โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เฉลยแล้ว!! ตำแหน่งสิว สามารถบอกโรคได้…จริงหรือไม่!!

TOJO NEWS

อัพเดต 04 พ.ย. 2565 เวลา 21.11 น. • เผยแพร่ 05 พ.ย. 2565 เวลา 03.00 น. • Admin Tojo

กรมการแพทย์ ตรวจสอบข้อมูล โซเชียลแห่แชร์ตำแหน่งของการเกิดสิวในที่ต่างๆของใบหน้าหรือร่างกายกับความผิดปกติหรือโรคในระบบอื่นๆนั้น คือข้อมูลเท็จ

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ตามที่มีข้อมูลในประเด็นเรื่องตำแหน่งสิวสามารถบอกโรคได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากกรณีมีบทความในสื่อออนไลน์ระบุว่าเรื่องตำแหน่งสิวสามารถบอกโรคได้ ทางสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งของการเกิดสิวในที่ต่างๆของใบหน้าหรือร่างกายกับความผิดปกติหรือโรคในระบบอื่นๆนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยยืนยันหรือสนับสนุนความผิดปกติในเรื่องดังกล่าว

สิวเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของรูขุมขนและต่อมเหงื่อ (Pilosebaceous unit) ซึ่งเกิดได้ในทุกช่วงอายุ แต่มักจะเกิดมากที่สุดในช่วงวัยรุ่น กลไกการเกิดสิวเกี่ยวข้องกับการอุดตันของรูขุมขน การผลิต sebum หรือไขมันจากต่อมไขมันที่มากผิดปกติ เชื้อก่อโรค Cutibacterium acnes ที่ผิวหนัง และขบวนการอักเสบของร่างกาย โดยมีปัจจัยทางด้านกรรมพันธุ์ ฮอร์โมนโดยเฉพาะฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน (androgen) ปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันของร่างกาย กรดไขมันจำเป็นที่ผิวหนังบางชนิด เป็นตัวส่งเสริมในการเกิดโรค

สิวอาจสัมพันธ์กับโรคที่มีความผิดปกติของการผลิดฮอร์โมนเพศซึ่งจะสงสัยมากขึ้นในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีสิวรุนแรง มีสิวเห่อช่วงใกล้หรือช่วงที่มีประจำเดือน ร่วมกับมีหน้ามันมาก ขนดก ผมบางจากฮอร์โมน เสียงแหบเหมือนผู้ชาย เป็นต้น บางคนอาจพบมีความผิดปกติของประจำเดือนร่วมด้วยได้ ซึ่งกรณีที่มีความผิดปกติที่สงสัยจะต้องมีการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการต่อไป

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.iod.go.th หรือโทร. 02-354-5222

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยยืนยันหรือสนับสนุนความผิดปกติในเรื่องดังกล่าว

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...