โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

Hermès แซงหน้า LVMH กลายเป็นบริษัทที่มูลค่าสูงสุดในฝรั่งเศสเป็นที่เรียบร้อย

THE STANDARD

อัพเดต 17 เม.ย. เวลา 04.57 น. • เผยแพร่ 17 เม.ย. เวลา 04.57 น. • thestandard.co
Hermès แซงหน้า LVMH กลายเป็นบริษัทที่มูลค่าสูงสุดในฝรั่งเศสเป็นที่เรียบร้อย
Hermès แซงหน้า LVMH กลายเป็นบริษัทที่มูลค่าสูงสุดในฝรั่งเศสเป็นที่เรียบร้อย

มูลค่าตลาดของ Hermès แตะระดับ 243.65 แสนล้านยูโร หรือราว 9.2 ล้านล้านบาท แซงหน้าเครือแฟชั่นยักษ์ใหญ่อย่าง LVMH ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 24.344 ล้านล้านยูโร หรือราว 9.19 ล้านล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย และกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในฝรั่งเศสตามดัชนี CAC 40 หรือ ดัชนีรวมหุ้นบริษัทใหญ่ 40 แห่งที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ Euronext Paris เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา

โดยปัจจัยที่ทำให้บริษัทเครื่องหนังและอานม้า เอาชนะบริษัทเครือแฟชั่นที่มีทั้งแบรนด์ใหญ่อย่าง Louis Vuitton และ Dior เกิดขึ้นหลังจากที่มีการเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2025 ที่ไม่เข้าเป้า โดย LVMH ทำรายได้ไป 2.03 แสนล้านยูโร และลดลงมาจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 ที่ 3% ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัททันที และตกลงมามากกว่า 8%

และตัวเลขมูลค่าในตลาดนี้ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ในการเป็นคู่แข่งทางการค้าระหว่างสองบริษัทลักชัวรี ซึ่งถึงแม้ว่า LVMH จะทำรายได้รวมต่อปีได้มากกว่าอยู่หลายเท่าที่ 8.47 แสนล้านยูโรในปี 2024 ขณะที่ Hermès ทำไปได้ 1.52 แสนล้านยูโร แต่มูลค่าของบริษัทกลับไม่ต่างกันมากนัก

ซึ่งความท้าทายนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ LVMH ต้องเผชิญเพิ่มขึ้นต่อจากสถานการณ์มาตรการกำแพงภาษีของ Donald Trump ที่ส่งผลต่อสายพานการผลิตสินค้าแฟชั่น และราคาสินค้าหน้าร้านที่กระจายอยู่ทั่วโลก รวมไปถึงความต้องการที่ลดลงต่อสินค้าลักซ์ชัวรีในสหรัฐฯ และจีน

ย้อนไปเมื่อปี 2010 ทาง Bernard Arnault ได้มีความพยายามที่จะเข้าซื้อกิจการของ Hermès ที่ขณะนี้อยู่ในการดูแลของ Axel Dumas และครอบครัว ผ่านการกระจายและซื้อขายหุ้นตัวแทนรวมอยู่ที่ 17% และสูงสุดที่23.2% จากการรายงานของ The Guardianจนมีการเปิดเผยความพยายามผ่านสาธารณะจนทำให้ครอบครัว Dumas ต้องรวมตัวกันปกป้องบริษัท และภายหลังมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น และมีการตกลงกันในเวลาต่อมาเมื่อปี 2014 ให้ Bernard Arnault สละหุ้นที่ถืออยู่และห้ามซื้อหุ้นเพิ่มภายในระยะเวลา 5 ปี

ภาพ: ruelleruelle / UCG / Universal Images Group via Getty Images

อ้างอิง: