โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

นักวิเคราะห์ต่างชาติ มอง “หุ้นไทย” วันนี้ร่วง 2.4% วิตกไทยเสี่ยงเผชิญมาตรการภาษีทรัมป์

การเงินธนาคาร

อัพเดต 28 ก.พ. เวลา 13.23 น. • เผยแพร่ 28 ก.พ. เวลา 06.23 น.

นักวิเคราะห์ต่างชาติ มอง "หุ้นไทย" วันนี้ร่วง 2.4% วิตกไทยเสี่ยงเผชิญมาตราการภาษีทรัมป์-เศรษฐกิจไทยอ่อนแอ

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี SET มุ่งหน้าสู่ตลาดหมีทางเทคนิค ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

โดยในวันนี้ (28 ก.พ.68) ตลาดหุ้นไทยร่วงลง 2.4% ซึ่งร่วงลงจากจุดสูงสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2567 มาอยู่ที่มากกว่า 20% โดยหุ้นของบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เป็นกลุ่มที่ส่งผลให้ดัชนี SET ร่วงลงมากที่สุด

โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยในปี 2568 หลังจากเทขายออกไปเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นว่าเศรษฐกิจของไทย ซึ่งไม่บรรลุเป้าหมายการเติบโตในปี 2567 จะได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากคำมั่นสัญญาของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะเรียกเก็บภาษีต่อประเทศต่างๆ

Pon Van Compernolle หุ้นส่วนผู้จัดการของ RVC Emerging Asia Fund กล่าวว่า “ความอ่อนแอต่อเนื่องของดัชนี SET เป็นผลมาจากเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอ เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไม่ได้นำไปสู่การปรับปรุงเชิงโครงสร้างใดๆ”พร้อมเสริมว่า “เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการขาดความเชื่อมั่นในตลาดทุนท่ามกลางแรงขายอย่างต่อเนื่องจากสถาบันทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ”

ตามข้อมูลที่ Bloomberg รวบรวมเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 กองทุนทั่วโลกได้ขายหุ้นในประเทศมูลค่าสุทธิแล้ว 381 ล้านดอลลาร์ในปี 2568

ทั้งนี้ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสหรัฐ เนื่องจากประเทศมีอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐสูงกว่าที่สหรัฐเรียกเก็บจากสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศนั้นๆ หน่วยงานของรัฐกำลังพิจารณามาตรการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของไทย

ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการเติบโต

อ้างอิง : bloomberg.com

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...