โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ชป.แถลง สถานการณ์น้ำและการจัดการน้ำฤดูน้ำหลากปี 2564

สวพ.FM91

อัพเดต 04 ต.ค. 2564 เวลา 07.53 น. • เผยแพร่ 04 ต.ค. 2564 เวลา 07.53 น.

อธิบดีกรมชลประทาน จัดแถลงข่าวสถานการณ์น้ำและการจัดการน้ำฤดูน้ำหลากปี 2564 ย้ำใช้ระบบชลประทานในการบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพ เตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือไว้ในพื้นที่เสี่ยง เข้าไปช่วยเหลือได้ทันที ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยมี ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน  นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน และดร.กมล พรหมสาขา ณ สกลนคร ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์ข้อมูลเรดาห์และดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากปริมาณฝนที่ตกในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งประเทศของปี 2564 สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 9% โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคกลางสูงกว่าค่าเฉลี่ย 9% เท่ากัน ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1% จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น “เตี้ยนหมู่” ช่วงวันที่ 24-26 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งส่วนใหญ่จะตกบริเวณด้านท้ายเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่งผลให้ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) ณ วันที่ 3 ต.ค. 64 มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกันเพียง 12,832 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำใช้การได้ 6,136 ล้าน ลบ.ม. ยังสามารถรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 12,000 ล้าน ลบ.ม. 

ทั้งนี้ ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนล่างบริเวณจังหวัดกำแพงเพชร และในพื้นที่จังหวัดลำปาง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงสูงขึ้น และน้ำส่วนหนึ่งที่มาจากพื้นที่จังหวัดลำปาง ไหลลงสู่ลำน้ำแม่มอกและคลองแม่รำพันในเขตจังหวัดสุโขทัย ทำให้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำฝั่งขวาของแม่น้ำยมบริเวณ อ.เมืองสุโขทัย กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำท่าในลุ่มน้ำยม เพื่อดึงน้ำจากลำน้ำแม่มอกและคลองแม่รำพันให้ระบายลงสู่แม่น้ำยมได้สะดวกรวดเร็ว พร้อมกันนี้ได้หน่วงน้ำไว้ในพื้นที่แก้มลิงทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อช่วยลดผลกระทบกับปริมาณน้ำที่ท่วมในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยฝั่งตะวันตก รวมไปถึงช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลหลากลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาด้วย

ด้านแม่น้ำปิง ปัจจุบันปริมาณน้ำได้ลดลงแล้ว แต่ยังมีปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังไหลมาสมทบกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ต้องผันน้ำเข้าคลองทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยารวม 376 ลบ.ม./วินาที(ฝั่งตะวันตก 331 ลบ.ม./วินาที และฝั่งตะวันออก 45 ลบ.ม./วินาที) เพื่อลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ปัจจุบัน (4 ต.ค.64) มีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,771 ลบ.ม./วินาที และที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ยในอัตรา 3,091 ลบ.ม./วินาที(รับน้ำได้สูงสุด 3,500 ลบ.ม./วินาที) กรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ให้ไหลมาสู่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่เกิน 3,200 ลบ.ม./วินาที โดยจะไม่ส่งผลกระทบกับกรุงเทพมหานคร 

สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้องระบายน้ำเพื่อลดปริมาณน้ำที่เกินระดับเก็บกักของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปัจจุบัน (4 ต.ค.64) มีการระบายลงสู่ด้านท้ายในอัตรา 1,133 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มลดลง กรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำในแม่น้ำป่าสัก โดยการผันน้ำบางส่วนออกทางคลองระพีพัฒน์ ผ่านประตูระบายน้ำ(ปตร.)พระนารายณ์ ลงสู่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ คลองบางขนาก และคลองพระองค์ไชยานุชิต เพื่อสูบออกแม่น้ำบางปะกงและอ่าวไทยตามลำดับ  ช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านเขื่อนพระรามหก และลดผลกระทบบริเวณ อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง และ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งลดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่าน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อีกด้วย

ทั้งนี้ กรมชลประทาน นอกจากจะใช้เขื่อนเจ้าพระยาเพื่อควบคุมปริมาณน้ำ และรับน้ำเข้าคลองทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ยังได้ใช้ทุ่งรับน้ำบริเวณตอนล่างของลุ่มเจ้าพระยา 10 ทุ่ง รับน้ำเข้าไปเก็บไว้ช่วยลดยอดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่าง รวมไปถึงเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งด้วย ปัจจุบัน (3 ต.ค.64) มีการรับน้ำเข้าทุ่งไปแล้วรวม 878    ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็นทุ่งฝั่งตะวันออก 387 ล้าน ลบ.ม. ได้แก่ ทุ่งเชียงราก 21 ล้าน ลบ.ม. ทุ่งท่าวุ้ง 90 ล้าน ลบ.ม. ทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท-ป่าสัก 123 ล้าน ลบ.ม. ทุ่งบางกุ่ม 131 ล้าน ลบ.ม. ทุ่งบางกุ้ง 22 ล้าน ลบ.ม.  ด้านทุ่งฝั่งตะวันตกรับน้ำไปแล้วรวม 491 ล้าน ลบ.ม. ได้แก่ ทุ่งบางบาล-บ้านแพน 50 ล้าน ลบ.ม. ทุ่งป่าโมก 49 ล้าน ลบ.ม. ทุ่งผักไห่ 200 ล้าน ลบ.ม. ทุ่งเจ้าเจ็ด 45 ล้าน ลบ.ม. และ ทุ่งโพธิ์พระยา 147 ล้าน ลบ.ม. คงเหลือพื้นที่ที่สามารถเก็บกักน้ำได้อีกประมาณ 590 ล้าน ลบ.ม. นอกจากนี้ ในพื้นที่ตอนล่าง กรมชลประทาน ได้ใช้โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้ไหลลงสู่ทะเลได้เร็วขึ้น ถือว่าเป็นเครื่องมือที่จะช่วยบรรเทาอุทกภัยในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้เป็นอย่างมาก

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชี-มูล จากปริมาณฝนที่ตกหนักสะสมในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนบน ทำให้มีน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนบน ส่งผลให้มีน้ำไหลลงมายังแม่น้ำชีตอนกลางและลำน้ำสาขา ประกอบกับในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ลุ่มน้ำมูลในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี มีปริมาณฝนตกสะสมประมาณ 150 มิลลิเมตร ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำมูลเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน (3 ต.ค.64) ระดับน้ำบริเวณสถานีวัดน้ำ M.7 (บริเวณสะพานเสรีประชาธิปไตย) อำเภอเมืองอุบลราชธานี สูงกว่าตลิ่งประมาณ +0.45 เมตร แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบบริเวณที่ลุ่มต่ำริมสองฝั่งแม่น้ำมูล ในเขตเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ กรมชลประทานได้ปรับแผนระบายน้ำจากเขื่อนและประตูระบายน้ำต่างๆ เพื่อพร่องน้ำและบริหารพื้นที่ลุ่มต่ำให้เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ เร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ เพื่อรองรับน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน พร้อมทั้งจัดจราจรน้ำในแม่น้ำชีตอนบน แม่น้ำชีตอนกลาง แม่น้ำชีตอนล่าง และแม่น้ำมูล ด้วยการปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ และเขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี รวมทั้งชะลอน้ำที่เขื่อนชนบท จังหวัดขอนแก่น เขื่อนยโสธร จังหวัดยโสธร และเขื่อนหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านท้ายน้ำ เพื่อเร่งการระบายน้ำในแม่น้ำมูลตอนล่างให้ไหลลงแม่น้ำโขงให้เร็วมากขึ้น

ในส่วนของสถานการณ์อุทกภัย ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวมทั้งสิ้น 20 จังหวัด 87 อำเภอ โดยสรุป     มีดังนี้ จังหวัดสุโขทัย 7 อำเภอ ได้แก่ อ.ทุ่งเสลี่ยม อ.ศรีสำโรง อ.บ้านด่านลานหอย อ.ศรีสัชนาลัย อ.เมือง อ.คีรีมาศ และ อ.สวรรคโลก เนื่องมาจากตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2564 เป็นต้นมา มีฝนตกหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำในปริมาณมาก จนเกินระดับเก็บกักและไหลล้นผ่านอาคารระบายน้ำล้นหลายแห่ง อาทิ อ่างเก็บน้ำแม่มอก อ่างเก็บน้ำห้วยท่าแพ อ่างเก็บน้ำห้วยแม่กองค่าย และแก้มลิงทุ่งทะเลหลวง ประกอบกับปริมาณน้ำในแม่น้ำยมที่เพิ่มสูงขึ้น โครงการชลประทานสุโขทัย ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 21 เครื่อง พร้อมบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของจังหวัดสุโขทัย ด้วยการชะลอน้ำ(หน่วงน้ำ)ไว้ทางด้านเหนือประตูระบายน้ำแม่น้ำยม(บ้านหาดสะพานจันทร์) เร่งผันน้ำเข้า ปตร.คลองหกบาท และใช้ระบบคลองเชื่อมฝั่งซ้ายแม่น้ำยม ในการผันน้ำเข้าสู่คลองแม่น้ำยมสายเก่า เพื่อลดระดับน้ำในเขตอำเภอเมือง

จังหวัดนครราชสีมา 3 อำเภอ ได้แก่ อ.โนนสูง อ.เมือง และ อ.โนนไทย เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบด้านท้ายอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) และปริมาณน้ำที่เอ่อล้นตลิ่งของลำน้ำมูลในหลายจุด ทั้งนี้ ในส่วนของสถานการณ์น้ำในอ่างฯลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ปริมาณน้ำลดลงแล้ว ส่วนพื้นที่ด้านท้ายกรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำในลำเชียงไกร รวม 18 เครื่อง พร้อมเร่งดำเนินการซ่อมแซมทำนบดินชั่วคราวของอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง)จนแล้วเสร็จ ช่วยลดผลกระทบพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ ได้เร็วขึ้น และเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้า ตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.)

จังหวัดลพบุรี 1 อำเภอ บริเวณริมคลองชัยนาท-ป่าสัก ดังนี้ อ.บ้านหมี่ 6 ตำบล ได้แก่ ต.หนองกระเบียน ต.หนองเมือง ต.บ้านกล้วย ต.บ้านทราย ต.หนองทรายขาว และ ต.พุคา รวม 4,940 ครัวเรือน โครงการชลประทานลพบุรี ได้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่

จังหวัดอุบลราชธานี 3 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่ตลิ่งต่ำน้ำท่วมซ้ำซาก ได้แก่ อ.เมือง อ.วารินชำราบ และ อ.ตระการพืชผล เนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” และการระบายในลำน้ำสายต่างๆ ลงสู่แม่น้ำมูล ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง โครงการชลประทานอุบลราชธานี ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีก 100 เครื่อง(แผนวางไว้ 200 เครื่อง) เร่งระบายน้ำไปลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด เพื่อรอรับน้ำเหนือที่กำลังจะลงมาอีกในระยะต่อไป 

จังหวัดชัยภูมิ 16 อำเภอ รวมพื้นที่ประมาณ 157,211 ไร่ โดยเฉพาะบริเวณลุ่มน้ำลำคันฉู ลำปะทาว และลำน้ำพรม-เชิญ โครงการชลประทานชัยภูมิ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 5 เครื่อง และติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 8 เครื่อง เร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำชี ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 

“ผมได้สั่งการให้ทุกโครงการชลประทาน เฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ที่สำคัญให้บูรณาการกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝนหรือสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนให้มากที่สุด หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้านหรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา” นายประพิศฯ กล่าวในที่สุด 

กรมชลประทาน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

4 ตุลาคม 2564

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...