โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจแย่ คนใช้เงินประหยัดขึ้น ‘โค้ก’ กลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟื่อยของคนภาคใต้ ดึงโมเดล ‘ขวดแก้วคืนขวด’ กระตุ้นรายได้ – รักษ์โลก

TODAY Bizview

อัพเดต 16 มี.ค. เวลา 22.36 น. • เผยแพร่ 16 มี.ค. เวลา 15.36 น. • workpointTODAY

ในยุคหนึ่งสำหรับเด็กยุค 80s-90s การซื้อโค้กดื่มตามร้านโชห่วย รวมไปถึงโมเดลธุรกิจแบบ ‘คืนขวดแก้ว’ Coca-Cola หรือ โค้ก เป็นหนึ่งในแบรนด์แรกๆ ที่คนยุคนั้นน่าจะนึกถึง และล่าสุด โมเดลนี้กำลังกลับมาสำหรับ 14 จังหวัดภาคใต้ กับโค้กขนาดขวดใหม่

พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในเครือโคคา-โคล่าในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ได้พูดเปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2568 ว่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่บริษัทฯ เติบโตอย่างมีศักยภาพ

[ โมเดลขวดแก้วคืนขวด ]

ในปี 2567 บริษัทได้ตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่มากถึง 800 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มขวดแก้วแบบคืนขวดรุ่นใหม่ โดยมีกำลังการผลิตสูงสุด 10 ล้านลังต่อปี แต่ปัจจุบันกำลังการผลิตที่ใช้ไปเพียง 3 ล้านลังเท่านั้น

ดังนั้น น้ำอัดลมขวดแก้วแบบคืนขวดรุ่นใหม่ ต้องพูดว่าราคาขายที่เป็น ‘ต้นทุน’ ของร้านค้าต่อลังจะถูกกว่าบรรจุภัณฑ์ PET รวมไปถึงการตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งธุรกิจใดที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยแท้จริง จะสามารถเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อาจจะหมายรวมไปถึง first jobber และคนวัยทำงาน ซึ่งเป็นเมนมาร์เก็ตของ Coca-Cola

“จากสัดส่วนในปัจจุบันที่เราถือในตลาดขวดแก้วคืนขวด รายได้ของบริษัทมาจากส่วนนี้ประมาณ 3% แต่เราต้องการจะเพิ่มให้เป็น 10%”

จากกระแสการลดใช้พลาสติกของลูกค้า เราพยายามทำให้ดีไซน์ของขวดแก้วดูพรีเมียมขึ้น ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่คู่แข่งหลักของเรายังไม่มี” พลตรี พัชร รัตตกุล กล่าว

[ โอกาสเติบโตของขวดแก้วคืนขวด ]

ซีอีโอบริษัทหาดทิพย์ เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้องดูสัญญาณแล้วค่อนข้างบวก อาจจะเป็นอย่างช้าๆ

นอกจากนี้ อุปสงค์ต่างประเทศที่ปรับดีขึ้น ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในภาคใต้ บริษัทจะพยายามสร้างทุกช่องทางให้แข็งแกร่งที่สุด อย่างเช่น กลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่ (HoReCa) ซึ่งมีความเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ขวดแก้วคืนขวดรุ่นใหม่มาก

โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 5-7% และมีรายได้รวมที่ 8,700 ล้านบาท สำหรับปี 2567 บริษัทฯ สามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ในอัตรา 4% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 602 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท หรือประมาณ 0.6 % เมื่อเทียบกับปี 2566

พลตรี พัชร รัตตกุล มองว่า“ความยั่งยืน ไม่ใช่แฟชั่น แต่เป็นสิ่งที่เราต้องทำ”

“ในจังหวัดภาคใต้การเติบโตของน้ำอัดลมจะมากกว่าภาคอื่น ปีก่อนตลาดโต 10% เพราะเศรษฐกิจโดยทั่วไป การท่องเที่ยวดี แต่เมื่อเทียบกันแล้วยอดขายในร้านค้าทั่วไปของเราอาจจะโตน้อยกว่าที่คาด ต้องพูดว่าผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง คิดเยอะขึ้น ในขณะเดียวกันพวกเขาก็มองว่าน้ำอัดลมเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ผู้คนประหยัดมากขึ้น นี่คือความท้าทายที่กระทบการเติบโต”

“บางทีไปทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน ลูกค้าก็เลือกที่จะดื่มน้ำชาฟรี ประหยัดเงินอีกหน่อย และก็ไม่สต็อกน้ำอัดลมที่บ้านแล้ว”

จึงมองว่า การปรับกลยุทธ์ธุรกิจเล็กน้อยจากที่ปรับรสชาติเครื่องดื่ม, ปรับแพ็คเกจขวดพลาสติก, ฯลฯ ซึ่งโมเดลขวดแก้วคืนขวดซึ่งร้านค้าก็เซฟต้นทุนได้ ลูกค้าก็ซื้อในราคาที่ถูกลงได้ Win-Win ด้วยกันทั้งคู่ ก็น่าจะดีต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...