บึงกาฬ ฌาปนกิจ แรงงานอิสราเอล เผย 309 คน ยังอยู่ต่อ นายจ้างเพิ่มค่าแรงอีก 2 หมื่น
บึงกาฬ ฌาปนกิจ แรงงานอิสราเอล เผย 309 คน ยังอยู่ต่อ นายจ้างเพิ่มค่าแรงอีก 2 หมื่น
วันที่ 15 พฤศจิกายน ที่เมรุวัดศรีบุญเรือง ต.ท่าสะอาด อ.เซกา จ.บึงกาฬ นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจ นายไกรสร ทุมโยมา อายุ 29 ปี แรงงานชาวบึงกาฬ ที่เสียชีวิตในประเทศอิสราเอลจากเหตุความไม่สงบ พร้อมให้กำลังใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแสดงความอาลัย มอบเงินช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต ท่ามกลางบรรยากาศอันโศกเศร้าของพ่อแม่และญาติพี่น้องของแรงงานผู้เสียชีวิต
นายสมศักดิ์ เพ็งธรรม แรงงานจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงแรงงาน สำหรับสิทธิประโยชน์และการช่วยเหลือแรงงาน ในส่วนที่ 1 กรมการจัดหางาน จะดูแลในส่วนของเงินที่จะได้จากเงินกองทุนคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งในกรณีการเสียชีวิตจะได้รับเงิน 40,000 บาท และค่าจัดการศพ 40,000 บาท ในส่วนที่ 2 จะเป็นเงินจากอิสราเอล ซึ่งในส่วนนี้ คือเงินที่มีการค้างจ่ายกันอยู่ในประเทศอิสราเอล
โดยสำนักงานแรงงานจังหวัดจะทำการติดตามให้ และเงินปิซูอิม คือ เงินชดเชยจากนายจ้างที่อิสราเอล และในส่วนที่ 3 ก็คือ เงินประกันค่าศึกสงคราม ซึ่งในส่วนนี้เรากำลังรวบรวมเอกสาร โดยเอกสารจะค่อนข้างซับซ้อน สำนักงานแรงงานก็จะช่วยในการกรอกข้อมูล และรวบรวมเอกสารส่งต่อให้สถานทูตอิสราเอลแล้วจะติดตามเงินสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับครอบครัวต่อไป
นอกจากนี้ รอง ผวจ.บึงกาฬ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้มาร่วมให้กำลังใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความสูญเสียอย่างมากของครอบครัว เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นลูกคนเดียวของบ้าน และเป็นกำลังหลักในการดูแลครอบครัว โดยในด้านจิตใจ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบึงกาฬ และทีมเยียวยาจิตใจ จากโรงพยาบาลเซกา ก็ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลด้านสภาพจิตใจของครอบครัวแล้ว ซึ่งจะมีการดูแลต่อไปในระยะยาวด้วย
สำหรับสถานการณ์แรงงานชาวบึงกาฬที่ไปทำงานที่อิสราเอลขณะนี้ มี 489 คน ซึ่งได้เดินทางกลับมาแล้ว 129 คน ประสงค์อยู่ต่อ 309 คน ต้องการเดินทางกลับ 31 คน รอดูสถานการณ์ 19 คน และเสียชีวิต 1 คน ซึ่งแรงงานที่สมัครใจอยู่ต่อ นายจ้างได้พาไปทำงานอยู่ในส่วนที่ปลอดภัย และมีการเพิ่มค่าแรงให้ จากเดิมได้ประมาณ 40,000-50,000 บาท/เดือน ก็มีการปรับเพิ่มให้เป็น 60,000-80,000 บาท/เดือน และจากการพูดคุยกับครอบครัวของแรงงานในพื้นที่บอกว่า เลือกที่จะอยู่ต่อ เพราะยังมีหนี้สิน หรือหากกลับมาไทยแล้วค่อยกลับไปทำงานต่อใหม่ ก็จะมีค่าเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก ทำให้แรงงานจำนวนมากเลือกที่จะอยู่ทำงานต่อที่อิสราเอล