ในช่วงที่เกิดวิกฤตไวรัสระบาดแบบนี้ เราก็ได้เห็นความพยายามแก้ไขปัญหาที่หลากหลายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนนะครับ ทั้งวิธีทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ การคิดค้นหาวิธีแก้ ยาต้านไวรัส การรักษา ซึ่งตอนนี้ก็พยายามกันอย่างเต็มที่ รวมไปถึงวิธีการป้องกัน เช่น การจำกัดบริเวณของผู้ติดเชื้อ รณรงค์ให้คนล้างมือ ทำความสะอาด ฯลฯ แต่ในเมื่อใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่แล้ว แต่ไวรัสมันก็ยังไม่หายไปสักที มันจะมีวิธีอื่นๆที่นอกจากวิธีทางวิทยาศาสตร์อีกไหมที่จะช่วยให้ไวรัสหายไปโดยเร็ว หรือถึงแม้มันจะไม่ช่วยอะไร แต่อย่างน้อยก็ช่วยเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กันได้บ้าง !!
เราอาจจะเห็นข่าวการที่ไทยจะจัดให้มีการสวดมนต์ต้านโควิด-19 ซึ่งก็แน่นอนแหละว่ามีทั้งคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และมีคนตั้งข้อสงสัยมากมายว่ามันเป็นสิ่งที่รัฐควรทำในช่วงเวลาแบบนี้หรือไม่ อันนั้นเราจะไม่พูดถึง… เพราะวันนี้สิ่งที่ผมจะมาเล่านั้น ไม่ใช่เรื่องการสวดมนต์ต้านโควิด-19 ในไทยแต่อย่างใด แต่มันคือความเชื่อทางไสยศาสตร์ของทางฝั่งญี่ปุ่น ซึ่งกำลังเป็นที่ฮอตฮิตอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตของญี่ปุ่นตอนนี้
มาดูซิว่าพลังไสยศาสตร์ทางฝั่งญี่ปุ่นนั้นจะเป็นอย่างไร ?
ก่อนอื่นต้องขอบอก่อนว่านี่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งคนญี่ปุ่นก็มีทั้งคนที่มีความเชื่อนี้จริง ๆ แต่ส่วนใหญ่จะออกแนวทำกันขำ ๆ ตามกระแสกันซะมากกว่า ซึ่งกระแสนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ได้เป็นการนำทีมของรัฐบาล หรืออะไรที่เป็นทางการแต่อย่างใด
ความเชื่อนั้นก็คือความเชื่อในเรื่องของ
“ปิศาจอะมาบิเอะ” (アマビエ) ครับ
ปีศาจอะมาบิเอะคืออะไร ? คือเจ้าอะมาบิเอะนี่เป็นปีศาจหรือที่คนญี่ปุ่นเขาเรียกกันว่า “โยไค” ซึ่งก็แปลว่าภูตหรือปีศาจนี่แหละครับ โยไคของญี่ปุ่นนั้นก็มีทั้งดีทั้งไม่ดี อาจจะออกมาเพื่อหลอกมนุษย์ ทำให้เกิดสิ่งเลวร้ายขึ้น หรือออกมาเพื่อปกป้องมนุษย์ นำโชคลาภมาให้ก็เป็นได้
จุดเริ่มต้นของตำนานปีศาจโยไคต่าง ๆ ในญี่ปุ่นนั้น มันเริ่มมาจากการที่ในสมัยก่อน คนเราไม่สามารถเข้าใจปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติได้ ก็เลยพยายามที่จะหาบางสิ่งขึ้นมาในการอธิบายธรรมชาติ ว่าสิ่งแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นจริง ๆ มันก็เป็นฝีมือของปีศาจโยไค แม้ในปัจจุบันเราจะสามารถเข้าใจธรรมชาติได้มากขึ้นผ่านวิทยาศาสตร์ แต่ความเชื่อเรื่องของโยไคก็ไม่ได้หายไป แต่มันจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่า กลายเป็นอยู่ในรูปของศิลปะไปแทนมากกว่า
โดยเจ้าปีศาจโยไคที่ชื่ออะมาบิเอะนี้ หน้าตาเขาเหมือนจะคนผสมกับปลาครับ ถ้าพูดแบบนี้เราอาจจะนึกภาพว่าอะมาบิเอะหน้าตาน่ารัก ๆ เหมือนนางเงือก แบบมายลิตเติ้ลเมอร์เมดแบบนั้นรึเปล่า ?
เอ่อ…ไม่ใช่ครับ แม้จะเป็นคนผสมกับปลาเหมือนกันโดยมีส่วนล่างเป็นปลาและมีส่วนหัวที่เหมือนคน แต่สิ่งที่ต่างกับนางเงือกแสนสวยก็คืออะมาบิเอะดันมีปากเป็นจงอยแหลมซะอย่างนั้น แถมมีเกล็ดทั่วตัว ดูไปดูมาผมว่ามันเหมือนปลาผสมกับนกแก้วแล้วมีผมยาว ๆ มากกว่า
ซึ่งตามตำนานแล้วเขามีเรื่องเล่าว่ามีคนเคยพบอะมาบิเอะทางตอนใต้ของญี่ปุ่นในยุคเอโดะเมื่อปี 1846 โดยยามชายฝั่งได้เจอปีศาจอะมาบิเอะโผล่ขึ้นมาจากทะเลแล้วบอกกับเขาว่าจะเกิดความผิดปกติของผลผลิตทางการเกษตร และจะเกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้น และวิธีแก้ไขก็มีวิธีเดียวนั่นคือการให้วาดรูปของปีศาจอะมาบิเอะ แล้วแจกจ่ายไปทุก ๆ บ้าน ก็จะทำให้โรคระบาดนั้นหายไป พอพูดเสร็จเจ้าอะมาบิเอะก็มุดลงน้ำหายไป แล้วก็ไม่เคยมีใครพบอะมาบิเอะอีกเลย
มันก็กลายเป็นตำนานการเล่าขานกันว่า “เมื่อเกิดโรคระบาดขึ้น จงวาดรูปอะมาบิเอะแล้วส่งต่อ ๆ กัน จะทำให้โรคระบาดนั้นหายไป” ซึ่งก็เป็นความเชื่อที่สืบต่อกันมาผ่านทางตำนานปีศาจของคนญี่ปุ่น และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ตอนนี้มีคนญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งที่วาดรูปปีศาจอะมาบิเอะแล้วโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทั้งวาดเป็นรูป ทำเป็นพวงกุญแจ ทำเป็นลายบนกาแฟ ทำเป็นลายบนหน้ากากอนามัย ฯลฯ พร้อมติดแฮทแทค #アマビエ เพื่อหวังที่จะทำให้โรคระบาดโควิด-19 นั้นหมดไป
แน่นอนว่าก็ไม่ใช่ว่าคนที่วาดรูปอะมาบิเอะในตอนนี้เขาจะเชื่อเรื่องว่าอะมาบิเอะจะทำให้โรคระบาดหมดไปกันหัวปักหัวปำหรอกนะครับ ตอนนี้มันเหมือนกับเป็นกระแสมากกว่า เพราะช่วงนี้หลาย ๆ คนก็กักตัวเองอยู่กับบ้าน ทำงานผ่านทางออนไลน์เอา ซึ่งก็มีเวลาว่างกันเยอะอยู่แล้ว ประกอบกับคนญี่ปุ่นเขามีวัฒนธรรมการวาดรูปตัวการ์ตูนคาแรกเตอร์ที่เด่นชัดกันอยู่แล้ว ตอนนี้เลยกลายเป็นการประชันกันว่าใครจะออกแบบเจ้าปีศาจอะมาบิเอะออกมาได้น่ารักกว่ากัน เป็นเหมือนกิจกรรมที่นิยมทำกันในช่วงไวรัสระบาดแบบนี้
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าการวาดปีศาจอะมาบิเอะจะได้ผลมากน้อยขนาดไหน เพราะตอนนี้สถานการณ์ไวรัสของญี่ปุ่นก็ยังขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ทุกวัน แต่การวาดปีศาจอะมาบิเอะแล้วส่งต่อ ๆ กันก็เป็นกิจกรรมคลายเครียดที่ดีของชาวญี่ปุ่นในช่วงเกิดไวรัสระบาดนี้
ทว่าก่อนหน้านี้ เคยมีพลังไสยศาสตร์ที่เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนในญี่ปุ่นเกิดขึ้นเหมือนกันนะครับ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ช่วงสัปดาห์ก่อนที่ญี่ปุ่นเกิดวิกฤตคนแห่ไปกักตุนกระดาษชำระจนของขาดตลาด และมันขาดตลาดมากจนกระดาษชำระในห้องส้วมตามห้างร้านกลายเป็นของที่ถูกขโมยมากที่สุด ซึ่งบางที่ก็พยายามแก้ไขโดยการล่ามโซ่ ล็อคกุญแจ ติดป้ายเตือน แต่ก็ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จสักเท่าไร
จนกระทั่งเขาค้นพบวิธีหนึ่งที่คอนเฟิร์มมาว่าตั้งแต่เริ่มใช้วิธีนี้มา มันได้ผลถึง 100% คือไม่มีคนขโมยกระดาษชำระในห้องส้วมอีกต่อไป และวิธีนั้นก็คือการใช้ไสยศาสตร์นั่นเอง !!
โดยวิธีที่ว่านี่คือ เขาได้เขียนยันต์สาปแช่ง ให้คนที่ขโมยจะต้องพบแต่ความโชคร้าย พร้อมด้วยใส่ตัวอักษรที่สื่อถึงความหายนะและปีศาจลงไป ซึ่งแน่นอนว่าก็เป็นยันต์ที่เจ้าของเขาทำขึ้นเอง ไม่ได้ผ่านพิธีกรรมสาปแช่งจากหมอผีที่ไหนหรอก แต่มันกลับได้ผลอย่างเหลือเชื่อ ไม่มีใครกล้าขโมยกระดาษชำระในห้องส้วมอีกต่อไป
บางครั้งเมื่อเราได้ใช้พลังทางวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้แล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้ผล ไสยศาสตร์และพลังแห่งศรัทธาก็กลายมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แม้เราอาจจะมองมันเป็นเรื่องที่ไร้สาระและงมงาย แต่ในสถานการณ์แบบนี้มันก็กลายสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและกลายเป็นตัวจุดความหวังเล็ก ๆ ในใจของคนขึ้นมาในยามที่สิ้นหวัง เพราะไม่มีอะไรที่จะน่ากลัวไปกว่าการที่เราสิ้นหวังและหมดกำลังที่จะต่อสู้อีกแล้ว
ทั้งนี้ทั้งนั้นพลังแห่งศรัทธาแบบนี้นั้น ควรจะปล่อยให้เป็นเรื่องของภาคประชาชน ที่จะทำเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจกันเองตามความเชื่อของแต่ละคนมากกว่า เพราะถ้าหากภาครัฐ เจ้าหน้าที่ หรือคุณหมอ ซึ่งเป็นที่พึ่งของประชาชนหันมาบอกให้ประชาชนใช้วิธีแบบนี้ด้วย แทนที่จะสร้างความมั่นใจและเป็นความหวังให้กับประชาชนมันจะกลายเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนไปแทนน่ะสิครับ …
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
อ้างอิงข่าวจาก nishinippon,yahoonews
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook :Eak SummerSnow
Youtube : Eak SummerSnow
ความเห็น 57
suphotก๊วง
ความเชื้อห้ามกันไม่ได้คิดว้าดีก็ทำไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็จงทำ
09 พ.ค. 2563 เวลา 04.11 น.
ตุ๊ ศักดิ์
ตอนนี้ทางพระสงฆ์ก็ยังสวดมนต์" รัตนสูตร" เพื่อขจัดปัดเป่าภัยจากโรคระบาดกันอยู่น๊ะเขาไม่ได้ร่วมกันสวดอยู่ในโบสถ์น๊ะเขาจะสวดกันในที่โล่งแจ้งเช่นศาลาโล่งกว้างหรือลานธรรมที่กว้างโปร่งอากาศถ่ายเทได้ดีนั่งกับที่ห่างกันสองเมตรอย่างเช่นที่วัดสังฆทานจังหวัดนนทบุรีเขาก็มีสวดกันทุกคืน
09 พ.ค. 2563 เวลา 04.04 น.
คิดดูเจ็บต้องไป
25 เม.ย. 2563 เวลา 17.25 น.
พระพุทธองค์ท่านเป็นที่พึ่งทางใจของชาวพุทธค่ะ
24 มี.ค. 2563 เวลา 06.45 น.
B🌟nkK BoonthonG
พิษโควิด-19 จะทำให้หนังญี่ปุ่น ขาดตลอดหรือเปล่า.อิอิ
23 มี.ค. 2563 เวลา 06.16 น.
ดูทั้งหมด