โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เวลาเราป่วย เราไม่ได้ป่วยคนเดียว - วินทร์ เลียววาริณ

THINK TODAY

เผยแพร่ 24 ก.ย 2561 เวลา 04.38 น. • วินทร์ เลียววาริณ

ญาติเพื่อนคนหนึ่งล้มฟาดพื้นเพราะเส้นเลือดในสมองตีบ ผ่านไปไม่กี่วันหมดค่ารักษาไปเกินหนึ่งล้านบาท และยังห่างไกลจากการออกจากโรงพยาบาล

แม่เพื่อนอีกคนเลือดตกใน นอนโรงพยาบาลหนึ่งสัปดาห์ หมดไปสองล้านบาท

ความจริงน่าเจ็บปวดของมนุษย์ยุคนี้คือ เมื่อป่วยก็สามารถหมดตัวได้ เงินทองที่สะสมมาทั้งชีวิตอาจอันตรธานไปเพราะการป่วยครั้งเดียว

ไม่รักษาก็ทำใจไม่ได้ รักษาก็ทำใจไม่ได้

ดังนั้นดูเหมือนว่า เราแต่ละคนควรดูแลตัวเองก่อน อย่างน้อยหากต้องเข้าโรงพยาบาล และสูญเสียเงินทองที่สะสมมาทั้งชีวิต ก็ยังบอกได้ว่า “ฉันทำดีที่สุดแล้ว”

คำถามคือ แค่ไหนคือ ‘ทำดีที่สุดแล้ว’ ?

เวลาอ่านบทความหรือข้อมูลเรื่องสุขภาพ บางคนอาจรู้สึกว่าทำไมเราต้องดูแลสุขภาพของตัวเองถึงขนาดนั้น เว่อร์ไปไหม? นี่ก็กินไม่ได้ นั่นก็ไม่ควรกิน แล้วจะมีชีวิตไปทำไม

นี่เป็นตรรกะที่ผิดเพี้ยน เพราะ “กินได้-กินไม่ได้” เป็นคนละประเด็นกับ “จะมีชีวิตไปทำไม” เราโยงมันเอาเอง ไม่เช่นนั้นพระที่ฉันอาหารมื้อเดียว เลือกอาหารไม่ได้ จะมีความสุขได้อย่างไร

ถามว่าคนเรามีสิทธิเสรีภาพที่จะใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ ดื่มกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ มิใช่หรือ? การกินอาหารขยะและไม่ดูแลตัวเองไม่ได้หนักกบาลใครสักหน่อย ใช่ไหม?

ใช่ ถูกต้อง นี่คือเสรีภาพ

แต่นี่อาจเป็นการมองความไม่ครบด้าน เพราะยังมีอีกเรื่องหนึ่งเรียกว่า Cause & Effect มันมาเกี่ยวกับเราโดยเราหนีไม่พ้น ทุกสิ่งทุกเรื่องที่เรากระทำส่งผลต่อออกไปเป็นลูกโซ่เสมอ

Cause & Effect ในที่นี้ไม่ได้หมายเพียงถึงสูบบุหรี่แล้วเป็นมะเร็งปอด ดื่มเหล้าแล้วเป็นมะเร็งตับ แต่มันกินพื้นที่กว้างกว่าแค่ตัวเรา

Cause & Effect คือเวลาเราป่วย เราไม่ได้ป่วยคนเดียว

จำได้ไหมว่าเวลาเราเป็นวัยรุ่น ออกไปเที่ยวนอกบ้านตอนกลางคืน แม่โทร.ตามทุกชั่วโมง เมื่อกลับถึงบ้านตอนตีสอง ก็เห็นแม่นั่งรออยู่ เราอาจนึกรำคาญ บอกแม่ว่า “ผมโตแล้วน่า”

แต่เมื่อเรากลับบ้านดึกอีกครั้ง ก็จะพบแม่รออยู่ แม่นอนไม่หลับหากเรายังไม่ถึงบ้าน เราไม่สามารถลบ Effect ตัวนี้ได้ มันมากับ Cause ของการกลับบ้านดึกของเราเสมอ

นี่คือ Cause & Effect ที่กระทบความห่วงใยของแม่ที่รักเรา

เช่นกัน เราดื่มเหล้าทุกวัน กินตามใจปากจนป่วย เมื่อเรานอนในโรงพยาบาล คนที่ต้องลางานมาเฝ้าดูเราก็คือเมีย ลูก และคนที่รักเรา และสร้างความเครียดให้คนที่เรารัก ดังนั้นมันไม่ใช่แค่ร่างกายของเราเท่านั้น

ทุกครั้งที่ใครคนหนึ่งป่วย จะมีคนอื่นป่วยด้วย Cause & Effect กินพื้นที่กว้างกว่าการป่วยของคนหนึ่งคน

ถึงจะไม่มีครอบครัวต้องห่วงใย เราก็ไม่ได้ป่วยคนเดียวเช่นกัน เพราะทุกครั้งที่ป่วย สังคมต้องมีส่วนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของการรักษา เงินที่ใช้จ่ายยา บุคลากรที่ดูแลเรา สามารถไปใช้กับสิ่งที่จำเป็นกว่าได้

โรคภัยหลายชนิดเป็นเรื่องที่ยังแก้ไขไม่ได้ เพราะถูกกำหนดโดยพันธุกรรม แต่โรคอีกจำนวนมากเกิดจากกิน กินจนป่วย มนุษย์จำนวนมากก็เป็นชูชก ตายเพราะกิน กินจนตาย

ไม่น่าเชื่อว่าอาหารทุกคำที่เรากินในระยะสั้นกระทบตัวเรา ในระยะยาวกระทบคนที่รักเรา

บางทีการกินตามใจปากโดยไม่ยั้งคิด ไม่มองผลที่ตามมา ก็อาจจัดเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่ง!

ในยุคนี้เรามีข้อมูลความรู้มากมายกว่าสมัยผมเป็นเด็กหลายร้อยเท่า หากตอนนั้นผมได้รับข้อมูลเท่าตอนนี้ ผมคงสามารถต่อชีวิตแม่ได้อีกอย่างน้อย 15-20 ปี เพราะโรคนั้นเกิดจากการกินไม่ถูก

คนโบราณตายด้วยโรคที่รักษาได้ในสมัยนี้ โลกสูญเสียคนเก่งไปด้วย ‘โรคง่ายๆ’ ลองคิดดู พวกเขาจะสร้างสรรค์ได้อีกมากเพียงไร หากคนเก่งเหล่านั้นอายุยืนขึ้นสักสิบปี

ลองคิดดูว่า หากเราเป็นคนโบราณสัก 100 ปีก่อน ป่วยด้วยโรคที่วิทยาการยุคนี้รู้สาเหตุและการรักษา เราคงยอมเสียเงินทองเพื่อรับข้อมูลนี้

เช่นกันเราใน พ.ศ. นี้ ย่อมอยากรู้ข้อมูลสาเหตุและการรักษาโรคร้ายในวันนี้ที่รักษาได้ง่ายดายในยุคอนาคต 100 ปีข้างหน้า

เอาละ มองโลกในแง่ดีคือ เรารู้มากกว่าคนยุคก่อนหลายสิบหลายร้อยเท่า เรารู้สาเหตุของเบาหวาน โรคหัวใจ และอีกสารพัดโรค หลายโรคเราสามารถป้องกันได้เดี๋ยวนี้

ดังนั้นหากเรามีข้อมูลนี้แล้วไม่ใช้ หรือปล่อยปละละเลยจนกลายเป็นโรค ก็เสียของเปล่าๆ

ถ้าไม่รู้ก็ว่าอย่าง แต่ถ้ามีความรู้แล้ว ละเลยความรู้นั้นจนกลายเป็นภัยกับตัวเอง ต้องเสียเงินเป็นล้านเพื่อรักษาโรคที่เรามีข้อมูลพร้อมมาก่อนและป้องกันได้ และสร้างความเดือดร้อนต่อคนที่รักเรา เราก็เข้าข่ายโง่เขลาเบาปัญญา

มนุษย์เราต่างจากสัตว์ตรงที่เรามีการสะสมความรู้ และเราใช้ความรู้ช่วยวิวัฒนาการ

บางคนรู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังติดรสชาติของอาหารที่มีปัญหา ท่องคาถาว่า “เราคงไม่เป็นไร” หรือ “มียารักษา”

คนเราต้องรับผิดชอบต่อตัวเองแค่ไหน คำตอบคือแล้วแต่เรา พูดเป็นภาษาวันนี้ก็คือ “เอาที่สบายใจ”

แต่รับผิดชอบต่อผลที่ตามมา เพราะการกระทำกับผลลัพธ์ที่ตามมา เป็นแพ็คคู่ มาพร้อมกันเสมอ

…………..

วินทร์ เลียววาริณ

winbookclub.com

เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/

กันยายน 2561

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...