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศผู้ค้าและการค้าหลายประเทศ โดยเป็นการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่ได้รับผลกระทบกันทั่วโลก ประเทศไทยก็เป็น 1 ในประเทศที่ได้รับผลกระทบ
ดังนั้นนายทักษิณที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและมีความห่วงใยประเทศชาติและเห็นผลประโยชน์ประเทศชาติอันสำคัญ โดยนายทักษิณหวังทำเพื่อชาติบ้านเมือง จึงเป็นเหตุผลในการยื่นขอศาลในวันนี้
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อศาลได้ไต่สวนและพิจารณาแล้วเห็นว่าการเชิญลักษณะนี้เป็นการเชิญแบบส่วนตัว และยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน อาจจะเป็นเพียงการคาดหมายว่าไปแล้วจะได้พบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ นี่คือสิ่งที่ศาลเห็น เราก็น้อมรับดุลพินิจศาล ที่เห็นว่าระยะเวลาในการยื่นขอ ซึ่งเราขอเดินทางออกนอกประเทศในวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งใกล้กับกำหนดการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯนักการเมืองในเรื่องการบังคับโทษชั้น 14 ซึ่งมีวันนัดพร้อมตรงกับวันที่ 13 มิ.ย. เมื่อศาลอาญาเห็นว่าวันนัดใกล้กันเราก็ยอมรับดุลพินิจ
นี่คือเหตุผลที่ศาลเห็นว่า ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้ออกนอกประเทศ
โดยทราบว่างานที่จัดที่กาตาร์ตนเข้าใจว่าเป็นเหตุที่จะได้มีโอกาสพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดการที่จะเดินทางไปที่กาตาร์ โอกาสการได้พบไม่ใช่โอกาสของนายทักษิณคนเดียว แต่เป็นโอกาสของประเทศชาติ เพราะหลายคนกำลังเฝ้าดูว่าจะมีโอกาสได้เข้าไปคุยหรือไม่ และหลายประเทศก็หวังว่าจะได้มีโอกาสเข้าไปเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แล้วไทยไม่อยากจะได้เข้าไปเจรจาหรืออย่างไร
เมื่อถามว่า การที่ไม่ได้ออกไปเป็นอุปสรรคในการเจรจาเรื่องเศรษฐกิจและภาษีหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่า คำถามนี้เป็นคำถามที่ตนอยากจะตั้งคำถามกลับไปอยู่ว่าการส่งออกหรือนำเข้าสินค้าในประเทศจะมีเรื่องภาษีที่เป็นปัญหา เราจำเป็นต้องหาข้อตกลง เพื่อที่จะลดเรื่องอัตราภาษี หรือกำแพงภาษีนี้ให้ได้ อันนี้เป็นแนวทางหนึ่งของการเจรจาทางการค้าที่ถามว่าจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ อยากให้สังคมคิดเอา
ว่าการที่มีบุคคลหนึ่งที่อยากจะทำเพื่อประเทศชาติและบุคคลหลายคนที่อยากจะทำเพื่อประเทศชาติ เราถือว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองประชาชนคนไทยหรือไม่ ส่วนเป็นอุปสรรคหรือไม่ ตนไม่มีความเห็น แต่เห็นว่าถ้าเรามีโอกาสแล้วเราไม่ใช้โอกาส เราจะเสียโอกาสหรือไม่ ในส่วนเรื่องจะยื่นคำร้องหลังจากนี้อีกหรือไม่นั้นเป็นเรื่องอนาคตว่าจะยื่นคำร้องหรือจะใช้กระบวนการใดทางศาล ตามสิทธิของจำเลยในคดี
เมื่อถามถึงรายละเอียดจากหมายของศาลฎีกานักการเมือง นายวิญญัติตอบว่าได้รับหมายแล้ว ตนเองในฐานะทนายความก็อยู่ระหว่างดู แต่ยอมรับว่ายังไม่ได้ดูในรายละเอียดมาก แต่ก็มีประเด็นที่ได้อ่านแบบเร็วๆ คือมีการคาดหมายว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง หรือมีเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ ดังนั้นจึงมีคำถามกลับไปว่า ถ้าหากป่วยจริงแล้วจะทำอย่างไร คนที่ไม่มีหน้าที่รักษาจะทำให้คนป่วยหายป่วยได้หรือไม่ เมื่อป่วยแล้วก็จะต้องดำเนินการตามกระบวนการหรือกลไกของรัฐ
ดังนั้นการป่วยตนยืนยันมาตลอด ไม่ต้องเชื่อตนก็ได้ แต่ขอให้เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นและมีหลักฐานจริง ใครจะคิดว่าไม่ป่วยจริงก็เรื่องของเขา สิ่งที่เราจะพิสูจน์ต่อศาลคือการพิสูจน์ตามสิทธิ ศาลให้ชี้แจงเราก็ยินดีชี้แจง แล้วมั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้
นายวิญญัติกล่าวต่อว่า หลักๆ ในหมายคือศาลมีคำถามว่าข้อเท็จจริง ตามคำร้องที่กล่าวอ้างเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ดังนั้นก็เป็นคำถามของตนในฐานะทนายความ ว่าในเมื่อศาลยกคำร้องของนายชาญชัย คำร้องดังกล่าวย่อมจะต้องตกไป แต่ถ้าศาลเห็นว่าเนื้อความในคำร้องยังอยู่ แล้วศาลใช้อำนาจหรือกฎหมายใด อันนี้เป็นคำถาม ซึ่งตนก็จะเขียนถามไปว่า การที่อ้างว่าใช้อำนาจตามมาตรา 6 หรือมาตรา 246 ก็ดี ขอถามว่ามันเขียนไว้ชัดเจนตรงไหน อันนี้คือข้อโต้แย้งในฐานะนักกฎหมายตนมีสิทธิที่จะไม่เห็นด้วย
แต่ที่ศาลถามว่าข้อเท็จจริงนั้นเกิดขึ้นหรือไม่ ก็หมายถึงข้อเท็จจริงของนายชาญชัยที่ยกมา ในเมื่อศาลไม่รับแล้วตีตกไปแล้ว เนื้อหามันควรจะตกไปด้วย และอำนาจในการบริหารโทษ ซึ่งปรากฏเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมวิชาการของนักกฎหมายหลายคนว่าศาลใช้อำนาจเข้ามาก้าวก่าย หรือศาลพยายามที่จะมาล้วงลูกหรือไม่ ผมใช้คำถามนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นข้อตกลงถกเถียงทางวิชาการ ตนไม่ได้ไปก้าวล่วงต่อศาล
เมื่อเป็นข้อถกเถียงทางวิชาการ หรือทางนิติศาสตร์ จึงเป็นข้อถกเถียงใหญ่ๆ ของคนในสังคมเอง ในบรรดานักกฎหมายเองก็ดี หรือผู้ที่ใคร่รู้ก็ดีว่าเราจะต้องดูว่าอำนาจนั้นจะต้องถูกตรวจสอบได้หรือไม่
นายวิญญัติยังกล่าวว่า อย่างที่เคยกล่าวไว้ว่าถ้าศาลมีคำสั่งให้ไต่สวน แล้วมีคนหนึ่งที่ไม่พอใจจำเลย หรือหน่วยงานอื่นที่ไม่เห็นด้วย หากศาลมีคำสั่งเราจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลไปที่ใดได้เพราะคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วหรือไม่ แล้วมีกฎหมายใดที่ให้สิทธิแก่ผู้อุทธรณ์ได้หรือไม่ ไม่มีกฎหมายมาเขียน ตนขอตั้งคำถามเรื่องการมาตรวจสอบคดีที่ถึงที่สิ้นสุดแล้วซึ่งเป็นเรื่องการบริหารโทษของกรมราชทัณฑ์ อย่างไรก็ดีเราก็ยอมรับอำนาจของศาล ว่าศาลมีสิทธิที่จะตรวจสอบ แต่สิ่งเหล่านั้นเรานักกฎหมายและนักวิชาการก็จะต้องหาคำตอบ ข้อยุติในทางวิชาการและทางกฎหมายให้ชัดเจน
ในส่วนประเด็นเรื่องแพทยสภามีมติลงโทษหมอ ตนเข้าใจว่าเรื่องนี้ยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการของแพทยสภาจะต้องเสนอต่อสภาที่ปรึกษาพิเศษที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
นายวิญญัติกล่าวต่อว่า ตนขอถามไปยังแพทยสภาว่าจะมีมติอะไรเป็นความเห็นตนไม่ขอก้าวล่วง แต่มีแพทย์คนใดคนหนึ่งกล้าออกมาบอกหรือไม่ว่านายทักษิณไม่ได้ป่วย ถ้ามีคนกล้าขอให้ออกมาแถลงข่าวต่อสังคมได้เลย ถ้ายืนยันว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริงกรุณาออกมาบอกได้เลย
ดังนั้นการที่ถ้าสภามีมติจะลงโทษพักใบอนุญาตในเรื่องการแถลงข่าว หรือให้ข่าวไม่ตรงความเป็นจริงดุลพินิจที่จะตรวจสอบแพทย์ด้วยกันแต่ที่ตนถามว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นมันสมเหตุสมผลหรือไม่ ความเห็นของแพทย์เป็นไปตามมาตรฐานของวิชาชีพหรือไม่ สิ่งเหล่านั้นคือกระบวนการตรวจสอบทางวิชาชีพ แต่ข้อเท็จจริงคือป่วยจริง ถ้าใครบอกไม่ป่วยจริง ขอคนที่เป็นแพทย์ออกมาบอก เพราะคนอื่นออกมาบอกอาจจะไม่รู้ หลายคนเคยมาออกทีวีพูดว่าไม่ป่วยจริง แล้วที่ผ่านมาตนไม่ฟ้องเพราะหลายคนอาจจะไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ถ้าแพทย์ยืนยันว่าไม่ป่วยจริง ก็อยากให้ออกมายืนยัน เชิญเลย ตนไม่ได้ท้า
ส่วนที่ว่าจะเอาประเด็นนี้ยื่นไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ก็มีนักกฎหมายหลายท่านแสดงข้อคิดเห็นต่อสาธารณะในเรื่องของเขตอำนาจศาล ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นักกฎหมายต้องศึกษาตอนเรียนกฎหมายอยู่แล้ว ในเรื่องของการขอส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องเขตอำนาจศาลเรายังไม่มีเเนวทางชัดเจนว่าจะทำหรือไม่ แต่อย่างน้อยเราก็จะต้องชี้แจงต่อศาลและมีเหตุผลโต้แย้งคำร้องของนายชาญชัย
ในส่วนประเด็นที่ว่านายทักษิณอาจจะต้องกลับไปติดคุกหรือไม่นั้น ตนไม่ขอมีความเห็นว่าจะต้องกลับไปติดคุกอีกหรือไม่ คดีเราต้องไปดูว่ามันเริ่มต้นจากอะไร สิ้นสุดไปถึงส่วนไหน และมีการปฏิบัติอย่างไร เมื่อเริ่มต้นจากคำพิพากษา นั่นถือว่าเป็นกระบวนการรับโทษต่อไปถือว่าเป็นกระบวนการของการบริหารโทษ มีกฎหมายใดที่บอกว่าบุคคลใดผ่านกระบวนการเหล่านั้นแล้วจะต้องกลับมารับโทษอีก ตรงนี้มันผิดหรือไม่
ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์และการแสดงความเห็น ตนขอเชิญ ไม่ว่าจะเป็นนักกฎหมายหรือคนที่อวดรู้ ตนเป็นนักกฎหมายคนหนึ่งที่ไม่ได้เก่งกว่าใคร แต่การวิพากษ์วิจารณ์ใครควรอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและไม่มีอคติ
ตนเชื่อว่าการที่ศาลอาญายกคำร้องศาลท่านก็ใช้อำนาจของท่านในการตรวจสอบ พิจารณาและเห็นว่าไม่เหมาะสม ไม่สมควร เราก็ยอมรับ แต่เราจะใช้กระบวนการในการโต้แย้งอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งในอนาคตทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนที่จะขอไปสหรัฐอเมริกาโดยตรงหรือไม่ตนทราบ ยังตอบไม่ได้ ส่วนการทำคำชี้แจงตนเพิ่งได้รับหมาย เดี๋ยวก็ต้องดำเนินการให้ทันตามคำสั่งศาล
นายวิญญัติยังกล่าวอีกว่า ที่ถามว่าทักษิณมีโอกาสจะเดินทางไปไต่สวนวันที่ 13 มิ.ย.นี้หรือไม่ ต้องบอกว่ามีโอกาสเพราะการไปศาลไม่ใช่เรื่องที่นายทักษิณปฏิเสธ เพราะเหตุผลที่กลับมาประเทศไทยก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการรับโทษอยู่แล้ว หมายที่ส่งมาคือหมายนัดให้ส่งคำชี้แจงภายใน 30 วัน
นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า อย่างที่บอกถ้าหากชี้แจงไปแล้วศาลยังเห็นว่าควรจะต้องมีหมายเรียกให้ไปไต่สวนก็ยินดี ท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธ ส่วนวันที่ 13 มิ.ย.นี้นายทักษิณจะต้องไปหรือไม่ ตนไม่ขอตอบ เป็นอำนาจของศาล
เมื่อถามว่า ที่ถามว่าหนักใจหรือไม่ตนเชื่อว่านายทักษิณผ่านอะไรมามากจากเหตุการณ์10 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างเยอะ เชื่อว่าท่านเป็นบุคคลที่เข้มแข็ง รักและห่วงใยประเทศชาติและประชาชน ตนเชื่อว่านายทักษิณจะผ่านเรื่องนี้ไปได้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทนายวิญญัติ ยัน ทักษิณ ขอบินกาตาร์ เพื่อประเทศ เผย 13 มิ.ย.เจ้าตัวอาจไปฟังศาลไต่สวน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th