มองหนี้ครัวเรือนระดับโลก แบบไหนที่เป็นปัญหา..แก้อย่างไร
คอลัมน์ : นอกรอบ ผู้เขียน : พระสยาม BOT Magazine
จากรายงาน Allianz Global Wealth Report 2023 ชี้ว่า คนสวิตเซอร์แลนด์มีสินทรัพย์เฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุดในโลก อยู่ที่ 356,310 ยูโร (ประมาณ 13.3 ล้านบาท) แต่ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ชี้ว่า คนสวิตเซอร์แลนด์ก็มีหนี้ครัวเรือนเฉลี่ยต่อหัวสูงถึง 159,160 ยูโร (ประมาณ 6 ล้านบาท)
สวิตเซอร์แลนด์จึงเป็นประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงถึง 128% ซึ่งสูงที่สุดในโลก
หากดูประเทศที่มีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงที่สุดในโลก 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และยังเป็นประเทศที่มักได้รับการยกย่องชื่นชมว่าประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีเยี่ยม โดยมีเพียงไทยซึ่งอยู่อันดับที่ 7 ที่เป็นประเทศกำลังพัฒนา (ข้อมูลจาก-Trading Economics, 2023)
10 อันดับประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดปี 2566
สวิตเซอร์แลนด์ (128%)
ออสเตรเลีย (111%)
แคนาดา (103%)
เกาหลีใต้ (102%)
ฮ่องกง (96%)
นิวซีแลนด์ (93%)
เนเธอร์แลนด์ (91%)
ไทย (91%)
สวีเดน (85%)
และเดนมาร์ก (84%)
10 อันดับประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนน้อยที่สุดในโลกปี 2566
อาร์เจนตินา (4%)
ตุรเคีย (11.8%)
ซาอุดีอาระเบีย (16%)
เม็กซิโก (16.2%)
ฮังการี (17.6%)
รัสเซีย (21.8%)
ลิทัวเนีย (21.91%)
โปแลนด์ (24.4%)
ไอร์แลนด์ (25.4%)
โคลอมเบีย (27.72%)
ในทางกลับกัน หากไปดูประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี น้อยที่สุดในโลก ล้วนแต่เป็นประเทศกำลังพัฒนาเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้น ซาอุดีอาระเบีย ที่ร่ำรวยจากการขายน้ำมัน
ตัวเลขนี้สะท้อนว่า การเป็นหนี้อาจไม่ใช่ปัญหา
โดยนักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้มองการเป็นหนี้ในทางลบ เพราะหนี้ถือเป็นกลไกสำคัญและจำเป็นในระบบเศรษฐกิจ ที่ช่วยดึงทรัพยากรจากคนที่มีเงินออม (ผู้ให้กู้) ไปให้คนที่ต้องการใช้เงิน (ผู้กู้) ทำให้ระบบจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คำถามที่สำคัญกว่า คือ กู้ หรือ เป็นหนี้ ไปเพื่ออะไร ?
ประเทศพัฒนาแล้ว : เป็นหนี้เพื่ออนาคต
ประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย แคนาดา สวีเดน และเดนมาร์ก หนี้ครัวเรือนเป็นหนี้ที่เกิดจากการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนแบบหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเลย เพราะอย่างไรก็ทำให้รายได้ที่ใช้จ่ายได้จริงลดลง
นอกจากนี้ ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงเกินไป ยังส่งผลกระทบต่อศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย จากงานวิจัยของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ชี้ว่า หนี้ครัวเรือนที่สูงเกิน 80% ต่อจีดีพี มีแนวโน้มจะทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวลดลง
หนี้ครัวเรือนในประเทศกำลังพัฒนา
แต่ไม่ได้หมายความว่า หนี้ครัวเรือนในประเทศกำลังพัฒนา “น่ากังวล” เสมอไป ตัวอย่างที่ดี คือ “มาเลเซีย” ที่มีหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี 81% เป็นอันดับที่สองในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารองจากไทย แต่หนี้ส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ได้แก่ หนี้ที่อยู่อาศัย (60%) หนี้สินทรัพย์ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย (5.5%) และหนี้เพื่อการลงทุนในตราสาร (4.5%) ขณะที่หนี้เพื่อการบริโภคเพียง 30%
นอกจากนี้ เศรษฐกิจมาเลเซียยังเติบโตได้เฉลี่ย 4-5% ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้ต่อหัวของคนมาเลเซียสูงขึ้นตามไปด้วย การเป็นหนี้ของคนมาเลเซียจึงไม่ได้เป็นปัญหา สะท้อนจากหนี้เสียที่ค่อนข้างต่ำเพียง 1.7-1.8%
จีนเป็นอีกตัวอย่างสำคัญ เพราะจีนมีหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 62% ต่อจีดีพี ปัญหาของจีนไม่ใช่ระดับของหนี้ แต่เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่เร่งขึ้นมาก เฉลี่ยปีละ 25% ในช่วงปี 2552-2565 และแม้เศรษฐกิจจีนจะเติบโตในอัตราที่สูงมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ทันการเติบโตของหนี้ ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีของจีนสูงขึ้นกว่า 2 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
แม้หนี้ครัวเรือนจีนจะถูกมองว่าเป็นปัญหาที่จัดการได้ จากสมมติฐานที่ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ก็มีเสียงเตือนถึงปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาฯอยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อหนี้ครัวเรือนกว่า 60% เป็นหนี้อสังหาฯ
บทเรียนจากจีนทำให้เห็นว่า แม้หนี้ที่เกิดจากการซื้อที่อยู่อาศัยจะดูเหมือนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่หากบริหารจัดการได้ไม่ดี ก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจได้เช่นกัน
บทเรียนจากหนี้ครัวเรือนโลก
1.“ระดับหนี้” สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูง เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ แต่ก็ไม่เป็นเหตุที่ต้องตื่นตระหนก เพราะการเป็นหนี้มากไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจของประเทศมีปัญหา แต่ต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย ในทางตรงกันข้ามการมีหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีที่ต่ำเกินไป อาจหมายถึงปัญหาอื่น ๆ เช่น คนอาจเข้าไม่ถึงสินเชื่อ
2.“องค์ประกอบของหนี้” คือ ตัวชี้วัดสำคัญที่จะบอกว่ามีปัญหาหรือไม่ หากหนี้มีศักยภาพที่จะนำมาซึ่งรายได้ในอนาคต (เช่น หนี้บ้าน หนี้เพื่อการศึกษา และหนี้เพื่อการทำงาน) หนี้นั้นก็อาจไม่ได้เป็นปัญหาที่น่าหนักใจ
3.“เงื่อนไขทางเศรษฐกิจ” หากเศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงและมีเสถียรภาพ ครัวเรือนก็มีแนวโน้มที่จะบริหารจัดการหนี้ได้ดี แต่หากเศรษฐกิจโตต่ำ ปัญหาหนี้ครัวเรือนก็มีโอกาสที่จะขยายตัวรุนแรงขึ้น เป็นวิกฤตได้
หนี้ครัวเรือนไทย ทำไมจึงน่ากังวล
บทเรียนจากหนี้ครัวเรือนโลก กำลังบอกว่า หนี้ครัวเรือนไทยเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะจากการศึกษาข้อมูลสินเชื่อจากเครดิตบูโรของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ชี้ว่า หนี้ครัวเรือนของไทยเกือบ 70% เป็นหนี้ประเภทที่อาจไม่สร้างรายได้ในอนาคต อย่างสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต ซึ่งใช้เพื่ออุปโภคบริโภคแล้วหมดไป
ในทางกลับกัน คนไทยมีหนี้บ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในหนี้ที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงเพียง 35% ของมูลค่าหนี้ทั้งหมด ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพี ใกล้เคียงกับไทย
ที่น่ากังวลคือ 1 ใน 5 ของคนไทย (ประมาณ 5.8 ล้านคน) ที่เป็นหนี้ มีความเสี่ยงจะเป็น “หนี้เสีย”
ที่สำคัญ ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยยังถูกซ้ำเติมจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ต่ำต่อเนื่อง จากผลของปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งในเรื่องสังคมสูงวัย คุณภาพแรงงาน ขณะที่ภาคท่องเที่ยวไม่สามารถกลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ หากไทยไม่สามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ ความเสี่ยงที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนจะลุกลามได้
หนี้ครัวเรือนแก้อย่างไร
ถอดบทเรียนในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในหลายประเทศ สรุปแนวคิดการแก้ปัญหา 4 ข้อ
1.การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนควรหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการลักษณะ “หว่านแห” แต่ควรเน้นการแก้ปัญหาให้ “ตรงจุด” ออกแบบให้เหมาะกับสถานการณ์และปัญหาของลูกหนี้แต่ละกลุ่ม เพื่อไม่ให้นโยบายส่งผลต่อภาคส่วนที่ไม่ได้มีปัญหา และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
2.ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่มีมาตรการที่เป็นสูตรสำเร็จ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องมีกรอบคิดและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน เพื่อให้นโยบายเดินไปในทิศทางเดียวกัน
3.มาตรการเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ต้องไม่สร้างปัญหาซ้ำเติมให้กับเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ
และสุดท้าย นโยบายเศรษฐกิจในระดับมหภาคช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น การแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือ ทั้งหน่วยงานภาครัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง สถาบันการเงิน รวมถึงตัวลูกหนี้เองด้วย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : มองหนี้ครัวเรือนระดับโลก แบบไหนที่เป็นปัญหา..แก้อย่างไร
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net