โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไขข้อสงสัย ทำไมคนพุทธต้องเวียนเทียนวันมาฆบูชา

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

อัพเดต 12 ก.พ. เวลา 08.51 น. • เผยแพร่ 12 ก.พ. เวลา 08.51 น. • ข่าวเวิร์คพอยท์

(เรียบเรียงโดย อพัชชา ทองสนิท)

วันมาฆบูชา เป็นหนึ่งในวันสำคัญทางศาสนาพุทธ จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี โดยคำว่ามาฆบูชานั้นมาจากภาษาบาลีว่า มาฆปูรณมีบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินฮินดู หรือเดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติไทย

ตามความเชื่อในศาสนาพุทธ เชื่อว่าในสมัยพุทธกาลมีเหตุอัศจรรย์ เกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการ คือ พระภิกษุ 1,250 รูป ได้มาประชุมพร้อมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย, พระภิกษุทั้งหมดนั้นเป็น “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง, พระภิกษุทั้งหมดนั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6, และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญเดือน 3 ดังนั้น จึงเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4

เมื่อพระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นคณะสงฆ์มาชุมนุมโดยพร้อมเพรียงกัน จึงได้แสดงธรรมโอวาทปาฏิโมกข์ ให้กับเหล่าพุทธสาวก เป็นพระพุทธพจน์ 3 คาถากึ่ง มีใจความสำคัญ คือ

  • พระพุทธพจน์คาถาแรกทรงกล่าวถึง พระนิพพาน ว่าเป็นจุดมุ่งหมายหรืออุดมการณ์อันสูงสุดของบรรพชิตและพุทธบริษัท อันมีลักษณะที่แตกต่างจากศาสนาอื่น ดังพระบาลีว่า “นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา”
  • พระพุทธพจน์คาถาที่สองทรงกล่าวถึง “วิธีการอันเป็นหัวใจสำคัญเพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาแก่พุทธบริษัททั้งปวงโดยย่อ” คือ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การบำเพ็ญแต่ความดี และการทำจิตของตนให้ผ่องใสเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง ส่วนนี้เองของโอวาทปาฏิโมกข์ที่พุทธศาสนิกชนมักท่องจำกันไปปฏิบัติ โดยมีการจำเป็นประโยคสั้นๆ ว่า “ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส”
  • พระพุทธพจน์คาถาสุดท้าย ทรงกล่าวถึงหลักการปฏิบัติของพระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พระศาสนา 6 ประการ คือ การไม่กล่าวร้ายใคร, การไม่ทำร้ายใคร, การมีความสำรวมในปาติโมกข์ทั้งหลาย, การเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร, การรู้จักที่นั่งนอนอันสงัด, และบำเพ็ญเพียรในอธิจิต

สำหรับพิธีกรรมที่พุทธศาสนิกชนในไทยมีเพื่อรำลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า เพิ่งเริ่มมีในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์ได้ทรงปรารภถึงเหตุการณ์ครั้งพุทธกาลในวันเพ็ญเดือน 3 ดังกล่าวว่า เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญยิ่ง ควรประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาเลื่อมใส จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชกุศลมาฆบูชาขึ้น

การประกอบพระราชพิธีคงคล้ายกับวันวิสาขบูชา คือ มีการบำเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆ และมีการพระราชทานจุดเทียนตามประทีปเป็นพุทธบูชาในวัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระอารามหลวงต่าง ๆ เป็นต้น โดยในช่วงแรก พิธีมาฆบูชาคงเป็นการพระราชพิธีภายใน ก่อนที่จะมีการขยายออกไปในหมู่สามัญชนภายหลัง

ในวันมาฆบูชานี้ พุทธศาสนิกชนจะร่วมกันทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และทำความดีในหลาย ๆ รูปแบบ แต่หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญคือ “การเวียนเทียน”

ความสำคัญของการเวียนเทียน

การเวียนเทียน เป็นคติที่ได้รับมาจากอินเดีย พร้อมๆ การเข้ามาของพระพุทธศาสนาในภูมิภาคสุวรรณภูมิ โดยมีบันทึกปรากฏถึงการเวียนเวียนว่าเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยทวารวดี

การเวียนเทียน เป็นการเคารพบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการให้พุทธศาสนิกชนตระหนักถึงสังสารวัฏ การไม่มีที่สิ้นสุด ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนอย่างที่เราเดินเป็นวงกลม ที่สุดท้ายแล้วเราจะต้องวนกลับมาที่เดิม

เวียนเทียนทำอย่างไร?

เดินทางประธานสงฆ์โดยในมือต้องมีดอกไม้ ธูปเทียนเรียบร้อยแล้ว เดินเวียนไปทางที่มือขวาของตน หันเข้าสถานที่ที่เวียนนั้นจนครบ 3 รอบ ซึ่งแต่ละรอบให้ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ตามลำดับ

สุดท้ายนี้ การทำบุญไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะในวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวันไหน ขอแค่เพียงเรารักษาศีล สำรวมกายใจ และมีสติในการดำเนินชีวิต ก็เหมือนกับการทำบุญที่ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันสำคัญทางศาสนา

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...