โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

Idol all rounder #เจแคนทำอะไรไม่ได้บ้าง

นิยาย Dek-D

อัพเดต 26 พ.ค. เวลา 15.30 น. • เผยแพร่ 26 พ.ค. เวลา 15.30 น. • 816
Idol all rounder #เจแคนทำอะไรไม่ได้บ้าง
เจแคนต้องออกจากวงการบันเทิงไปสองปีเพราะสัญญาที่ไม่เป็นธรรม แต่ถึงอย่างนั้นก็ทิ้งเวทีไปไม่ได้ การเข้าร่วมรายการเซอไวเวิลค้นหาไอดอลจึงเป็นโอกาสครั้งใหม่ที่เขาจะได้กลับไปยืนใต้แสงไฟอีกครั้ง

ข้อมูลเบื้องต้น

– Jacan Miller --

No.1 เป็นทุกอย่างให้คุณแล้วในรายการนี้

หลังจากตอนที่ 10 เป็นต้นไปจะมีการติดเหรียญล่วงหน้าจะนวน 3 เหรียญนะคะ

และจะปลดให้อ่านฟรีหลังผ่านไปแล้ว 3 วัน

--

เนื้อหาในเรื่องเป็นเพียงเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้นจากจินตนาการของเรา

ไม่มีการเอ่ยถึงหรือพาดพิงบุคคลที่มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงนะคะ

00 ก้าวที่หายไป

00

ก้าวที่หายไป

ข่าวลือหรือข่าวลวง! มีคนวงในแอบกระซิบว่าคู่หูนักร้องดังขอยกเลิกสัญญาสายฟ้าแลบ

ช็อกวงการ HJ ไม่ต่อสัญญาหลังผู้บริหารใหม่เข้ารับตำแหน่ง!!

HJ เลือกทิ้งบ้านหลังถูกกดดันให้เลือกสัญญาฉบับใหม่

ดูโอมาแรงแห่งทศวรรษประกาศยกเลิกสัญญา และจะแยกกันทันที ด้านนักร้องสาว ฮันชินซู ขอผันตัวไปรับงานแสดงมากขึ้น

เส้นทางดนตรีของ HJ จะเป็นอย่างไรหลังยกเลิกสัญญา?

วงในแอบกระซิบว่า J จะกลับต่างประเทศ?

HJ Official

สวัสดีแคนดี้ที่น่ารักทุกคน วันนี้ท้องฟ้ายังคงสดใสเหมือนเคย น่าเสียดายที่เราสองคนอาจทำให้ความสดใสในวันนี้ต้องมัวหมอง ด้วยประกาศยกเลิกสัญญากับ JSM Ent. แต่เพียงเท่านี้ และเราทั้งคู่ไม่สามารถใช้ชื่อ HJ ได้อีกต่อไปเมื่อเข็มนาฬิกาเดินไปถึงเวลาเที่ยงคืนของวันนี้

ดิฉัน ฮันชินซู และ J. ต้องขอโทษแคนดี้และแฟนเพลง ที่ไม่สามารถนำพาชื่อนี้ไปสู่เส้นทางแห่งเสียงเพลงได้อีก เราทั้งสองคนได้แต่หวังว่าแคนดี้จะยังคงมีสุขภาพแข็งแรง หากคิดถึงกันก็ขอให้นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่พวกเราได้ฟันฝ่ามาด้วยกัน

ขอให้รักของเราจงสถิตอยู่ในจิตและวิญญาณ

ราตรีสวัสดิ์แคนดี้ที่รัก

HJ จะยังคงอยู่ในเสียงเพลงตลอดไป

Comment : เรื่องจริงเหรอเนี่ย!

Comment : บอกทีว่านี่เป็นวันเอพริลฟูลเดย์?

Comment : ไม่จริง ฮือ ๆ ๆ ไม่จริง ฉันร้องไห้จนน้ำตาท่วมจอ อ่านแล้วอ่านอีก อ่านวนซ้ำก็ยังมีแต่ประโยคที่เขียนว่าจะไม่มี HJ อีกต่อไปแล้วในวันพรุ่งนี้

Comment : ฉันอาจจะยังไม่ตื่นนอนดี ไปหลับต่อดีกว่า ขอให้ลืมตาขึ้นมาแล้วเป็นแค่ฝันไป

Comment : ฉันรักชินซูกับเจตลอดไป ขอให้ทีมบริหารใหม่ไปแดกขี้

Comment : พี่สาวชินซูเปลี่ยนสาย แล้วเจล่ะ เจจะทำอะไรต่อ

Comment : ให้ตายเถอะ ข่าวที่อ่านเมื่อเช้าเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย

Comment : ไม่นะ ฉันจะไประเบิดตึก JSM เดี๋ยวนี้ พวกนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ปล่อยให้ HJ ยกเลิกสัญญา สัญญาฉบับใหม่ต้องเอาเปรียบมากแน่

Comment : ถ้าไม่มี HJ แล้วฉันจะฟังเพลงมากคุณภาพได้จากที่ไหนอีก

Comment : กระทั่งวันสุดท้ายก็ยังไม่เคยเห็นหน้า J

Comment : เมนต์บน ไม่มีใครเคยได้เห็นหน้า J ทั้งนั้นแหละ ต่อให้เป็นพวกสไตลิสต์เบื้องหลังก็ไม่เคยเห็น

Comment : +1 เรื่องนี้จะคาใจฉันไปจนตาย

Comment : ไม่มีบริษัทไหนอยากต่อสัญญากับดูโอแห่งปีคู่นี้หน่อยเหรอ

Comment : ตามข่าวดูเหมือนว่าชินซูจะหันไปเป็นนักแสดง ส่วน J ไม่มีข่าวว่าจะไปทำอะไรต่อ

Comment : ท่าน J เปิดหน้ากากทีขอร้องล่ะ

ประเทศ K นับว่าเป็นประเทศที่มีการส่งออกศิลปินเข้าสู่วงการบันเทิงระดับโลกมากมาย ทำให้การแข่งขันภายในประเทศค่อนข้างสูงและตึงเครียดมากขึ้นทุกปี ศิลปินทุกคนมีชุดความคิดที่ว่า หากทำผลงานออกมาได้ไม่ดีมากพอก็จะถูกกลืนหาย เพราะมีคลื่นลูกใหม่ไล่ตามหลังและพร้อมที่จะกลืนกินคุณให้หายออกไปจากแสงไฟตลอดเวลา

อยากยืนอยู่บนเวทีได้อย่างมั่นคงต้องเปล่งประกายเจิดจ้า เพลงต้องติดหู การแสดงบนเวทีต้องมีเสน่ห์ดึงดูดสายตา หากไม่มีสามอย่างนี้ก็เป็นไปได้ยากที่จะฝ่าคลื่นลมฝนในกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกรากนี้ได้

HJ เดบิวท์เป็นศิลปินดูโอในปี 20XX ความแปลกใหม่ของคู่หูคู่นี้อยู่ที่เป็นคู่นักร้องชายหญิง และฝ่ายชายก็มักจะสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา ฝ่ายหญิงชื่อ ฮันชินซู อดีตนักศึกษาในคณะขับร้องมหาวิทยาลัยดังระดับโลก มีทักษะการร้องที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเสียงสูง ต่ำ หรือแม้แต่ไฮโน้ตระดับ C7 ก็ร้องออกมาได้อย่างสบาย เรียกได้ว่าเป็นนักร้องหญิงคุณภาพคับแก้วที่หาได้ยาก

ฝ่ายชายแม้จะอยู่ในหน้ากากก็ไม่ได้ด้อย สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้ทุกชนิด แม้แต่เครื่องดนตรีพื้นเมืองก็ยังไม่คณามือ ส่วนเสียงร้องก็มีมาตรฐานระดับเดียวกับชินซู เจ้าตัวมีชื่อเล่นในวงการว่า J. เพียงตัวเดียว นอกจากนี้เพลงที่คู่หูคู่นี้นำมาขึ้นแสดงส่วนมากจะเป็นเพลงที่เจแต่งเองเกือบทั้งหมด

ทั้งคู่เซ็นสัญญาในบริษัทระดับล่าง เป็นเด็กฝึกเพียงแค่สามเดือนก็เดบิวท์เข้าสู่วงการ และได้พาบริษัทเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จักให้ขึ้นมาเป็นบริษัทระดับกลางได้ภายในเวลาสองปี

ปัจจุบัน HJ เดบิวต์มาแล้วห้าปี มีชื่อแฟนคลับคือแคนดี้ และมีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมากกว่า 20 ล้านคน รับรางวัลจากเวทีเพลงไปแล้วมากมาย ทั้งศิลปินหน้าใหม่มาแรง เพลงยอดเยี่ยม อัลบั้มแห่งปี ฯลฯ

ในขณะที่แฟนเพลงตั้งตารอคอนเสิร์ตครบรอบห้าปีอย่างใจจดใจจ่อ กลับต้องได้รับข่าวร้ายอย่างการยกเลิกสัญญาแบบฟ้าผ่า

ไม่มีคอนเสิร์ตอำลา ไม่มีอัลบั้มส่งท้าย หรือแม้แต่อีเว้นท์พบปะแฟนคลับก่อนหมดสัญญา ทุกอย่างหายไปราวกับที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพฝันหนึ่งตื่น เมื่อลืมตาคู่หูสุดแกร่งคู่นี้ก็อันตรธานหายไป

หากเป็นวงทั่วไปคงไม่มีใครใส่ใจ ด้วยทุก ๆ ปีมีเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงตบเท้าขึ้นมาบนเวทีแห่งนี้ยิ่งกว่าแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

หากแต่ HJ ต่างออกไป ทั้งคู่กำลังไปได้ดีในเส้นทางนี้ คาดว่าหากยังคงรักษามาตรฐานในระดับนี้ต่อไป ในอีกสองถึงสามปีก็จะมีชื่อเสียงมากกว่านี้อีกเท่าตัว ทั้งคู่แค่ต้องการผลงานและเวลาในการสั่งสมประสบการณ์อีกเล็กน้อย ก็จะเข้าไปถึงทำเนียบศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับประเทศได้

แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงด้วยน้ำมือของผู้บริหารใหม่ไฟแรง ลูกชายเพียงคนเดียวของผู้บริหารคนเก่าที่ต้องลงจากเก้าอี้ไปด้วยโรคประจำตัวกำเริบฉับพลัน ประธานคนใหม่เป็นชายที่ค่อนข้างคลั่งความเป็นชาตินิยม และมีอคติกับศิลปินที่ไม่ได้มีเชื้อสายเป็นคนประเทศ K ตั้งแต่กำเนิด

ดังนั้นต่อให้ HJ จะโด่งดังและทำเงินให้บริษัทได้มากเพียงใด เจ้าตัวก็ยังรู้สึกไม่ชอบ J ที่เป็นเพียงคนมาอาศัยทำมาหากินในประเทศของตน จึงให้ทนายร่างสัญญาสำหรับคู่ดูโอแห่งปีเสียใหม่ ของฮันชินซูนั้นได้รับเปอร์เซ็นต์จากบริษัทเพิ่มขึ้น แตกต่างจาก J ที่ถูกหักเปอร์เซ็นต์เข้าบริษัทมากขึ้น จากเดิมที่มากอยู่แล้วตามกฎหมายประเทศ

คนแรกที่ฟิวส์ขาดหลังได้อ่านสัญญาฉบับใหม่ไม่ใช่ J แต่เป็นคู่หูอย่างฮันชินซูที่ทนรับความอยุติธรรมของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ หญิงสาวประกาศกร้าวว่าจะฉีกสัญญา ยินยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาเป็นเงินหลายล้านโดยไม่กะพริบตา

เอาเปรียบกันขนาดนี้จะอยู่ต่อทำไม เฮงซวย!

“นายจะกลับประเทศเลยเหรอ” ฮันชินซูในชุดรัดกุมสวมหมวก แว่นตากันแดดสีเข้ม และหน้ากากอนามัยสีดำครบชุดพรางตัวของคนดังในปัจจุบัน ยืนส่งชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้าเรียบเฉย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังโดดเด่นสะดุดตา

“แค่ชั่วคราวครับ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว” ตั้งแต่เดบิวท์ก็หามรุ่งหามค่ำทำเพลงและโปรโมตอยู่ตลอดเวลา ต่อให้คิดถึงครอบครัวแทบขาดใจก็ยังต้องกัดฟันอดทน ยังดีที่มีกลุ่มแฟนคลับที่น่ารักคอยเป็นกำลังใจ เขาจึงยังสามารถยืนหยัดหยู่บนเวทีต่อได้

กระทั่งตัดสินใจฉีกสัญญายุบวงกับหญิงสาวตรงหน้า จึงตัดสินใจกลับไปพักร่างกายและจิตใจที่บ้านเกิดสักพัก เขายังมีแรงและกำลังที่จะกระโจนขึ้นเวทีอยู่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้…

“ก็จริง บริษัทก็ใช้งานนายหนักเกินไป ดีแล้วที่พวกเราออกมาได้” แม้จะเสียดายชื่อเสียงของวงที่ใช้ทั้งหยาดเหงื่อและน้ำตาสร้างขึ้นมา แต่ถ้าคนยังอยู่ก็สามารถสร้างตำนานบทใหม่ได้เสมอ

อย่าเอาทั้งชีวิตลงไปเล่นกับกติกาที่ไม่ยุติธรรมเลย เสียสุขภาพจิต

“พี่ชินซูต่างหาก คิดดีแล้วเหรอครับ ที่จะผันตัวไปเป็นนักแสดง อย่างพี่เป็นนักร้องโซโล่ได้สบายอยู่แล้ว” อุตส่าห์ฝึกฝนการร้องมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังมีพรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยาก น่าเสียดายไม่น้อยที่จะไม่ได้ถูกนำมาใช้อีกในอนาคต

“เปลี่ยนสายงานใช่ว่าจะร้องเพลงต่อไม่ได้สักหน่อย พี่ร้องเพลงมาทั้งชีวิตแล้ว อยากลองทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง แถมบริษัทที่พี่เพิ่งจะเซ็นสัญญาก็เห็นดีเห็นงามด้วย” ทางนั้นบอกว่าภาพลักษณ์ของเธอเหมาะกับบทบาทนางเอกซีรีส์เรื่องใหม่ที่กำลังคัดเลือกนักแสดงอยู่พอดี จึงอยากให้ลองเบนเข็มเปลี่ยนสายงานดูบ้าง

“ได้ยินว่าพี่ชอบผมก็โอเคแล้วล่ะครับ” กลัวก็แต่ว่าจะถูกบังคับให้ทำงานที่ไม่ชอบมากกว่า เพราะเรื่องความสวยของฮันชินซูนั้นไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าเจ้าตัวราวกับนางฟ้านางสวรรค์ส่งลงมาจุติ

“นายนั่นแหละ อย่าทิ้งเสียงเพลงเชียวนะ” อยู่ด้วยกันมาก็หลายปี เธอจึงรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้รักเสียงเพลงยิ่งกว่าชีวิตจิตใจ

“ไม่ทิ้งหรอกครับ เพลงคือทั้งชีวิตของผมเลยนะ ผมก็แค่กลับไปตั้งหลักสักหน่อย อีกไม่นานพี่ได้เห็นผมเสนอหน้าอยู่บนเวทีแน่” ชายหนุ่มหัวเราะอารมณ์ดี ไม่อยากทำให้บรรยากาศที่มีต้องเศร้าหมองเพราะการลาจาก

“ได้ยินแบบนี้พี่ก็เบาใจ ไว้เราเดบิวท์เมื่อไหร่ พี่จะตามไปเป็นแฟนคลับคนแรกให้นะ” ฮันชินซูตบอกพร้อมสนับสนุนน้องชายคนนี้เต็มที่

“ฮ่า ๆ ได้เลยครับ ผมไปพักไม่นาน พี่ไม่ต้องกังวลว่าจะรอนานเลย” ชายหนุ่มอายุน้อยยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าไม่จาง เรียกสายตาของใครหลายคนที่ยืนอยู่โดยรอบ

“พี่ว่านายต้องเข้าเกตแล้วล่ะ ขืนยืนอยู่ตรงนี้นาน ๆ ต้องมีคนเริ่มจำพี่ได้แน่” จากนั้นก็จะเชื่อมโยงเข้ากับชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอว่าเป็นใคร

“รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ไว้ผมจะติดต่อมาหาบ่อย ๆ” ชายหนุ่มเลื่อนกระเป๋าเดินทางมาใกล้ตัว

“อืม ลองนายไม่ติดต่อมาสิ พี่จะโทรไปหาเช้าเย็นเลย” หญิงสาวส่งของฝากที่เธอนำติดตัวมาด้วยยื่นไปตรงหน้า “อันนี้เป็นของดีประจำบ้านเกิดพี่เลย ฝากไปให้ครอบครัวนายด้วยนะ”

“กิมจิโฮมเมดสูตรบ้านพี่ใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มเปิดถุงกระดาษในมือก็เห็นกิมจิถูกซีลสุญญากาศมาอย่างดี “ผมว่าอาจจะหมดก่อนถึงบ้านผมก็ได้นะ” ล้อเล่นหรือเปล่า รสชาติกิมจิฝีมือแม่ฮันชินซูน่ะอร่อยติดดาวเลยนะ

“ทำอย่างกับนายเปิดกิมจิกินบนเครื่องบินได้อย่างนั้นแหละ ไป ๆ เขาเรียกเที่ยวบินนายแล้ว” หญิงสาวดันหลังเด็กหนุ่มให้ออกเดิน

“ไว้เจอกันใหม่นะพี่ เดี๋ยวผมกลับมา” เพราะนี่ไม่ใช่การลาจาก แต่เป็นการก้าวถอยกลับไปยังจุดเริ่มต้น เพื่อเตรียมตัวสำหรับก้าวใหม่ และอาจจะเป็นก้าวที่ใหญ่กว่าเดิม

แน่นอนว่าการไปเยือนสนามบินของฮันชินซูย่อมถูกปาปารัซซี่ถ่ายไว้ได้ แต่ยังไม่ทันได้นำออกมาเผยแพร่ก็ถูกข่าวใหญ่กว่านั้นกลบเสียมิด

ฉาวหนัก! ประธานค่ายป้ายแดงถูกสำนักงานตำรวจเชิญตัวไปให้ปากคำ

สั่งปลดฟ้าผ่า หลังประธานค่ายคนใหม่ JSM Ent. ใช้อำนาจบีบศิลปินในสังกัดให้รับงานนอกเวลา

ตำรวจบุกยึดสถานบันเทิงใหญ่ย่าน N พบคนมีชื่อเสียงเอี่ยวอื้อ

เรียกสอบกลางดึก คดีผับดังย่าน X พบค้าประเวณี ยาเสพติด รายชื่อคนดังทั้งในและนอกวงการเพียบ!!

Commnet : เหอ ๆ ไร้ความเห็นใจจ้า ทำกับพี่สาวพี่ชายฉันไว้ ก็รับกรรมไปก็แล้วกัน

Commnet : ต้องมีใครสักคนทนเห็น HJ ได้รับความอยุติธรรมไม่ไหวแน่ ไม่งั้นกรรมไม่สนองอิตาประธานบ้าอำนาจเร็วขนาดนี้หรอก

Commnet : คิดมากไปเองหรือเปล่า ตำรวจเขาอาจจะตามสืบมานานแล้วได้จังหวะรวบพอดี

Commnet : แอบเม้าธ์ได้ไหม วงในตำรวจเขาบอกว่ามีพลเมืองดีส่งหลักฐานพวกนี้ไปให้

Commnet : หรือว่าในกลุ่มแคนดี้จะมีแฮคเกอร์!

Commnet : บังเอิญจ้า อย่าคิดเข้าข้างด้อมตัวเองนักเลย ตำรวจประเทศเราเขาก็ทำงานกันหนักอยู่นะ ดูสิพวกนักการเมืองใหญ่ ๆ ก็ยังไม่รอดสักราย

Commnet : ไม่ใช่ว่าหลักฐานแน่นหนาจนดิ้นไม่หลุดเหรอ ได้ยินว่ามีทั้งคลิปและเอกสารที่ลงลายมือชื่อเป็นหลักฐานชั้นดี ทั้งที่ซุกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน กลับไปถึงมือตำรวจได้

Commnet : เป็นไงมาไงไม่รู้ แต่อิประธานบ้าอำนาจหลุดออกจากวงการไปแล้ว HJ จะมีโอกาสกลับมาเป็นวงอีกไหมอ่าาา ฉันคิดถึงเสียงพี่ซูกับพี่เจ

Commnet : ยากนะ เมื่อกี้เห็นข่าวปาปารัซซี่แวบนึง ออกว่าพี่สาวชินซูไปส่งใครที่สนามบินก็ไม่รู้ หน้าตาหล่อระเบิด แต่ตอนนี้หาภาพในเน็ตไม่เจอแล้ว ใครรู้ก็บอกบุญที ไม่แน่ว่าคนคนนั้นอาจจะเป็นพี่ J ของเราก็ได้ น่ากลัวว่าพี่เขาอาจจะเสียใจจนออกจากประเทศไปแล้ว

Commnet : ไม่นะ!!!

ชายหนุ่มที่ยังนั่งรอขึ้นเครื่องอยู่ในเกตเลื่อนโทรศัพท์อ่านหัวข้อข่าวใหญ่สะเทือนวงการ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่มุมปากกลับยกยิ้มราวกับกำลังสาสมใจ

เขาอยู่ในที่ของเขาดี ๆ อยากมาขวางเส้นทางดนตรีของเขาเอง ไปนอนเล่นในคุกสักหลายปีหน่อยก็แล้วกันนะ คุณอดีตประธานบ้าอำนาจ… จะได้รู้ว่ามาหาเรื่อง เจแคน คนนี้แล้วจะเป็นยังไง

ฮาโหลนักอ่านที่น่ารักทุกคนนนนน

เราพาน้องเจแคนมาเสิร์ฟแล้วค่าาา ในที่สุดพล็อตน้องก็ลงตัวเสียที

ถึงเรื่องนี้จะมีชื่อตัวละครจาก ซุป'ตาร์บ้านนา มาเอี่ยวด้วย แต่เนื่อเรื่องไม่ได้เชื่อมถึงกันนะคะ อ่านแยกได้เลยจ้า

01 ก้าวแรก [1/2]

01

ก้าวแรก [1/2]

สองปีต่อมา

สนามบินประเทศ K

‘กรี้ดดดด พี่เยจุนค้าาาา พี่เยจุน!!’

‘แฟชั่นสนามบินของพัคแฮวอนดีเป็นบ้า ต้องไปเซิร์จหามาซื้อไว้ใส่บ้างแล้ว’

‘อปป้า กรี้ดดดดดด สามี หันมาทางนี้หน่อยค่าาา’

‘ผมรักคุณ จางมินจู ซารังแฮโย!!’

“สนามบินประเทศนี้คึกคักสมคำร่ำลือเลยนะ ถ้าได้เจอดาราหล่อ ๆ ก็ดีสิ…” หญิงสาวเพิ่งลงจากเครื่องก็ต้องแปลกใจกับคนจำนวนมากที่กำลังเดินล้อมหน้าล้อมหลังชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งเข้ามาภายในสนามบิน นอกจากชายหนุ่มกลางวงล้อม คนอื่นนั้นดูก็รู้ว่าไม่ได้มีกำหนดการบินไปที่ไหนเป็นหมู่คณะ แต่ขนกันมาส่งคนต่างหาก

เธอเคยเห็นปรากฏการณ์แบบนี้ผ่านโซเชียลมีเดีย จึงหันไปคุยกับเพื่อนสนิทที่บินมายังประเทศนี้พร้อมกัน หวังจะหาเรื่องคุยจนกว่าจะไปถึงหน้าประตูทางเข้า

แต่คนที่เธอเห็นกลับเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้าหล่อเหลา รูปหน้ามีส่วนผสมของทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัว ดูดุดันและนุ่มนวล หากมุมปากเรียวนั้นยกยิ้มสักเล็กน้อย ก็จะยิ่งทำให้ดูหล่อและสวยขึ้นมาทันที

แต่สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดเห็นจะเป็นนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลกระจ่างที่งดงามราวกับกำลังสะท้อนผิวน้ำต้องกระทบแสงแดด เปล่งประกายระยิบระยับยิ่งกว่าอัญมณีใด ๆ

“คุณครับ”

“…” แม้แต่เสียงก็ยังทุ้มนุ่มชวนฝัน

“คุณครับเดินดูทางด้วย”

“อ๊ะ!” หญิงสาวหลุดจากภวังค์ “ขอโทษค่ะ นึกว่าเพื่อนเดินตามหลังมา” หญิงสาวละล่ำละลักขอโทษลนลาน เมื่อครู่เธอหันไปพูดเสียงไม่เบาเลย

“ไม่เป็นไรครับ เพื่อนของคุณเลี้ยวเข้าห้องน้ำไป ถ้าคุณไม่วกกลับไปอาจพลัดหลงกันได้นะครับ” ชายหนุ่มส่ายศีรษะไม่ถือโทษ พลางเอ่ยแนะนำเพื่อนที่หายไปของเจ้าตัว

“เอ๊ะ” หญิงสาวชะงัก พลางหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นเพื่อนสนิทจริงดังว่า “โอ๊ย ยัยบ้าจะไปไหนมาไหนทำไมไม่บอกก่อน” คนถูกทิ้งหัวเสียหนัก

“ขอบคุณมากเลยนะคะที่เตือน ฉันขอตัวก่อน” ว่าจบก็หันหลังวิ่งย้อนกลับไปยังทางเดิม

เจแคนมองส่งหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังพื้นที่นอกอาคารสนามบิน หลบหลีกความวุ่นวายของกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น

ขาเรียวหยุดเดินตรงประตูทางออก ฝ่ามือกระชับกระเป๋าสะพายหลังก่อนจะหันกลับไปมองยังกลุ่มคนที่กำลังถือป้ายไฟและกล้องจำนวนมากตามถ่ายรูปศิลปินที่มาใช้บริการสนามบินในวันนี้

พลันเกิดระลอกคลื่นบางอย่างวูบไหวอยู่ภายในดวงตาสวยคู่นั้น ริมฝีปากบางเม้มแน่น สมองก็หวนนึกถึงอดีตกลุ่มแฟนคลับที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา

ไม่รู้แคนดี้ที่น่ารักจะเป็นยังไงกันบ้าง…

สองปีที่ผ่านมาจะบอกว่าสั้นก็สั้น แต่สำหรับเขามันยาวนานเกินไป สุดท้ายครอบครัวก็ทนเห็นเขาเฉาเป็นผักต้มไม่ไหว เอ่ยปากไล่ให้กลับมาสู่วังวนแสงสีอีกครั้ง

‘ถ้าอยากยืนอยู่บนเวทีนักก็กลับไปเถอะ มัมเบื่อหน้าซังกะตายของลูกชายแล้วค่ะ’ หญิงสาววัยกลางคนกอดอกพ่นลมออกมาทางจมูก

‘แต่ว่าผมยัง…’

‘ยังอะไร ยังกลัวว่าจะไม่ถูกยอมรับหากมีคนเห็นใบหน้าของลูกน่ะเหรอ’ คนเป็นพ่อเลิกคิ้วถาม ทั้งยังเป็นคำถามจี้เข้าหัวใจอย่างจัง

‘แด๊ด… ครับ’ ขนาดประธานคนเก่ายังขอให้เขาสวมหน้ากากยามขึ้นเวที ยิ่งตอกย้ำว่าใบหน้าและชาติกำเนิดที่เขามีไม่เป็นที่ยอมรับมากแค่ไหน

หลังกลับมาจากประเทศ K ในวันนั้นก็ผ่านมาเกือบสองปีแล้ว ช่วงเวลาที่หยุดพักทำเพลงทำให้เขาฟุ้งซ่านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

อยู่ ๆ ก็เกิดกลัวว่าการกลับขึ้นเวทีโดยไร้หน้ากากปิดบังใบหน้าจะไม่เป็นที่ต้อนรับของใครเลย แม้แต่แคนดี้ อดีตแฟนคลับที่น่ารักของเขา

‘กลัวอะไรไป ลูกออกจากหล่อ ไม่สิสวยได้มัม ใช่มั้ยคะคุณ’ จอร์จินาจับแก้มลูกด้วยสองมือ พลางมองอย่างชื่นชม

เธอก็ปั้นออกมาได้ดีเหมือนกันนะเนี่ย ลูกชายได้ใบหน้าสวยหวานของเธอไป โดยมีส่วนผสมดุดันจากสามีอีกเล็กน้อย ไหนจะนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสดใสของคุณปู่ ตอนเด็กจับแต่งตัวเป็นผู้หญิงยังไม่มีใครดูออกเลยว่าเป็นเด็กผู้ชาย

ทั้งที่เป็นอย่างนั้น ตอนรู้ว่าเจแคนจะได้เดบิวท์โดยที่ต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา เธอจึงโมโหเป็นอย่างมาก หากไม่ได้สามีและลูกสาวคนเล็กห้ามปรามไว้ละก็… บอกได้เลยว่าบริษัทนั้นเละแน่!

เธอจะขุดโคตรเหง้าความผิดสมัยครั้งบรรพกาลของอีกฝ่ายออกมาประจานให้หมด!

ภายหลังพอเห็นว่าเส้นทางของลูกไปได้ดีจึงไม่ได้ลงมือทำอะไร จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เจแคนกับหนูชินซูฉีกสัญญา เธอก็เกือบจะลงมือแล้ว เคราะห์ดีที่โดนลูกชายเธอจับยัดคุกไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นแม้แต่อดีตประธานที่นอนเป็นผักอยู่ในห้องไอซียูก็ต้องร่วมหัวจมท้ายไปกับลูกชายเส็งเคร็งของมันด้วย

‘เฮ้อ ผมฟุ้งซ่านไปหน่อย ขอโทษนะครับ’ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย

‘งั้นก็ลองบินกลับไปที่ที่ลูกจากมาสิ ลองไปอยู่ที่นั่นสักสัปดาห์สิ’ คลอสเอ่ยให้คำแนะนำ หากได้ไปอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยอาจทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

เพราะคำแนะนำของบิดา ชายหนุ่มลูกเสี้ยวจึงมายืนอยู่ที่ประเทศ K อีกครั้ง

‘สนามบินยังเป็นรันเวย์แฟชั่นเหมือนเดิมเลย’

เจแคนยกยิ้มให้กับเหตุการณ์ชุลมุนแต่ก็มีมาตรการรับมืออย่างดี ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวและลูกค้าท่านอื่นที่เข้ามาใช้บริการ ต้องเดือดร้อนกับความวุ่นวายของแฟนคลับที่มาตามส่งศิลปิน ราวกับนี่คือของดีขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของประเทศอย่างไรอย่างนั้น เพราะเขาเห็นนักท่องเที่ยวบางคนหยุดยืนดูและยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันหลายคน

นัยน์ตาสวยหลุบมองพื้นก่อนจะเบนสายตาออกไปยังประตูทางออกเช่นเดิม สองขาก้าวไปตามถนนหนทางที่ยังพอหลงเหลือในความทรงจำ

‘ผ่านไปสองปีแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนี่นา’

ปิ้น ๆ ๆ

ออกเดินไปได้ไม่ไกลก็มีรถคันหนึ่งบีบแตรเรียกชายหนุ่มจากทางด้านหลัง เจ้าของร่างสูงโปร่งสะดุ้งเล็กน้อย หันหลังกลับไปมองด้วยความงุนงง

“ขึ้นมาเลยหนุ่มน้อย อย่าเดินตากแดดเลยเดี๋ยวผิวเสียหมด” บานกระจกติดฟิล์มสีดำเลื่อนลงเล็กน้อย เผยให้เห็นนัยน์ตาโศกที่แสนคุ้นเคย

“พี่ชินซู” ได้ไงเขาไม่ได้บอกเจ้าตัวเลยว่าจะกลับมาวันนี้

“ขึ้นรถมาก่อนเถอะ คันข้างหลังใกล้จะด่าพี่แล้ว” สนามบินวันนี้วุ่นวายไม่น้อย ถ้ามัวแต่โอ้เอ้มีหวังได้โดนเจ้าหน้าที่วิ่งมาไล่แน่

“พี่รู้ได้ไงว่าผมจะมา วันนี้พี่ไม่มีถ่ายละครเหรอ” ชายหนุ่มนำเป้ใส่เสื้อผ้ามาแค่ใบเดียว จึงสามารถสอดตัวเข้าไปนั่งข้างคนขับได้ทันที ปากก็ถามไปมือก็ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพื่อความปลอดภัย “ว่าแต่พี่ได้ใบขับขี่แล้วเหรอครับ”

“เอาทีละคำถามสิยะ” นางเอกหน้าใหม่หัวจะปวดกับคำถามที่รัวมาไม่หยุด หญิงสาวเหยียบคันเร่งหักพวงมาลัยพาอดีตเพื่อนร่วมวงมุ่งตรงไปยังที่พักของเธอ

“โอเค พี่รู้ได้ยังไงว่าผมจะมาวันนี้” เขาว่าเขาก็ไม่ได้บอกใครนะ

“ก็พี่โทรไปหานายแล้วไม่ติด เลยลองติดต่อไปทางมัมของนายดู เธอบอกว่านายขึ้นเครื่องบินมาที่นี่ พอพี่ลองดูกำหนดการลงจอดก็คิดว่าน่าจะมาถึงภายในวันนี้ ส่วนเรื่องใบขับขี่พี่เพิ่งสอบผ่านเมื่อวาน”

“เมื่อวาน!” ตาย ๆ ๆ ๆ

“ตกใจอะไร อย่างน้อยก็ไม่โดนตำรวจจับหรอกน่า” หญิงสาวหันไปโวยวายเสียงดัง เห็นใบหน้าตื่นกลัวของอีกฝ่ายแล้วมันเขี้ยวนัก

“พี่ชินซู พี่ขับคล่องแล้วแน่นะ”

“ก็อย่างที่นายเห็น” หญิงสาวผ่อนลมหายใจ มือที่จับพวงมาลัยแอบเกร็งเล็กน้อย ยามเห็นรถคันหนึ่งขับปาดหน้ารถของเธอไปอย่างไร้มารยาท ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นเธอเองที่ขับช้าเป็นเต่า

“เอาล่ะ ผมจะไม่ชวนพี่คุยอีกจนกว่าพี่จะขับถึงจุดหมายนะ” มือเรียวยกขึ้นกระชับเข็มขัดนิรภัยแน่น สายตามองตรงไปข้างหน้าไม่ว่อกแว่ก หากเกิดเหตุร้ายจะได้รับมืออย่างทันท่วงที

“เวอร์ไป” ฮันชินซูเบ้ปาก หันกลับมาตั้งใจขับรถด้วยระดับความเร็วต่ำกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดต่อไป

ปลอดภัยไว้ก่อนไงเล่า ไว้เธอชำนาญกว่านี้จะดริฟต์โชว์เลย!

ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงวิลล่าชานเมืองแห่งหนึ่ง ด้านนอกมีการตรวจการเข้าออกอย่างเข้มงวด ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจได้ว่าจะได้รับความปลอดภัยยามอาศัยอยู่ที่นี่

“พี่เปลี่ยนบ้านเหรอ ใช่สิเป็นนางเอกดาวรุ่งแล้วนี่นา” เจแคนแกล้งแซว

“ก็… นิดหน่อยน่ะ” หญิงสาวไม่คิดถ่อมตัว ยักไหล่คล้ายบอกเป็นนัยว่าช่วยไม่ได้ที่เธอมากความสามารถ

“ช่วยถ่อมตัวสักหน่อยเถอะพี่สาว” ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงวันนี้ไม่เปลี่ยนไปเลย

“ในเมื่อเรามีความมั่นใจก็ต้องมั่นหน้าเข้าไว้ พี่จำได้ว่าพี่เคยสอนนายไปแล้วนะ” ตั้งแต่สมัยเป็นคู่ดูโอ “มัมบอกว่านายจะมาพักที่นี่สัปดาห์นึง ก็พักที่บ้านพี่นี่แหละไม่ต้องออกไปร่อนเร่ที่ไหนหรอก” หญิงสาวเอ่ยอย่างใจกว้าง พลางเปิดประตูเชิญชวนให้เข้ามาในบ้าน

“ไม่ดีมั้งพี่สาว เกิดเป็นข่าวขึ้นมาพี่จะแย่เอานะ” ปาปารัซซี่ประเทศนี้ยิ่งจมูกไวอยู่ด้วย

“ก็เป็นไปสิ อย่างมากพี่ก็แค่บอกไปว่าเป็นเพื่อนที่มาจากเมืองนอก” แต่เดิมฮันชินซูเกิดและเติบโตที่ต่างประเทศ ก่อนจะเดินทางมาเรียนขับร้องที่ประเทศ K ในช่วงชั้นมัธยมปลาย ความคิดจึงค่อนข้างอยู่นอกกรอบที่หญิงสาวประเทศนี้ถูกปลูกฝังมาพอสมควร

แรก ๆ ก็มีคนว่ากระทบ แต่พอนานเข้าก็ไม่มีใครสนใจว่าเธอจะเดตหรือจะออกไปกินข้าวกับใคร เพราะผลงานที่อีกฝ่ายนำออกมาสู่แสงไฟนั้นเป็นของจริง

ไม่มีใครต้านทานเสียงร้องของฮันชินซูได้ แอนตี้แฟนก็แอนตี้แฟนสิ ลองได้จับมานั่งคุยถกปัญหากับหญิงสาวสักครั้ง ก็จะทำให้เกลียดกันไม่ลงอีกเลย

“เข้ามาเถอะ” หญิงสาวเอ่ยเร่ง

“เฮ้อ เป็นข่าวผมไม่รู้ด้วยนะ” หนุ่มลูกเสี้ยวถอนหายใจหนัก ยอมเดินตามเข้าไปในบ้านแต่โดยดี เปลี่ยนจากสนิกเกอร์คู่เก่งมาสวมสลิปเปอร์เดินตามเจ้าของบ้านไปยังห้องนั่งเล่น

“ว่าแต่นายเถอะ พี่นึกว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วเสียอีก” เล่นหายเข้ากลีบเมฆไปสองปีเต็ม

“ผมก็ยังอยู่ในช่วงไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะยังอยากลับมาร้องเพลงที่นี่ดีไหม” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งโซฟารับแขก สายตาสำรวจการตกแต่งแสนเรียบง่ายที่บ่งบอกตัวตนเจ้าของบ้าน

“ทำไมล่ะ ก่อนไปนายพูดไว้ดิบดีว่าจะกลับมา”

“ก็… พี่ดูหน้าผมสิ”

“ยังหล่อเหมือนเดิมนะ ไม่สิสวยเพิ่มขึ้นมาอีกนี่นา แอบไปทำหน้ามาเพิ่มเหรอยะ” ฮันชินซูขมวดคิ้วสำรวจใบหน้าของคู่หูที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่เดิมก็ว่าหน้าตาดีอยู่แล้ว พอกลับมารอบนี้อีกฝ่ายหล่อสวยกว่าเดิมอีก

“…”

“พี่รู้หรอกน่า” เจ้าของบ้านปัดมือไปมาเลิกเบี่ยงประเด็น “เดี๋ยวนี้มีไอดอลต่างชาติอยู่ค่อนข้างเยอะ วงการเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว ไม่ต้องกลัวไปหรอก” ว่าใบหน้าลูกเสี้ยวจะถูกผู้ชมมองเมิน “มั่นใจในผลงานของตัวเองสิ จะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องหน้าตา”

“ผม… เฮ้อ ผมขอเวลาคิดอีกหน่อย”

“ตามใจ ยังไงนายก็เพิ่งจะอายุ 23 ยังมีเวลาให้คิดอีกนาน” ผิดกับผู้หญิงที่อายุเท่านั้นก็เกือบจะมากเกินไปสำหรับการเดบิวท์ในวงการนี้แล้ว

01 ก้าวแรก [2/2]

01

ก้าวแรก [2/2]

ดูเหมือนว่าความปลอดภัยของวิลล่าแห่งนี้จะเป็นของจริง ผ่านมาสองวันแล้วหลังจากชายหนุ่มเข้ามาขอพักอาศัยชั่วคราว ก็ไม่มีข่าวนางเอกคนดังหิ้วผู้ชายเข้าบ้านให้เห็นแม้แต่ตัวอักษรเดียว

ทำให้เจแคนพลอยโล่งใจและเริ่มออกไปเดินตามย่านบันเทิงยามค่ำคืน ที่มักจะเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าวัยรุ่นที่ชื่นชอบในเสียงเพลง

โดยเฉพาะลานกว้างบริเวณใจกลางย่าน X ที่ถูกเหล่าวัยรุ่นยึดเป็นพื้นที่แสดงความสามารถทางดนตรีอย่างเต็มที่ มีทั้งร้องเพลง เต้น เล่นดนตรี ฯลฯ

อย่างตอนนี้ที่นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังขยับแขนขาไปตามเสียงเพลงอย่างดูเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะขยับไปยังจุดไหนก็ดูไม่ขัดตา

แม้ใบหน้าจะถูกปกปิดด้วยหมวกและหน้ากากอนามัย ก็ยังมีผู้คนตีวงล้อมเข้ามาดูอย่างคึกคัก บ้างก็วิจารณ์เรื่องไลน์เต้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายลงโซเชียล หรือบางคนใจกล้าหน่อยก็เข้าไปขอท้าประลอง หวังให้อีกฝ่ายโชว์ฝีไม้ลายมือมากกว่านี้

เฮ!!

และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพลงใหม่ถูกเปิดขึ้นตามคำเรียกร้อง แม้จะเป็นเพลงที่ไม่คุ้นเคย แต่ผู้ถูกท้าก็หาได้หวั่นเกรง ยังคงออกท่วงท่าฟรีสไตล์ได้อย่างลื่นไหล เรียกเสียงปรบมือและเสียงชื่นชมในตอนที่การประลองของทั้งคู่จบลง

ไม่มีแพ้… ไม่มีชนะ

มีเพียงความพึงพอใจที่ได้ปลดปล่อยตัวเองไปตามเพลงพร้อมกับใครสักคนที่มีความชอบเหมือน ๆ กัน

“…” ชายหนุ่มนัยน์ตาฟ้าจดจ้องความคึกคักนี้ด้วยหัวใจเต้นรัวยิ่งกว่ากลองศึก ภายในสมองพลันตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างได้ในทันที

จึก ๆ

“ครับ?” เจแคนกำลังจัดการกับความคิดของตนเองอยู่เงียบ ๆ เป็นต้องหลุดจากภวังค์เมื่อมีใครสักคนกำลังดึงแขนเสื้อของเขาอยู่ “มีอะไรเหรอครับ” หรือเขากำลังยืนขวางทาง?

“น้องหน้าตาดีมากเลย สนใจเป็นไอดอลหรือดารามั้ย พี่เป็นแมวมองจากสังกัด XXX นี่นามบัตร” ชายหนุ่มวัยกลางคนสวมหมวกปีกกว้างยื่นนามบัตรสีชมพูมาตรงหน้า

“เอ่อ ผมอายุ 23 แล้วนะครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่าบรรดาแมวมองมักจะมองหาเด็กหนุ่มที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะหากตกลงเซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึกจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะพร้อมนำไปขึ้นแสดงบนเวที

“พูดเป็นเล่น โกหกพี่หรือเปล่า” คนอายุมากกว่ารอบหนึ่งขมวดคิ้วไม่เชื่อถือ ใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นดูเยาว์วัยราวกับเพิ่งผ่านการบรรลุนิติภาวะมาหมาด ๆ

“พูดจริงครับ ผมทำพี่เสียเวลาแล้ว” ไม่ว่าเปล่ายังยื่นหน้าสมุดเดินทางให้อีกฝ่ายดูเป็นการยืนยัน

“23 ปีแล้วจริงด้วย หน้าเราเด็กมาเลยนะ พี่นึกว่า 18-19 ปีเสียอีก” น่าเสียดาย…

“เห็นอย่างนี้ผมก็เคยเดบิวท์มาแล้วนะครับ” ครนอายุน้อยกว่าหัวเราะกับใบหน้ามองของพี่ชายแมวมอง

“ล้อเล่นแล้ว หน้าอย่างเราถ้าได้ขึ้นเวทีสักครั้งต้องโด่งดังเป็นพลุแตกแน่” ทั้งหล่อและสวยขนาดนี้ต่อให้ไม่มีความสามารถก็ยังมีกลุ่มคนที่ชื่นชอบหน้าตาคอยสนับสนุนแน่นอน

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ถือว่าผมพูดเล่นก็ได้” อดีตศิลปินดูโอไม่คิดต่อบทสนทนาที่ตนเป็นคนเริ่มก่อน ถ้าบอกว่าเขาเคยเป็นสมาชิก HJ ก็คงมีแต่คนคิดว่าโกหก

“เอ๊า ยังไงเนี่ยเรา” แมวมองวัยกลางคนเกาหัวงุนงง

“พี่ไม่ลองชวนคนนั้นดูล่ะครับ" ชี้ไปทางชายหนุ่มที่กำลังโชว์เต้นเพลงต่อไป "ผมว่าทักษะการเต้นของเขาค่อนข้างดีทีเดียว” หากได้รับการเทรนอีกสักปีสองปีก็น่าจะพร้อมขึ้นเวทีแล้ว

“อ๋อ น้องคนนั้นพี่ชวนแล้วล่ะ แต่เขาบอกว่าจะไปเข้าร่วมการแข่งรายการที่ SKM Ent. จัดก่อน ถ้าไม่ผ่านจะเข้ามาเซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึกกับเราเพื่อขอเทรนอีกครั้ง

“รายการของ SKM Ent.” นั่นเป็นค่ายใหญ่ระดับท็อปของวงการบันเทิงเลยนะ

“อ่า นายเป็นนักท่องเที่ยวเหรอ ถึงไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังเปิดรับสมัครเด็กฝึกทั้งมีสังกัดและไร้สังกัด เข้าร่วมการแข่งขันเฟ้นหากลุ่มไอดอลบอยแบนด์วงใหม่มาเดบิวท์ภายใต้การดูแลของ SKM เป็นเวลา 5 ปี” คนอายุมากกว่าเห็นว่าวันนี้นอกจากชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่มีใครเข้าตาให้ไปทาบทามอีก จึงยืนคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารให้อย่างใจกว้าง

“จำกัดอายุไม่เกิน 25 ปี ถ้าน้องสนใจก็ลองไปสมัครดู พี่ว่าหน้าอย่างเราต้องผ่านไปรอบลึก ๆ แน่ แล้วถ้าเจ๋งพออาจได้เดบิวท์เลยก็ได้ แต่รีบหน่อยนะคลับคล้ายคลับคลาว่าใกล้จะปิดรับสมัครแล้ว” น่าจะเหลืออีกไม่กี่วันล่ะมั้ง?

“ปกติแล้วสัญญาพวกรายการเซอไวเวิลจะมีอายุแค่ 2 ปีไม่ใช่เหรอครับ” เพื่อให้สามารถผลิตรายการประเภทนี้ได้เรื่อย ๆ และไอดอลที่ผ่านการคัดเลือกในตอนนั้นก็สามารถนำชื่อเสียงที่มีติดตัวกลับไปต่อยอดยังบริษัทต้นสังกัดได้ ไม่อย่างนั้นจะถูกหักเปอร์เซ็นต์งานหลายต่อ

“เห็นว่าระยะ 2 ปีมันสั้นเกินไปสำหรับแฟนคลับน่ะ คิดว่าระยะหลังพวกรายการเฟ้นหาไอดอลไม่ค่อยได้รับความนิยมแล้ว แถมพอแยกวงไปแฟนคลับบางกลุ่มก็ไม่ตามต่อ เพราะไม่รู้สึกผูกพันกันมากพอ ทำให้เสียลูกค้ากลุ่มนี้ไปอย่างน่าเสียดาย”

“แต่ระยะเวลานานขนาดนั้นพวกค่ายต้นสังกัดคงไม่ยอมส่งเด็กฝึกไปเข้าร่วมการแข่งหรอกใช่มั้ยครับ” ระยะเวลามันนานเกินไป แทนที่จะได้รับส่วนแบ่งอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ต้องแบ่งไปให้ SKM ตั้ง 5 ปี คงไม่มีใครบ้าจี้ยอมส่งเด็กมาแน่

“ใช่ บริษัทพี่ก็ไม่คิดจะส่งเด็กเข้าร่วมเหมือนกัน วงในเขาก็เลยเม้าธ์กันว่าจะมีก็แต่เด็กฝึกไร้สังกัดนั่นแหละ ที่สนใจรายการนี้ ดีไม่ดีพอหมดสัญญาวงอาจจะต่อสัญญากับ SKM กันยกวงแล้วทำงานต่อเลย เพราะไม่มีต้นสังกัดเดิมให้กลับไปตั้งแต่แรก บางทีในรายการอาจจะมีเด็กฝึกของ SKM เข้าร่วมเต็มไปหมดเลยก็ได้” ใช้การแข่งขันบังหน้าเพื่อโปรโมตเด็กที่กำลังจะได้เดบิวท์ไปในตัว

“มันจะเป็นแบบนั้นเหรอครับ” ค่ายใหญ่ไม่น่าทุ่มหินลงเท้าตัวเองหรอก ไม่อย่างนั้นได้เป็นขี้ปากในวงการไปอีกนาน

“ไม่รู้เหมือนกัน” ชายวัยกลางคนยกสองมือขึ้นแบ เขาก็ไ่รู้ว่ารายการนี้มีวัตถุประสงค์ในการจัดที่แท้จริงอย่างไรกันแน่

“นี่ก็ดึกมากแล้ว พี่ขอตัวกลับก่อนนะ” วันนี้ก็ไม่มีเด็กน่าสนใจมาเซ็นสัญญาด้วยอีกแล้ว เฮ้อ… โบนัสสิ้นปีนี้จะเหลือเท่าไหร่กันล่ะเนี่ย

“เดินทางกลับดี ๆ นะครับ แล้วก็ขอบคุณมากนะครับสำหรับข่าว” เจแคนค้อมศีรษะให้พี่ชายแมวมองที่แม้จะไม่มีโอกาสได้ร่วมงานในอนาคต แต่ก็ยังใจดีแนะนำหนทางกลับขึ้นสู่เวทีให้

“หวังว่าจะได้เห็นเราอยู่บนเวทีนะ ถ้าไปจริงพี่จะช่วยโหวตให้”

“ฮะ ๆ สัญญาแล้วนะครับ”

กลับมาถึงวิลล่าของฮันชินซู ชายหนุ่มก็ตรงไปยังห้องพักของตนเองแล้วเปิดแล็ปท็อปเพื่อหาข่าวสารการเปิดออดิชั่นเข้าร่วมการแข่งขันเซอไวเวิลที่ว่าทันที

SKM Ent. Official

SKM Ent. มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะขอประกาศเปิดรับสมัครรอบออดิชั่นสำหรับเด็กฝึกหัดทุกท่าน เข้าร่วมรายการ Star Fight เพื่อเฟ้นหาไอดอลกรุปหน้าใหม่ ที่มีใจรักในเสียงเพลงไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กฝึกมีสังกัดหรือคนธรรมดาเดินดินผ่านไปมา หากสนใจคลิกสมัครที่ลิงก์ด้านล่างเลย!

ออดิชั่นรอบแรกวันที่ xx เดือน xxxx ค.ศ. xxxx

รายละเอียดการสมัคร www.xxxxxxxx…

[แนบรูปภาพโปสเตอร์รับสมัคร]

Comment : เอาว่ะ เซอไวเวิลรอบนี้เป็นของค่ายใหญ่ระดับบิ๊กไฟท์ ชักน่าตื่นเต้นแล้วสิ

Comment : จะมีคนหล่อ ๆ มาสมัครเยอะมั้ยนะ

Comment : อายุเกินเกณฑ์…เสียใจจจจจจ ที่ฝึกมาแทบตายไม่มีความหมายเลย ถ้าไม่มีโอกาสได้ขึ้นเวที

Comment : เมนต์บนดึงดราม่าเฉย แต่ก็เห็นใจนะ ความสดใสวัยเยาว์เท่านั้นที่ขายได้

Comment : มาอีกแล้วเหรอรายการเซอไวเวิล ดูจนเอียนแล้ว

Comment : คนธรรมดาก็เปิดรับเหรอ

Comment : ตอบเมนต์บน… ถ้าผ่านรอบออดิชั่นไปได้ละก็นะ

นี่ไงล่ะ! หนทางกลับเข้าสู่เวทีของเขา!!

โชคดีจริง ๆ ที่ไปลานสตรีทวันนี้ รายการแข่งขันนี้ใกล้จะปิดรับสมัครเต็มทีแล้ว หากเขาเดินทางมาช้ากว่านี้อีกสักสามวันก็คงหมดสิทธิ์เข้าร่วมแน่

หนุ่มลูกเสี้ยวรีบคลิกลิงก์รายละเอียดการสมัคร นั่งอ่านข้อตกลงไปจนถึงนโยบายของรายการอยู่หลายรอบเพื่อทำความเข้าใจ จากนั้นก็ดาวน์โหลดใบสมัครมาไว้ในเครื่องเตรียมกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไปทันที

ส่วนคลิปการแสดงสำหรับแนบไปกับใบสมัครก็อาจต้องขอยืมสถานที่พี่สาวคนสวยสักหน่อย…

SKM Ent. (อาคารย่านกลางเมือง)

“วันนี้ปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันรอบบุคคลธรรมดาแล้วใช่ไหม” อิมฮีอู โปรดิวเซอร์หลักของรายการเดินตรงมายังห้องประชุมใหญ่ที่ถูกใช้เป็นห้องทำงานชั่วคราวของโปรเจ็ก Star Fight เมื่อถึงวันถ่ายจริงค่อยย้ายไปยังโรงแรมที่เช่าไว้สำหรับถ่ายทำ

“ใช่ครับ ตอนนี้กำลังตรวจสอบใบสมัครที่ส่งมาทั้งหมดอยู่ น่าจะมีผู้สมัครเข้ามามากกว่าสองพันคนเลยครับ” ดีที่พวกเขาเป็นแค่ทีมงาน ไม่ใช่คณะกรรมการหลักของรายการ ไม่อย่างนั้นคงต้องถ่างตาข้ามวันข้ามคืนกว่าจะประเมินคลิปจำนวนมหาศาลนี้หมด

ทั้งยังดูแบบผ่าน ๆ ก็ไม่ได้ เพราะทุกคนที่ส่งใบสมัครเข้ามาต่างก็คาดหวังว่าจะได้รับเลือก ตั้งใจถ่ายคลิปแนะนำตัวครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้ผิดพลาด ดังนั้นแล้วคณะกรรมการจะดูอย่างไม่ใส่ใจไม่ได้

“สู้ ๆ นะครับคุณอิม” ทีมงานยกแก้วกาแฟขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง เป็นการให้กำลังใจเชิงสัญลักษณ์

“พวกนายนี่นะ” ชายวัยกลางคนแสร้งทำเข่าทรุดตบมุข ก่อนจะพยุงตัวขึ้นยืนเหมือนเดิม “กรรมการที่เหลือมากันครบแล้วใช่ไหม”

“คุณอีแจ้งว่าจะเข้ามาช้าค่ะ พอดีรายการที่ถ่ายอยู่เกิดอุบัติเหตุ ทำให้ต้องถ่ายซ่อมหลายฉาก ส่วนท่านที่เหลือกำลังนั่งรออยู่ที่ห้องประชุมถัดไปแล้วค่ะ”

“อืม ฉันรู้แล้ว” อิมฮีอูพยักหน้าเข้าใจ อย่างไรวันนี้ก็มีแค่การประเมินผ่านคลิปวิดีโอที่ผู้สมัครส่งมา ไม่ใช่วันถ่ายรายการจริง หากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกจะทำให้การถ่ายทำล่าช้าได้

โปรดิวเซอร์หลักประจำรายการเดินถือแก้วกาแฟเก็บความร้อนของตนพร้อมหนีบแท็ปเลตคู่ใจเดินเข้าห้องประชุมที่มีเหล่าคณะกรรมการ หรือก็คือศิลปินคนดังระดับตำนานที่ถูกเชิญให้มาร่วมถ่ายรายการในครั้งนี้

“ยังไม่เริ่มดูกันใช่ไหม เหมือนอีดันบีจะมาช้าสักหน่อยนะ เห็นว่าต้องถ่ายซ่อมก่อนถึงจะมาที่นี่ได้”

“เปลี่ยนให้คุณพัคโอซองหรือพัคอินซามาแทนหมอนั่นดีไหมคะ เราจะได้ไม่เสียเวลา” คิมซูจิน นักร้องเสียงทอง ศิลปินเดี่ยวผู้กวาดรางวัลประกวดจากต่างประเทศเป็นหลัก เอ่ยกลั้วหัวเราะทีเล่นทีจริง

“ได้ที่ไหนล่ะ ถึงคุณเขาจะอยู่ในตึกนี้ก็ใช่ว่าจะว่างมาเป็นกรรมการให้รายการแข่งขันระดับนี้หรอกนะ” จองวังซองเท้าคางมองซ้ายขวาตอบอย่างเบื่อหน่าย หลุดมาดครูสอนเต้นสุดเนียบกลายเป็นหนุ่มสลอตขี้เกียจเมื่อไม่มีเสียงเพลง

“หมอนั่นรับผิดชอบเป็นกรรมการแรปใช่มั้ยล่ะ ควรเชิญคุณจอร์จมามากกว่านะ” คิมโบมีสมาชิกวงเกิร์ลกรุปอันดับหนึ่งของประเทศให้ความเห็น นอกจากรับมุกเพื่อนร่วมวงการแล้ว ยังแอบมีความหวังเล็ก ๆ ว่าจะได้เจอไอดอลในดวงใจ

“พอเลย ถ้าหมอนั่นได้ยินมีหวังร้องไห้ฟูมฟายแน่” อิมฮีอูห้ามทัพ ในโทรทัศน์อีดันบีอาจจะเป็นแรปเปอร์สุดเฟี้ยว มั่นหน้ามั่นโหนก แต่ตัวจริงเป็นพวกใจเท่ามด ยิ่งอยู่กับคนคุ้นเคยก็พร้อมจะน้ำตาร่วงได้ทุกเมื่อ

พูดคุยหยอกล้อกันไปได้สิบนาที คนที่ตกเป็นเป้าหมายของวงนินทาก็วิ่งกระหืดกระหอบผลักประตูห้องประชุมเข้ามาอย่างแรง เปลือกตาที่กรีดอายไลน์เนอร์ให้ดูดุดันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ดีที่ทางช่างแต่งหน้าใช้แบบกันน้ำ ไม่อย่างนั้นอาจได้เห็นแรปเปอร์หนุ่มเปลี่ยนลุคเป็นแนวพังร็อคได้…

“ขอโทษที่มาสายครับ ฮึก ผม ผม รายการที่ผมไปถ่ายเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น ฮึก”

“ทำนบน้ำตาแตกมาจริง ๆ ด้วย” คิมโบมีหัวเราะร่วน

“นูน่าา ฮือ ๆ”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

“อะแฮ่ม” อิมฮีอูกลัวว่าความวุ่นวายจะลากยาวไปมากกว่านี้ จึงกระแอมเรียกสติของทุกคนให้กลับเข้ามาประทับร่าง “ ในเมื่อมากันครบแล้วก็เริ่มประเมินกันเลยเถอะ”

“จะเปิดคนแรกเลยนะคะ” ทีมงานกดรีโมตเลื่อนจอโปรเจคเตอร์ลงมา เผยให้เห็นโฟลเดอร์รวมคลิปแนะนำตัวของเหล่าผู้สมัครทั้งหมด

“อืม มาเริ่มกันเลย”

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น