หุ้นกลุ่มอาหาร ผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐฯ
#หุ้นกลุ่มอาหาร #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.ทิสโก้
.
ผลกระทบการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบทางการค้าเทียบกับคู่แข่งอันดับ 2แคนาดา และอันดับ 4 เม็กซิโก
ภาพรวมการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงของสหรัฐฯ ปี 2023 มีมูลค่า 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยนำเข้าจากประเทศไทยเป็นอันดับ 1 มูลค่า 598 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐฯ 35% การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อประเทศไทย 36%ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบทางการค้าเทียบกับคู่แข่งอันดับ 2ประเทศแคนาดา และอันดับ 4 ประเทศเม็กซิโก ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 23.8% และ 3.8%ตามลำดับ ซึ่งเสียภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เพียง 25%
.
ผลกระทบภาษีนำเข้าสหรัฐต่อกลุ่มอาหารทะเลและปลาทูน่า กระทบต่อประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนามกระทบมากสุด
ภาพรวมการนำเข้าอาหารทะเลปลาทูน่าของสหรัฐฯ ปี 2023 มีมูลค่า 1.18 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยนำเข้าจากประเทศไทยเป็นอันดับ 1 มูลค่า 518 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐฯ 43.8% (ประเทศไทยมีการส่งออกอาหารทะเลปลาทูน่าไปทั่วโลก 2พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดในโลก 24%) การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อประเทศไทย 36%ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบทางการค้าเทียบกับคู่แข่งอันดับ 2ประเทศเอกวาดอร์ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 11.7% อยู่อันดับ 2 รองจากไทย เสียภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เพียง 10%
.
ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่มีผลกระทบจากการส่งออกไป US มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ AAI, ITC และ TU กระทบมากที่สุด หลังจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ 9 เม.ย. 25 นี้ โดยประเทศไทยโดนภาษีนำเข้าสหรัฐฯ 36%เราคาดหุ้นที่มีผลกระทบในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มคำนวณจากสัดส่วนการส่งออกไป US มากที่สุดได้แก่ AAI ITC และ TU ทั้ง Pet food และ Human food และอาหารทะเลแช่แข็งปลาทูน่าที่เฉลี่ย 55%, 50% และ 39% ตามลำดับ ในขณะที่หุ้น SAPPE, CHAO และ TVO มีสัดส่วนส่งออกไป US ประมาณ 5-6% และ CPF กับ RBF ผลกระทบทางตรงค่อนข้างจำกัดมีการส่งออกไป US ต่ำกว่า 1%
.
จากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของรายได้ในสหรัฐฯที่ +/-ทุกๆ 10% ในขณะที่ปัจจัยอื่นๆ คงที่ จะกระทบต่อกำไรสุทธิ AAI, ITC และ TU กระทบต่อกำไรสุทธิ +/- 5.9%, +/-5.6% และ 9.5% ตามลำดับ และกระทบต่อ SAPPE และ CHAO, +/- 0.5%, และ+/-1.1% ตามลำดับ