โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

Cost Plus Pricing ต้นทุนเพิ่ม! ต้องบวกกำไรเพิ่ม

ThaiFranchiseCenter

เผยแพร่ 13 มี.ค. เวลา 23.16 น.

Cost Plus Pricing เป็นการตั้งราคาขาย โดยการบวกกำไรที่เราอยากจะได้ เพิ่มจากต้นทุน เพื่อให้ได้ราคาขายสุดท้าย

มีสูตรคือ ราคาขาย = ต้นทุนทั้งหมด + กำไรของสินค้า

ซึ่งก่อนที่จะไปถึงขั้นตั้งราคาขาย ก็ต้องรู้ว่า “ต้นทุน”ของเราทั้งหมดมีเท่าไหร่ ในที่นี้ก็หมายรวมทั้งหมดคือ ต้นทุนคงและต้นทุนผันแปร ทั้งค่าน้ำ , ค่าไฟ , ค่าเช่า , ค่าจ้างพนักงาน , ค่าวัตถุดิบ เป็นต้น

เมื่อได้ต้นทุนทั้งหมดก็นำมาเฉลี่ยเป็นต้นทุนสินค้าต่อหน่วย จากนั้นจึงนำมาบวกกับกำไรที่ต้องการ

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ข้าวผัดกระเพรา ต้นทุนรวมต่อจานอยู่ที่ 30 บาท ต้องการขายให้ได้กำไรจานละ 60 % ดังนั้น

  • ราคาขาย = ต้นทุนทั้งหมดต่อจาน + กำไรของสินค้า
  • ราคาขาย = 30 + (30 x 60 %)
  • ราคาขาย = 48 บาท

ในการตั้งราคาขายจริงก็อาจใส่ตัวเลขกลมๆ ให้เข้าใจง่ายเป็นราคา 50 บาท ก็เท่ากับว่าข้าวผัดกระเพราจานนี้จะมีกำไร 60% ต่อจาน

ข้อดีการตั้งราคาเพิ่มจากต้นทุน (Cost Plus Pricing)

  • ช่วยให้ตั้งราคาอาหารได้อย่างเหมาะสม
  • สร้างกำไรได้อย่างมั่นคง เนื่องจากกำหนดกำไรที่ต้องการชัดเจน
  • ลดโอกาสขาดทุน ครอบคลุมกำไรทุกจาน

วิธีการตั้งราคาแบบนี้เหมาะกับแบรนด์ที่ขายสินค้าและบริการ ที่มีลักษณะเป็นสินค้ามวลชน (Mass Product) มีความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย สัดส่วนของ % ที่ต้องการก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการในแต่ละราย มากหรือน้อยต้องพิจารณาจากหลายด้านเอามาประกอบ บางรายต้องการขายมากให้มีตัวคูณของลูกค้าเยอะๆ ก็สามารถตั้งราคาให้ถูกเพื่อดึงดูดลูกค้าได้

เห็นภาพง่ายที่สุดก็คือแบรนด์จากจีนที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นลักษณะของ Economies of Scale คือ การที่บริษัทหนึ่ง สามารถกดต้นทุนเฉลี่ยให้ถูกลงได้ ด้วยการเพิ่มปริมาณการผลิต ซึ่งธุรกิจที่จะใช้ประโยชน์จาก Economies of Scale จะต้องมีความต้องการจากฐานลูกค้าจำนวนมากเสียก่อน แล้วจึงเพิ่มการผลิตให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการนั้น

อย่างไรก็ตาม การเกิด Economies of Scale จะไม่ได้คงอยู่ตลอดไป เพราะเมื่อผลิตมากขึ้นถึงจุดหนึ่ง ผู้ผลิตก็จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มการผลิตต่อเนื่อง จนไม่สามารถกดต้นทุน ให้ต่ำได้ จะเห็นได้ว่าหลักการตั้งราคาในโลกของธุรกิจนั้นมีหลายตัวแปรที่ต้องคิดให้รอบคอบ วิธี Cost Plus Pricing เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

นอกเหนือจากวิธีนี้ก็ยังมีกลยุทธ์การตั้งราคาที่ธุรกิจกว่า 90% นิยมใช้กันเช่น

  • Competitive pricing การตั้งราคาให้เข้ากับท้องตลาด ให้ราคาอยู่ใน range เดียวกับคู่แข่ง ไม่แพงโดดหรือถูกเกินช่วงราคาที่เขาขายๆกัน
  • Value-based pricing การตั้งราคาโดยไม่อิงราคาตลาด แต่อิงคุณค่าหรือการรับรู้ในใจของลูกค้า
  • Price Skimming คือการตั้งสินค้าราคาสูงและค่อยๆทยอยลดราคาทีหลัง เป็นวิธีที่เหมาะกับสินค้าหรือบริการใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามาทำตลาด ยกตัวอย่าง แผงโซลาร์ แต่ก่อนแพงมาก ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีและการแข่งขัน ทำให้ราคาถูกขึ้นมาก
  • Penetration Pricing การตั้งราคาต่ำกว่าตลาดเพื่อเจาะตลาด แล้วค่อยไปขึ้นราคาทีหลัง

อย่างไรก็ดีแม้เป็นธุรกิจเดียวกัน มีหลายสินค้า ไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การตั้งราคาเดียวกันทั้งหมด สามารถปรับให้เหมาะกับปัจจัยแวดล้อมของแต่ละธุรกิจ และการตั้งราคาไม่ใช่คิดแค่ต้นทุนสินค้า บวกกำไรแค่นั้น มันต้องคิดเผื่อต้นทุนอื่นๆ เช่น ต้นทุนค่าวางจำหน่ายสินค้า, ต้นทุนค่าโฆษณา, ต้นทุนค่าบริหารจัดการอื่นๆ รวมถึงเรื่องของ Sales Promotion ในอนาคตข้างหน้าด้วย

------------------------------------------

รวมแฟรนไชส์ไทย >660 แบรนด์ - www.ThaiFranchiseCenter.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...