โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

หุ้นไทยสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์ให้กรอบ 1,185- 1,215 จุด กลยุทธ์ “แบ่งไม้ซื้อ”

การเงินธนาคาร

อัพเดต 02 มี.ค. เวลา 13.32 น. • เผยแพร่ 02 มี.ค. เวลา 06.32 น.

บล.กสิกรไทย คาด หุ้นไทยสัปดาห์นี้ (3-7 มี.ค.)เคลื่อนไหวกรอบ 1,185- 1,215 จุด จับตานโยบายทรัมป์ เงินเฟ้อไทย เอเซีย พลัส แนะกลยุทธ์ลงทุนเดือนมี.ค. ทยอยซื้อสะสม (แบบแบ่งไม้ซื้อ) หุ้นเด่น MTC,MINT,CBG,PTT,AP และ AMATA

บล.กสิกรไทย คาดแนวโน้ม หุ้นไทยสัปดาห์นี้ (3-7 มี.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวกรอบ 1,185- 1,215 จุด โดยมีแนวรับที่ 1,185 และ 1,175 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,215 และ 1,230 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมิน ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด นโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ด้าน ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและการบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนก.พ.รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนก.พ.ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซนและอังกฤษ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. (เบื้องต้น) และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลนำเข้าและส่งออกเดือนม.ค.-ก.พ.ของจีน

*สัปดาห์ที่ผ่านมา (24-28 ก.พ.) หุ้นไทยปรับตัวลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 5 และร่วงลงหลุดแนว 1,200 จุด ไปแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีช่วงท้ายสัปดาห์ โดยดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ โดยเผชิญแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งที่ผลประกอบการออกมาแย่และมีแผน spin-off บริษัทลูกซึ่งสร้างความกังวลต่อนักลงทุน รวมถึงความกังวลต่อประเด็นความขัดแย้งทางการค้าหลังมีรายงานว่าสหรัฐฯจะจำกัดการลงทุนของจีนในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ และจะเดินหน้าเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกตามเดิม ประกอบกับน่าจะมีแรงขาย LTF ที่ครบกำหนดเข้ามากดดันตลาดเพิ่มเติม*

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ กลางสัปดาห์หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 % ซึ่งเหนือความคาดหมายของตลาดส่งผลให้มีแรงซื้อคืนหุ้นช่วงสั้น ๆ กระจายในทุกอุตสาหกรรม ยกเว้นกลุ่มแบงก์

ดัชนีหุ้นไทยพลิกร่วงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค โดยแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี 11 เดือนที่ 1,186.36 จุดช่วงท้ายสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบของสงครามการค้า หลังสหรัฐฯยืนยันจะเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ในวันที่ 4 มี.ค.พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10%ในวันเดียวกัน และก่อนหน้านี้ก็มีการขู่จะเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากยุโรปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายเพื่อปรับพอร์ตตามการปรับ MSCI Rebalance ซึ่งมีผลในวันที่ 28 ก.พ.

ในวันศุกร์ที่ 28 ก.พ. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,203.72 จุด ลดลง 3.41% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 57,150.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.40% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 5.38% มาปิดที่ระดับ 255.95 จุด

บล.เอเซีย พลัส ประเมิน ตลาดหุ้นไทยเดือนมี.ค. ยังผันผวนต่อ แม้มองว่าหุ้นไทยจะถูกมาก ซึ่งปัจจุบันมีหุ้นใน SET100 ที่ราคาต่ำกว่าบุ๊คแวลูจำนวนกว่า 42 บริษัท และมีค่าเฉลี่ยอัตราจ่ายเงินปันผลของตลาดราว 3.8 % โดยมองว่าตลาดยังไม่มีแรงขับเคลื่อนภายในและยังไม่เห็นเม็ดเงินใหม่ๆเข้ามามากนัก

ขณะที่ต้องจับตาดูเม็ดเงินจากกองทุนประหยัดภาษีส่วนเพิ่มและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากมาตรการเหล่านี้เดินหน้าต่อและสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาได้ น่าจะดึงดูุดเม็ดเงินใหม่ๆให้ไหลกลับเข้ามาได้

สำหรับกรอบดัชนีหุ้นไทยเดือนมี.ค.ให้แนวรับแรกไว้ที่ 1,180 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,140 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,270 จุด กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยซื้อสะสม (แบบแบ่งไม้ซื้อ) และเน้นถือระยะยาว เพราะยังไม่เห็นจุดเปลี่ยนราคาที่จะพุ่งขึ้นได้รวดเร็ว นอกจากนี้หุ้นที่แนะนำ ได้แก่ MTC,MINT,CBG,PTT,AP และ AMATA

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับ ตลาดหุ้นทั้งไทยและเทศ ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...