โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

แพทย์เตือน อย่าลุยน้ำ ย่ำดินโคลนเท้าเปล่า เสี่ยงโรคไข้ดิน ปีนี้ดับแล้ว 68 ราย

Khaosod

อัพเดต 16 ก.ย 2567 เวลา 08.22 น. • เผยแพร่ 16 ก.ย 2567 เวลา 08.01 น.

แพทย์เตือน อย่าลุยน้ำ ย่ำดินโคลนเท้าเปล่า เสี่ยงโรคไข้ดิน ปีนี้ดับแล้ว 68 ราย ป่วย 2,399 ราย เผยมีอาการเหล่านี้ ต้องไปพบแพทย์ทันที

วันที่ 16 ก.ย. 2567นพ.ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ทำให้ฝนตกและเกิดน้ำท่วมขัง สคร.9 นครราชสีมา เตือนเกษตรกรและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม หรือผู้ที่ทำงานสัมผัสดินและน้ำโดยตรง ไม่ควรเดินลุยน้ำด้วยเท้าเปล่า หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดิน ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปในดิน น้ำ นาข้าว แปลงผัก สวนยาง และบ่อน้ำ

นพ.ทวีชัย กล่าวต่อว่า หากต้องทำงานสัมผัสกับดินและน้ำที่เปียกชื้นเป็นเวลานาน หรือมีบาดแผลขีดข่วน ควรสวมรองเท้าบูท สวมถุงมือยาง และกางเกงขายาว เพื่อป้องกัน เมื่อเสร็จภารกิจให้รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที และหากมีไข้สูงติดต่อกันเกิน 5 วัน ควรรีบพบแพทย์

นพ.ทวีชัย วิษณุโยธิน

“โรคเมลิออยด์” หรือโรคไข้ดิน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เบอร์โคเดอเรีย สูโดมัลลิอาย พบได้ทั่วไปในดิน ในน้ำ นาข้าว ท้องไร่ สวนยาง ทั่วทุกภาคในประเทศไทยผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา จับปลา ลุยน้ำ ปลูกแปลงผัก ทำสวนยาง จับปลา หรือลุยโคลน

เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ 1.การสัมผัสน้ำหรือดินที่มีเชื้อปนเปื้อน 2.ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป 3.สูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป หลังติดเชื้อประมาณ 1-21 วันจะเริ่มมีอาการเจ็บป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปี ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน

นพ.ทวีชัย กล่าวอีกว่า อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ หลายโรค เช่น มีไข้สูง มีฝีที่ผิวหนัง มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ อาจติดเชื้อเฉพาะที่ หรือติดเชื้อแล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะและเสียชีวิตได้ สถานการณ์โรคเมลิออยด์ ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 3 ก.ย. 2567 พบผู้ป่วย 2,399 ราย เสียชีวิต 68 ราย

สถานการณ์โรคเมลิออยด์ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 13 ก.ย. 2567 พบผู้ป่วยโรคเมลิออยด์ จำนวน 353 ราย มีผู้เสียชีวิต 5 ราย แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้ 1.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 180 ราย เสียชีวิต 3 ราย 2.นครราชสีมา มีผู้ป่วย 94 ราย เสียชีวิต 2 ราย 3.สุรินทร์ มีผู้ป่วย 44 ราย 4.ชัยภูมิ มีผู้ป่วย 35 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัว

นพ.ทวีชัย กล่าวต่อว่า เชื้อสามารถเข้าได้ทางผิวหนังโดยการสัมผัสดินและน้ำเป็นเวลานาน การกิน หรือดื่มน้ำไม่สะอาด และการหายใจเอาละอองฝุ่นดินเข้าไป จะมีอาการไข้ ไอเรื้อรัง ฝีที่ผิวหนัง ปวดท้อง ปวดข้อ และกระดูก โดยทั่วไปอาการมักปรากฏขึ้นใน 2-4 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อ

นพ.ทวีชัย กล่าวอีกว่าหากติดเชื้อในกระแสเลือด แล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มีโอกาสเสียชีวิตใน 1-3 วัน กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุดคือ กลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี และ กลุ่มอายุ 45-54 ปี ตามลำดับ กลุ่มอาชีพที่ป่วยมากที่สุดคือ ชาวนาปลูกข้าว และเกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่

นพ.ทวีชัย กล่าวต่อว่า ในการป้องกันโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดิน ควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นควรสวมรองเท้าบูทหรือถุงพลาสติกหุ้มรองเท้า เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง สวมถุงมือยาง กางเกงขายาว หากมีบาดแผลควรปิดด้วย พลาสเตอร์กันน้ำ และอาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังจากทำงานหรือลุยน้ำ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง

หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อที่แพทย์จะได้ตรวจวินิจฉัยและรักษาทันทีตามอาการและความรุนแรงของโรค สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แพทย์เตือน อย่าลุยน้ำ ย่ำดินโคลนเท้าเปล่า เสี่ยงโรคไข้ดิน ปีนี้ดับแล้ว 68 ราย

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...