ตอนนี้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย กลายเป็นปัญหาใหญ่ในบ้านเราเลยนะครับ มีข่าวทั้งการขาดแคลน การโก่งราคา ไปจนการกักตุน หนักที่สุดคือแม้แต่สถานที่ที่จำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยที่สุดอย่างโรงพยาบาลก็ยังขาดแคลน จนกระทั่งคุณหมอไม่มีหน้ากากอนามัยใช้กันแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดเมื่อไร
ที่ญี่ปุ่นเองก็ประสบกับปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยเช่นเดียวกับบ้านเราครับ เพียงแต่ว่าที่ญี่ปุ่นเริ่มขาดแคลนมาก่อนบ้านเราสักพักหนึ่ง แล้วก็ขาดแคลนหนักกว่าบ้านเรา
เนื่องจากปกติช่วงฤดูนี้ก็เป็นฤดูที่คนญี่ปุ่นสวมหน้ากากอนามัยกันเป็นปกติอยู่แล้วครับ แม้จะไม่เกิดโรคระบาดอะไร เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูหนาวไปสู่ฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ละอองเกสรของดอกไม้มันจะฟุ้งกระจายไปทั่วเมือง ทำให้คนญี่ปุ่นหลายคนที่มีอาการแพ้เกสรดอกไม้จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน
คนญี่ปุ่นก็มักที่จะออกมาซื้อหน้ากากอนามัยเพื่อตุนเอาไว้ก่อนจะถึงฤดูใบไม้ผลิในทุกปีอยู่แล้ว ปีนี้ก็เลยหนักเลย เพราะนอกจากคนญี่ปุ่นเองจะมีความต้องการใช้หน้ากากอนามัยมากในช่วงนี้แล้ว เหล่านักท่องเที่ยวจีนนี่แหละที่เป็นคนเหมาหน้ากากอนามัยในญี่ปุ่นไปจนหมดเกลี้ยงทุกร้านเพราะไวรัสนั้นเริ่มระบาดจากจีนมาก่อน
หลังจากนั้นก็เกิดปัญหาหน้ากากอนามัยขาดตลาดในญี่ปุ่นมาตลอด ผลิตมาเท่าไรก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ หลังจากที่หน้ากากอนามัยกลายเป็นของหายาก ญี่ปุ่นก็เจอปัญหาจนถูกเรียกว่าเป็นวิกฤตแห่งหน้ากากอนามัยกันเลยทีเดียว
ลองมาดูกันดีกว่าว่าเขาต้องเจอปัญหาอะไรกันบ้าง เหมือนหรือต่างกับบ้านเราอย่างไร แล้วเขาแก้ปัญหากันอย่างไร ?
ช่วงแรกที่หน้ากากอนามัยเริ่มขาดตลาด สิ่งแรกที่เป็นปัญหาเลยก็คือมีคนที่กักตุนหน้ากากแล้วเอาไปขายโก่งราคาในอินเทอร์เน็ต คือแม้ตามร้านจะยังคงขายในราคาปกติ แต่พอมันเริ่มหายากมากขึ้นจนหาซื้อลำบาก ก็เลยมีคนที่พยายามหากำไรจากจุดนี้
ตอนนั้นราคาพุ่งกระฉูดไปถึงราวกล่องละ 6,000 เยน (ประมาณ 1,800 บาท) และที่สำคัญคือ มันขายเกลี้ยงอีกด้วย แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก และมีการออกกฎหมายห้ามโก่งราคาขาย แต่คนที่เหมาไปขายในอินเทอร์เน็ตก็ใช้วิธีการหลีกเลี่ยงโดยการตั้งขายในราคาปกติ แต่บวกราคาส่งไปแบบแพงเวอร์ สุดท้ายก็คือแพงเท่าเดิม แล้วก็อ้างว่าไม่ได้โก่งราคาขายนะ ขายราคาปกติ (แต่ค่าส่งของแกเนี่ยไม่ปกติละเฟร้ย !!) ซึ่งรู้สึกว่าวิถีคนชั่วแบบนี้ก็จะถูกนำมาใช้ในไทยแบบเดียวกันเป๊ะเลย
ที่เริ่มหนักขึ้นก็คือในช่วงหลังนี้ ร้านค้าต่าง ๆ ในญี่ปุ่นก็หันมาร่วมโก่งราคากับเขาด้วย โดยเฉพาะข่าวที่ช็อกที่สุดก็คือร้านสะดวกซื้อชื่อดังร้านหนึ่งของญี่ปุ่นที่เปิด 24 ชั่วโมง ก็มีการวางขายหน้ากากอนามัยแบบโก่งราคานี้ด้วย ในราคาถึงกล่องละ 6,900 เยน (ประมาณ 2,000 บาท) นี่มันแพงกว่าราคาที่ไอ้คนชั่วเอาไปขายในอินเทอร์เน็ตอีกนะ กรณีนี้ก็ทำให้ร้านสะดวกซื้อต้องออกมาขอโทษขอโพยเป็นเรื่องเป็นราว และยุติการขายหน้ากากอนามัยนี้ไป แต่ก็ทำให้คนญี่ปุ่นเสียความรู้สึกไปไม่น้อย
ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้แก้ไขโดยการออกกฎหมายอย่างเด็ดขาด ห้ามนำหน้ากากอนามัยไปขายซ้ำไม่ว่าจะเอาไปเปิดท้ายขายของ หรือเอาไปขายออนไลน์โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะโก่งราคาหรือไม่ โดยเขากำลังจะพิจารณาเพิ่มโทษให้หนักขึ้น โทษสูงสุดจะอยู่ที่ปรับ 3 ล้านเยน (9 แสนบาท) และจำคุกถึง 5 ปี ซึ่งก็ทำให้พ่อค้าหัวใสในโลกออนไลน์เริ่มหัวเปื้อนเหงื่อแทนเพราะกักตุนของไว้แต่ขายไม่ได้
นอกจากนั้นก็มีข่าวช็อกวงการอีกครั้งเมื่อนาย ฮิโรยูกิ โมโรตะ นักการเมืองของญี่ปุ่น ที่ก็เอาหน้ากากอนามัยมาขายทำกำไรออนไลน์เช่นกัน โดยเขาทำกำไรได้มากถึง 8.9 ล้านเยน (2.7 ล้านบาท) ซึ่งแม้จะออกมาแถลงยอมรับผิด แต่ก็ไม่ได้ลาออก แล้วก็บอกว่าจะขอแก้ตัวโดยการนำผลกำไรที่ได้ไปใช้เพื่อช่วยต่อสู้กับไวรัสในพื้นที่ที่เขารับผิดชอบแทน ซึ่งก็สร้างเสียงวิจารณ์เชิงลบเป็นอย่างมาก
นอกจากเรื่องการขายเกินราคาแล้ว ญี่ปุ่นก็ยังเจอปัญหาอื่น ๆ เช่น ปัญหาความรุนแรงและอาชญากรรม มีการพบว่ามีการชกต่อยกันเพราะแซงคิวในการต่อแถวซื้อหน้ากากอนามัยกลางเมืองโยโกฮาม่า แต่คนที่ชกต่อยกันนั้นไม่ใช่คนญี่ปุ่นนะ เป็นกลุ่มคนจีนที่มารอต่อแถวซื้อหน้ากากอนามัยตั้งแต่ก่อนร้านเปิด
ที่หนักเลยก็คือพบว่ามีการขโมยหน้ากากอนามัยไปจากโรงพยาบาลหลายที่ เพราะว่าหน้ากากอนามัยที่ผลิตออกมาก็จะถูกส่งไปให้หน่วยงานสำคัญ ๆ เช่น โรงพยาบาลก่อน แล้วมันก็เลยกลายเป็นการชี้ช่องทางรวยให้กับหัวขโมยไปซะอย่างนั้น เพราะปกติหน้ากากเมื่อถูกนำมาส่งที่โรงพยาบาลก็จะถูกเอาไปเก็บไว้ในห้องเก็บอุปกรณ์ เวลาจะใช้ก็ค่อยเบิกออกมา แล้วก็ไม่ค่อยมีคนเฝ้าห้องเก็บอุปกรณ์นี้
ดังนั้นเจ้าหัวขโมยก็สามารถลอบขโมยหน้ากากไปอย่างง่ายดาย อย่างโรงพยาบาลที่โกเบ ได้ออกมาให้ข่าวว่าวันเดียวโดนขโมยไปถึง 4 กล่องใหญ่ ประมาณ 6 พันชิ้น ซึ่งถ้าคิดตามมูลค่าจริงก็ประมาณ 40,000 เยน แต่ถ้าเทียบราคาในอินเทอร์เน็ตที่เขากำลังขายและประมูลกัน เขาบอกว่ามูลค่ามันจะพุ่งขึ้นเป็น 10 เท่า หรือ 400,000 เยนเลยทีเดียว อืม..กะรวยเลยนะพวกแก (โจรมันขโมยไปก่อนที่จะมีกฎหมายห้ามขายซ้ำ)
สำหรับการแก้ไขปัญหานั้น แน่นอนว่าตอนนี้ญี่ปุ่นเองก็ยังแก้ไขปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยไม่ได้นะครับ แต่ก็มีแนวโน้มที่มันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีการเร่งกำลังการผลิตจากทั้งในและนอกประเทศ มีการเปลี่ยนโรงงานอื่น ๆ ให้เดินหน้าผลิตหน้ากากอนามัยอย่างเดียวโดยการสนับสนุนเงินจากรัฐบาล แล้วก็มีการแจกหน้ากากอนามัยส่งตรงถึงบ้านในเขตที่เกิดการระบาดของไวรัสมาก
ส่วนร้านค้าต่าง ๆ ก็ต้องปรับตัวเช่นกัน โดยการทยอยปล่อยสินค้าที่มาส่งออกมาเป็นช่วง ๆ ทำให้มีสินค้าตลอดทั้งวัน (แม้จะไม่เยอะ แต่ก็ทำให้คนรู้สึกว่ามันมาเรื่อย ๆ) ไม่จำเป็นต้องมารอซื้อสินค้าตั้งแต่ก่อนเปิดร้านอีกต่อไป แล้วก็มีขายแบบจำกัดจำนวนเพื่อป้องกันการกักตุน บางร้านเลือกใช้ยุทธวิธีถ้าซื้อชิ้นเดียวราคาปกติ แต่ถ้าซื้อ 2 ชิ้นราคาพุ่งไป 9,999 เยน (ประมาณ 3 พันบาท) เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าและกระจายหน้ากากอนามัยให้ถึงมือทุก ๆ คน
ท้ายที่สุดก็คือการปรับตัวของประชาชนนี่แหละครับ เป็นส่วนที่สำคัญมาก ๆ ตอนนี้เนื่องจากหน้ากากอนามัยหายาก คนญี่ปุ่นก็เลยพยายามปรับตัว มีการสอนการทำหน้ากากเอาไว้ใช้เอง แล้วเผยแพร่ลงในอินเทอร์เน็ต ทั้งหน้ากากผ้า หน้ากากถัก หรือแม้แต่หน้ากากที่ทำจากกระดาษทิชชู่
นอกจากนั้นก็มีการสอนการซักหน้ากากอนามัยเพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำ (จริง ๆ หน้ากากอนามัยไม่ควรใช้ซ้ำ แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็จำเป็นต้องทำอะนะ) บางคนก็สร้างสีสันด้วยการออกมาโชว์วิธีการทำหน้ากากอนามัยแบบแปลก ๆ เช่น นางแบบสาว ยูเมโนะ อาซาฮินะ ที่ออกมาสอนให้คนลองทำหน้ากากอนามัยจากบรา (เอาที่ไม่ใช้แล้วนะ !!) ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ผลในการป้องกันไวรัสมากน้อยแค่ไหน แต่ก็สร้างสีสันให้คนญี่ปุ่นที่กำลังเครียดเรื่องปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยพอสมควร
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตอนนี้คนที่มีหน้ากากอนามัยเพียงพอก็เริ่มทำการ “แบ่งปัน” หน้ากากอนามัยของตนให้กับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคนที่รู้จัก คนข้างบ้าน หรือคนแปลกหน้า บางทีก็แจกให้กับลูกค้า ส่งไปพร้อมกับสินค้าอื่น ๆ ที่สั่งซื้อทางไปรษณีย์
การแบ่งปันหน้ากากอนามัยนั้น นอกจากจะเป็นการกระจายหน้ากากอนามัยไปให้คนที่ต้องการแล้ว ยังเป็นการลดความตื่นตระหนกในการกักตุนหน้ากากอนามัยลง ว่าตอนนี้มันไม่ใช่ของหายากนะ ตอนนี้เขาเริ่มเอามาแจกฟรีกันแล้ว ในขณะที่หน้ากากอนามัยที่ผลิตขึ้นมาใหม่ก็ทยอยเข้าสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะทำให้สถานการณ์นั้นผ่อนคลายลง
จะเห็นว่าสถานการณ์การขาดแคลนหน้ากากอนามัยในประเทศญี่ปุ่นก็มีความวิกฤตไม่แพ้บ้านเรา มีบางส่วนที่เหมือนกันและบางส่วนก็ต่างกัน ได้แต่หวังว่าสถานการณ์วิกฤตนี้จะผ่านพ้นไปจากโลกใบนี้ได้โดยเร็วนะครับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาที่วิกฤตก็คือการร่วมมือกันของทุก ๆ คน และการแบ่งปันน้ำใจให้กับผู้อื่น
เพราะบางทีสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็ไม่ใช่ไวรัส แต่มันคือคนเราด้วยกันเองนี่แหละ …
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ข่าวอ้างอิง: NHK NEWS, Livedoor News, Tele Asa News
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook: Eak SummerSnow
Youtube: Eak SummerSnow
ความเห็น 42
เมืองไทยเอือประโยชน์ให้คนรวย
คนจนตายเกลี้ยง
คนจนไม่มีเงินไปกักตุนอาหาร
ถ้ารัฐบาลยังเห็นใจ
ไม่สมควรประกาศเคอร์ฟิวส์
24 มี.ค. 2563 เวลา 07.01 น.
มาฆะ😇🙏🍻🎉✨
ทำหน้ากากได้ประหยัดโดยรีไซเคิ้ลน่าสรรเสริญนะจ้ะ สะสมแคลเซียมตั้งแต่ยังเด็ดดีกว่าทำในวัยชรา แคลเซียมหายากควรระวังในการกินให้ดี ขับปัสสาวะอย่าไปกินจ้ะ แคลเซียมแต่ละนามสกุลมีประสิทธิภาพต่างกันนะจ๊ะหล่อน
Calcium Carbonate ดูดซึมได้ 10% ท้องอืด ท้องผูก
Calcium Citrate ดูดซึมได้ 50% ต้องกินพร้อมอาหารได้ต่อเมื่อมีกรดในกระเพาะ
Calcium L Threonate ดูดซึมได้ 90% กินตอนท้องว่างได้ ดูรายละเอียดเรื่อง หาในกูเกิ้ลคำว่า "แคลเซียม" จากเว็ป https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/calcium
15 มี.ค. 2563 เวลา 23.49 น.
ตุ้ม
มาๆๆๆๆๆที่ไทยมีเยอะ เราชอบขายให้ต่างประเทศ คนไทยไม่มีช่างมัน สัตว์เอ๊ยยยย
15 มี.ค. 2563 เวลา 02.42 น.
Yuttana 京介 山村
รัฐควรเข้ามาควบคุมโรงงานการผลิต การจัดจำหน่าย โควต้าการซื้อขาย ห้ามขายเกินราคาอย่างจริงจัง ห้ามซื้อเกิน 1 แพคต่อครั้งต่อคน งดจำหน่ายให้นายหน้า
มันจะไปยากอะไร ถ้ารัฐจะทำ แต่มันจงใจที่จะไม่แก้ปัญหานี้ เพราะมัวกอบโกยผลประโยชน์แค่นั้นละ
*** ลำดับความสำคัญหน่อยสิวะ ปกป้องประชาชนก่อน
ไม่ใช่มัวแต่ปกป้องผลประโยชน์ และฐานอำนาจของตัวเอง (รัฐบานเฮงซวยในรอบร้อยล้านปีอย่างเค้าว่าจริงๆ(ล))
14 มี.ค. 2563 เวลา 22.05 น.
©️emet.🧐
โคตรเหมือน
ต้องช่วยกัน อย่าส่งเสริมให้สินค้าพวกนี้แพง
โดยการหันไปใช้อย่างอื่นทดแทน
ให้คนจำเป็นต้องใช้อย่างมากจริงๆ ใช้ก่อน
ส่วนตัวไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ ใช้ปกติเกือบทุกวันอยู่แล้ว
ซื้อตุนก่อนไวรัสระบาด จากกล่องละ80
ดูตอนนี้สิ ซื้อไม่ลง
ถ้าหมดที่ตุนไว้ ก็หน้ากากผ้านี่แหล่ะ
ที่สำคัญคือ พฤติกรรมอนามัยส่วนตัวที่ดีควบคู่กันไป
14 มี.ค. 2563 เวลา 15.59 น.
ดูทั้งหมด