โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘Financial Anxiety’ ปัญหาเงินน้อย เครียดหนัก ที่คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญ

Mission To The Moon

เผยแพร่ 18 พ.ย. 2566 เวลา 05.30 น. • Mission To The Moon Media

‘ความเครียด’ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นความเครียดเล็กๆ อย่างโดนเพื่อนทักว่าหน้าโทรม หรือความเครียดใหญ่ๆ อย่างการหย่าร้างหรือการถูกไล่ออกจากงาน และเมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น แน่นอนว่าวันนั้นของเราก็จะกลายเป็นวันแย่ๆ ถึงแม้ว่าอากาศจะสดใสแค่ไหน เราก็มองเห็นแค่โลกสีเทาๆ หม่นๆ ตรงหน้า
.
อย่างไรก็ดี ตอนนี้มีบทความออกมามากมายว่า “คน Gen Z นั้นเครียดที่สุดในที่ทำงาน” เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว หลายคนก็อาจจะมองว่า “คนวัยไหนก็เครียดกันทั้งนั้น” ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าความเครียดเกิดขึ้นได้กับทุกคน
.
แต่ในบทความนี้ เราจะชวนทุกคนมาเจาะลึกเรื่องราวความเครียดที่เกิดขึ้นกับคน Gen Z ที่นอกเหนือไปจากเรื่องการทำงาน นั่นก็คือ ‘Financial Anxiety’ หรือ ‘ความเครียดทางการเงิน’
.
.
การเงินไม่ดี ชีวิตไม่มีความสุข
.
เรื่อง ‘การเงิน’ ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าการเงินของเราไม่ดี นอกจากจะต้องมาเครียดเรื่องเงินแล้ว ยังต้องเครียดเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น เครียดเพราะไม่ได้ทานอาหารดีๆ เครียดเพราะไม่มีเงินส่งทางบ้าน หรือเครียดเพราะไม่มีเงินออกไปใช้ชีวิตหรือสังสรรค์กับเพื่อนและแฟน
.
และเมื่อเราเครียดแล้ว ก็จะทำให้ปัญหาหลายๆ อย่างตามมาอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสุขภาพกายและใจ ซึ่งพอเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ มันก็จะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ในที่สุด ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นเราจึงควรมาทำความเข้าใจเรื่อง ‘Financial Anxiety’ กันก่อน เพื่อที่จะได้หาทางรับมือกันต่อไป
.
‘Financial Anxiety’ คืออะไร? ก็ตามชื่อเลย เป็นความตึงเครียดทางอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินโดยเฉพาะ ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นได้บ่อยกับคนที่มีรายได้น้อย โดยคำว่า ‘น้อย’ ในที่นี้คือไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของเรา เช่น ไม่พอจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟ หรือค่าของใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น
.
และอย่างที่กล่าวไปว่า ‘Financial Anxiety’ เกิดขึ้นแล้วกับคน Gen Z โดยตามรายงานของ 2023 EY Gen Z Segmentation Study ที่ทำการสำรวจคน Gen Z กว่า 1,500 คนในสหรัฐฯ พบว่า Gen Z กำลังเผชิญกับความท้าทายเรื่องสุขภาพจิตอยู่ เพราะคนวัยนี้เข้าสู่ตลาดแรงงานในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายอย่างเกิดขึ้น รวมทั้งยังต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจอีกด้วย
.
อีกทั้งผลสำรวจนี้ยังชี้อีกว่า มี Gen Z เพียง 31% เท่านั้นที่รู้สึกมีความมั่นคงทางการเงิน ส่วนอีกมากกว่าครึ่ง (52%) รู้สึกกังวลเรื่องการมีเงินไม่พอใช้เป็นอย่างมาก ซึ่งหากดูตัวเลขความเครียดเรื่องการเงินของชาว Gen Z แล้ว ก็จะเห็นได้ว่า
[ ] 39% เครียดมากกับการตัดสินใจเรื่องการเงินแบบผิดๆ
[ ] 32% ให้คะแนนสถานการณ์การเงินปัจจุบันของตัวเองว่า แย่หรือแย่มาก และ 69% ให้คะแนนว่า อยู่ในขั้นกลางๆ หรืออาจจะแย่ลงมาหน่อย
.
นอกจากนี้ รายงานนี้ยังสรุปไว้อีกว่า สำหรับคน Gen Z แล้ว เรื่องสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
.
อย่างไรก็ดี แม้ว่ารายงานนี้จะสำรวจแค่เฉพาะชาว Gen Z ในสหรัฐฯ แต่ก็เชื่อว่ามี Gen Z หรือคนอีกหลายๆ วัยในประเทศไทยที่กำลังประสบกับ Financial Anxiety เช่นกัน เพราะถ้าเราพิจารณาตามตัวเลขการออมเงินของคนไทยที่ ธปท. เผยออกมา ก็จะเห็นได้เลยว่า 88% ของคนไทยมียอดเงินในบัญชีออมทรัพย์ไม่ถึง 50,000 บาท นั่นหมายความว่าคนไทยส่วนใหญ่ออมเงินน้อย และอาจมีปัญหาการเงินในระยะยาวได้ ซึ่งพอมีปัญหาเรื่องการเงิน Financial Anxiety ก็จะตามมานั่นเอง
.
.
วิธีรับมือกับ Financial Anxiety
.
ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ความเครียดเรื่องการเงินเกิดขึ้นได้กับทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าเกิดขึ้นน้อยหรือมาก ถ้าเมื่อไรก็ตามที่ปัญหานี้รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น รู้สึกไม่มีความสุขกับชีวิตเพราะต้องมานั่งเครียดเกี่ยวกับเงิน ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่เช่นนั้นความเครียดนี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่ใหญ่กว่า อย่างเช่น ‘โรคซึมเศร้า’ มาดูกันว่าเราสามารถจัดการกับปัญหา Financial Anxiety อย่างไรได้บ้าง
.
1. คุยกับใครสักคน
.
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น บางคนพยายามรับทุกอย่างไว้ตัวคนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องเงินแล้วก็คงจะไม่กล้าพูดคุยกับใคร เพราะถือเป็นเรื่องที่วัดใจกันพอสมควร แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่ไหวจริงๆ เราก็ควรพูดคุยกับใครสักคน เช่น เพื่อนที่ไว้ใจได้หรือครอบครัว เพราะเราจะได้รับคำแนะนำในมุมต่างๆ จากคนรอบตัว อีกทั้งยังได้พูดคุยเพื่อระบายความกังวลออกมาด้วย
.
2. จดบันทึกรายการการเงินของตัวเองโดยละเอียด
.
บางคนพอเครียดเรื่องเงิน ก็พยายามหนีออกจากความเป็นจริง เช่น ไม่สนใจใบแจ้งยอดจากธนาคารและบัตรเครดิต หรือไม่รับสายเจ้าหนี้ เพราะคิดว่าจะช่วยให้เครียดน้อยลงได้ แต่การทำแบบนี้มีแต่จะทำให้เรื่องราวแย่ลง สิ่งที่เราควรทำจริงๆ เป็นอันดับแรกคือ การแจกแจงรายละเอียดรายได้ หนี้สิน และการใช้จ่ายของเราในช่วงเวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนนี้ แล้วต้องคอยติดตามการใช้เงินของตัวเองตลอดด้วย เช่น เก็บใบเสร็จต่างๆ ไว้
.
การทำเช่นนี้จะทำให้เรารู้ว่าตอนนี้เรายืนอยู่จุดไหน และจะทำให้เรารู้สึกควบคุมสถานการณ์ตรงหน้าได้อีกครั้ง เช่น พอเราติดตามการใช้จ่ายของตัวเองแล้วเห็นว่าบางค่าใช้จ่ายเราลดได้ ก็จะช่วยให้เราประหยัดเงินได้มากขึ้น ถ้าเราอยากกลับมาสบายใจเรื่องการเงินมากขึ้น บางครั้งเราก็ต้องยอมแลกกับการเสียความสุขเล็กๆ น้อยๆ ไป
.
และอย่าลืมว่าการที่เราจะจัดการปัญหาการเงินได้ในระยะยาว เราจะต้องหาให้เจอว่า อะไรเป็นต้นตอที่ทำให้เงินไม่พอใช้จนก่อเกิดเป็นความเครียดกันแน่ เช่น บางคนอาจจะติดพนัน หรือมีปัญหาสุขภาพจิตอย่างไบโพลาร์ ก็สามารถทำให้มีพฤติกรรมใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้เช่นกัน ให้ลองหาต้นตอของปัญหา และแก้ตั้งแต่ต้นลม
.
3. วางแนวทางในการแก้ไขปัญหา
.
วิธีการแก้ปัญหาเรื่องความเครียดทางการเงินมีหลายวิธี ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล เพราะปัญหาที่เราพบเจอนั้นไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะวางแผนจำกัดงบประมาณ ลดการช็อปปิงออนไลน์ หรือหางานใหม่เพื่ออัปเงินเดือน พูดง่ายๆ ก็คือให้พยายามควบคุมในสิ่งที่ตัวเองสามารถควบคุมได้
.
ถ้าใครลองลดการใช้จ่ายเงินแบบไม่คิดหน้าคิดหลังแล้วพบว่า รายจ่ายยังคงมากกว่ารายได้อยู่อีก ก็มี 3 ทางเลือกที่เราสามารถทำได้ คือ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย หรือทั้งสองอย่าง ซึ่งการที่เราจะทำตามวิธีเหล่านี้ได้สำเร็จ เราต้องอาศัยการวางแผนและคอยทำตามแผนนั้นอย่างสม่ำเสมอ
.
4. วางแผนการเงินรายเดือน
.
อีกวิธีที่จะช่วยบรรเทาปัญหาทางการเงิน ก็คือการวางแผนการเงินรายเดือน โดยให้รวมค่าใช้จ่ายประจำวันทุกอย่างไว้ในงบประมาณรายเดือน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเช่า และค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น และอย่าลืมจัดลำดับความสำคัญการใช้จ่ายของตัวเอง ส่วนถ้าใครมีหนี้บัตรเครดิต ก็ควรตั้งค่าแอปฯ ธนาคารให้ตัดเงินอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าเราชำระบิลตรงเวลา จะได้ไม่โดนค่าปรับหรือดอกเบี้ย
.
ถ้าเป็นไปได้ ควรเก็บเงินก้อนสำหรับฉุกเฉินไว้ด้วย เช่น ค่ารักษาพยาบาลหรือค่ายาเวลาล้มป่วย
.
5. จัดการกับความเครียดของตัวเอง
.
แน่นอนว่าปัญหาการเงินไม่สามารถแก้ไขได้ภายในชั่วข้ามคืน แต่เราสามารถจัดการความเครียดของตัวเองได้เลยทันที โดยสามารถเริ่มได้จากการขยับตัว เพราะการออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยลดความเครียด ทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น และภูมิใจในตัวเองมากขึ้นได้ ตั้งเป้าไว้ที่ 30 นาทีต่อวันก็ถือว่าโอเคแล้ว
.
หลังจากนั้นก็ดูแลตัวเองด้านอื่นๆ ด้วย เช่น
[ ] นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ตัวเองได้ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
[ ] หาเวลาผ่อนคลายและพักสมองจากความกังวล ผ่านการทำสมาธิหรือการฝึกหายใจ
[ ] เพิ่ม Self-Esteem ให้กับตัวเอง ผ่านการช่วยเหลือผู้อื่น เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือใช้เวลากับคนที่เห็นคุณค่าในตัวเรา
[ ] ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยผักผลไม้และโอเมก้า 3 เพื่อให้ตัวเองรู้สึกมีพลังงานมากขึ้น
[ ] ขอบคุณสิ่งดีๆ ในชีวิต เช่น การชมความสวยงามของพระอาทิตย์ตกดิน และการขอบคุณสัตว์เลี้ยง เพื่อน หรือครอบครัวที่คอยอยู่ข้างๆ เพื่อสร้างอารมณ์เชิงบวก
.
ความเครียดไม่เข้าใครออกใคร โดยเฉพาะเรื่องการเงิน ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเรา หากใครกำลังเผชิญอยู่กับ Financial Anxiety ก็ต้องบอกว่ามันมีทั้งสิ่งที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ให้พยายามจัดการสิ่งที่เราควบคุมได้
.
สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกว่า อย่าลืมว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียว เรายังมีเพื่อน คนรัก ครอบครัว หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง คอยอยู่เคียงข้างเสมอ ขอให้ทุกคนผ่านพ้นความเจ็บปวดครั้งนี้ไปให้ได้โดยเร็ว
.
.
อ้างอิง
- Financial Stress: How to Cope : Elizabeth Scott, PhD, Verywell Mind - https://bit.ly/3saaaoW
- Financial worry is a top driver of anxiety among Gen Z, new EY study finds : Jennifer Hemmerdinger, EY - https://bit.ly/3tQjoY5
- Coping with Financial Stress : HelpGuide.org - https://bit.ly/3FxndDN
.
.
#society
#financialanxiety
#genz
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...