หุ้นไทยสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์ให้กรอบ 1,185- 1,215 จุด กลยุทธ์ “แบ่งไม้ซื้อ”
บล.กสิกรไทย คาด หุ้นไทยสัปดาห์นี้ (3-7 มี.ค.)เคลื่อนไหวกรอบ 1,185- 1,215 จุด จับตานโยบายทรัมป์ เงินเฟ้อไทย เอเซีย พลัส แนะกลยุทธ์ลงทุนเดือนมี.ค. ทยอยซื้อสะสม (แบบแบ่งไม้ซื้อ) หุ้นเด่น MTC,MINT,CBG,PTT,AP และ AMATA
บล.กสิกรไทย คาดแนวโน้ม หุ้นไทยสัปดาห์นี้ (3-7 มี.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวกรอบ 1,185- 1,215 จุด โดยมีแนวรับที่ 1,185 และ 1,175 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,215 และ 1,230 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมิน ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด นโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ด้าน ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและการบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนก.พ.รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนก.พ.ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซนและอังกฤษ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. (เบื้องต้น) และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลนำเข้าและส่งออกเดือนม.ค.-ก.พ.ของจีน
*สัปดาห์ที่ผ่านมา (24-28 ก.พ.) หุ้นไทยปรับตัวลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 5 และร่วงลงหลุดแนว 1,200 จุด ไปแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีช่วงท้ายสัปดาห์ โดยดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ โดยเผชิญแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งที่ผลประกอบการออกมาแย่และมีแผน spin-off บริษัทลูกซึ่งสร้างความกังวลต่อนักลงทุน รวมถึงความกังวลต่อประเด็นความขัดแย้งทางการค้าหลังมีรายงานว่าสหรัฐฯจะจำกัดการลงทุนของจีนในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ และจะเดินหน้าเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกตามเดิม ประกอบกับน่าจะมีแรงขาย LTF ที่ครบกำหนดเข้ามากดดันตลาดเพิ่มเติม*
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ กลางสัปดาห์หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 % ซึ่งเหนือความคาดหมายของตลาดส่งผลให้มีแรงซื้อคืนหุ้นช่วงสั้น ๆ กระจายในทุกอุตสาหกรรม ยกเว้นกลุ่มแบงก์
ดัชนีหุ้นไทยพลิกร่วงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค โดยแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี 11 เดือนที่ 1,186.36 จุดช่วงท้ายสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบของสงครามการค้า หลังสหรัฐฯยืนยันจะเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ในวันที่ 4 มี.ค.พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10%ในวันเดียวกัน และก่อนหน้านี้ก็มีการขู่จะเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากยุโรปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายเพื่อปรับพอร์ตตามการปรับ MSCI Rebalance ซึ่งมีผลในวันที่ 28 ก.พ.
ในวันศุกร์ที่ 28 ก.พ. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,203.72 จุด ลดลง 3.41% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 57,150.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.40% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 5.38% มาปิดที่ระดับ 255.95 จุด
บล.เอเซีย พลัส ประเมิน ตลาดหุ้นไทยเดือนมี.ค. ยังผันผวนต่อ แม้มองว่าหุ้นไทยจะถูกมาก ซึ่งปัจจุบันมีหุ้นใน SET100 ที่ราคาต่ำกว่าบุ๊คแวลูจำนวนกว่า 42 บริษัท และมีค่าเฉลี่ยอัตราจ่ายเงินปันผลของตลาดราว 3.8 % โดยมองว่าตลาดยังไม่มีแรงขับเคลื่อนภายในและยังไม่เห็นเม็ดเงินใหม่ๆเข้ามามากนัก
ขณะที่ต้องจับตาดูเม็ดเงินจากกองทุนประหยัดภาษีส่วนเพิ่มและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากมาตรการเหล่านี้เดินหน้าต่อและสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาได้ น่าจะดึงดูุดเม็ดเงินใหม่ๆให้ไหลกลับเข้ามาได้
สำหรับกรอบดัชนีหุ้นไทยเดือนมี.ค.ให้แนวรับแรกไว้ที่ 1,180 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,140 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,270 จุด กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยซื้อสะสม (แบบแบ่งไม้ซื้อ) และเน้นถือระยะยาว เพราะยังไม่เห็นจุดเปลี่ยนราคาที่จะพุ่งขึ้นได้รวดเร็ว นอกจากนี้หุ้นที่แนะนำ ได้แก่ MTC,MINT,CBG,PTT,AP และ AMATA