โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดที่มา หมามะพร้าว คืออะไร และทำไมถึงกลายเป็นไวรัล

MATICHON ONLINE

อัพเดต 06 มี.ค. 2566 เวลา 11.21 น. • เผยแพร่ 06 มี.ค. 2566 เวลา 10.59 น.
ภาพ pexels.com

เปิดที่มา หมามะพร้าว คืออะไร และทำไมถึงกลายเป็นไวรัล

หากช่วงนี้ใครที่เข้าไปท่องโลกนกฟ้า อย่าง ทวิตเตอร์ น่าจะเจอกับคำว่า “หมามะพร้าว” ที่กำลังเป็นกระแสพูดถึงในวงกว้าง ขณะนี้ และสงสัยว่าคืออะไร ทำไมถึงถูกใช้อย่างแพร่หลาย

มติชน ไขทีละคำถาม ดังนี้

  • หมามะพร้าว คืออะไร

หมามะพร้าว หมายถึง คาปิบารา (Capybara) สัตว์บกที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “หนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” เหตุที่เรียกว่าหมามะพร้าว มาจากลักษณะที่คล้ายสุนัข แต่มีขนเหมือนมะพร้าว

ทั้งนี้ไม่มีข้อมูลระบุแน่ชัดว่า คนไทยที่ริเริ่มเรียกคนแรกว่า หมามะพร้าว คือใคร ทว่าสามารถอนุมานได้ว่าเริ่มเป็นกระแสนิยมในการใช้คำดังกล่าว เพื่อระบุตัวตนของคาปิบารา มาจาก แอ๊กเคาต์ทวิตเตอร์ ชื่อ wednesday (@wednesdaynnc) ที่ได้โพสต์ภาพคาปิบารา

พร้อมระบุว่า “มีใครวิจัยยัง ทำไมหมามะพร้าวต้องทำหน้าเหม่อตลอดเวลา 555555555555555555555555” เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยทวิตเตอร์ดังกล่าวมีผู้รีทวีตไปกว่า 4.6 หมื่นครั้ง ทั้งยังโควตทวิตไปกว่า 700 ครั้ง

  • ทำไมคำว่า หมามะพร้าว ถึงแมส (ได้รับความนิยม-แพร่หลาย)

สืบเนื่องจากมาจากทวิตเตอร์ที่กล่าวไปข้างต้น ว่าได้ระบุถึง คาปิบารา โดยใช้คำว่า “หมามะพร้าว” ทั้งนี้ได้มีแอคเคาต์ทวิตเตอร์ ชื่อว่า @wenzde_ ได้ทำภาพกราฟิกประกอบ ส่งให้คำว่า หมามะพร้าว = คาปิบารา ชัดขึ้น โดยการนำภาพหมาสีน้ำตาล มาผนวกกับลูกมะพร้าว กลายเป็น คาปิบารา ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับคำว่า หมามะพร้าว อย่างมาก

ส่งผลให้ทวีตดังกล่าวมีผู้แชร์ออกไปแล้ว 2.7 หมื่นครั้ง ทั้งยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม นอกจากคำว่า หมามะพร้าว แล้วนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาปิบารา ยังมีอีกชื่อเรียกว่า “กะปิปลาร้า” ซึ่งมาจากการพ้องเสียงกับคำว่า คาปิบารา นั่นเอง

  • รู้จัก คาปิบาร่า / หมามะพร้าว / กะปิปลาร้า ให้มากขึ้น

คาปิบารา เป็นการวิวัฒนาการของสัตว์บกที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในน้ำ เช่น การมีแผ่นหนังระหว่างนิ้วเท้าเพื่อการเคลื่อนที่ในน้ำและพื้นโคลน ส่วนตาและจมูกจะวางอยู่ด้านบนของหัวที่มีขนาดใหญ่ ช่วยให้คาปิบาราสามารถเห็นพื้นที่รอบข้าง และหายใจในช่วงการว่ายน้ำได้ ดำน้ำได้นานประมาณ 5 นาที ขนเส้นเล็กหยาบที่ช่วยให้ขนแห้งไว

เจ้าหมามะพร้าว จะโตเต็มวัย อายุ 18 เดือน และมีอายุขัยเฉลี่ย 6-12 ปี ความสูงช่วงไหล่เฉลี่ย 50 เซนติเมตร ความยาวจากปลายจมูกถึงโคนหางเฉลี่ย 130 เซนติเมตร น้ำหนักอยู่ในช่วง 35-70 กิโลกรัม ทำให้คาปิบาราเป็น “หนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก”

ทั้งนี้ สถานภาพปัจจุบัน “เสี่ยงต่ำ” ต่อการสูญพันธุ์ เพราะเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ จะผสมพันธุ์ในน้ำ ช่วงการตั้งท้องประมาณ 5 เดือน ออกลูกครั้งละ 4-5 ตัว โดยมีเพศเมียตัวอื่นๆ ช่วยดูแล ลูกคาปิบาราจะยังว่ายน้ำไม่เป็น ต้องหลบตามพุ่มไม้ ซึ่งเป็นโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อของสัตว์ผู้ล่า เช่น หมาจิ้งจอก แร้ง

ด้วย คาปิบารา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่บนบก แต่ใช้เวลาไม่น้อยในแต่ละวันอยู่ในน้ำ ถิ่นที่อยู่จะเป็นสระน้ำ แม่น้ำ ทะเลสาบในพื้นที่ป่าดิบชื้น หรือทุ่งหญ้าและป่าโปร่งซาวันนา

นอกจากนี้ ยังเป็นสัตว์สังคมที่มีการอยู่รวมกับคาปิบาราตัวอื่นๆ เป็นรวมกลุ่มของหลายๆ ครอบครัวมารวมกันโดยมีจำนวนสมาชิกรวมกันประมาณ 10-20 ตัว โดยจะมีเพศผู้ที่เป็นจ่าฝูง และสมาชิกจะประกอบด้วยเพศเมียและลูกๆ รวมทั้งเพศผู้อันดับรองลงมาด้วย

โดยตัวผู้ลำดับรองจะอยู่ในพื้นที่วงนอกของฝูง เพื่อเป็นตัวคอยเตือนภัยให้สมาชิกในฝูงรู้ว่ามีสัตว์ผู้ล่ากำลังใกล้เข้ามา กลุ่มของคาปิบาราจึงมักจะประกอบด้วยจ่าฝูงและเพศเมียสองตัว

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอคือเพศผู้ลำดับรองจะตกเป็นสัตว์เหยื่อของสัตว์ผู้ล่า ตัวผู้ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยเจริญพันธุ์จะถูกไล่ให้ไปอยู่วงนอกของฝูงเพื่อเป็นตัวระวังภัยแทน ตัวจ่าฝูงจะเป็นตัวที่ได้ผสมกับตัวเมียในฝูงและลดความเสี่ยงจากสัตว์ผู้ล่า

ข้อมูลจาก องค์การสวนสัตว์ (zoothailand.org)

อย่างไรก็ตาม สำหรับในประเทศไทย ก็มี เซเลบริตี้ คาปิบารา เหมือนกัน หากใครอยากชมก็สามารถไปดูได้ที่ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว และทางเพจขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง ที่ในแก๊งก็มีเจ้าหมามะพร้าวตัวอวบๆ คอยอัพเดตอยู่เสมอๆ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...