'มาตรา 865' การเปิดเผยความจริงและสิ่งที่ต้องเข้าใจก่อนตกลงทำประกันภัยทางโทรศัพท์ - ท่านประธาน
หลายท่านเคยรับสายจากเบอร์ไม่คุ้นเคย เมื่อรับสายจึงทราบว่า ท่านได้รับข้อเสนอทำประกันภัย การทำประกันภัยเป็นการลงทุนบริหารความเสี่ยงสำหรับชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยสุดวิสัย ประกันภัยมีหลายประเภทซึ่งผู้จะทำประกันภัยสามารถเลือกตามความจำเป็นหรือตามทุนประกันและสิทธิประโยชน์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ทางภาษี การคุ้มครองชีวิต การจ่ายค่ารักษาพยาบาล การได้รับเงินชดเชยกรณีขาดงาน หรือเป็นการสะสมทรัพย์ ซึ่งวิธีการซื้อประกันภัยสามารถซื้อผ่านตัวแทนโดยตรง ซื้อออนไลน์ด้วยตัวเอง และผ่านตัวแทนขายผ่านทางโทรศัพท์ (Telesale) โดยเฉพาะการขายผ่านทางโทรศัพท์ บางท่านปฏิเสธทันที บางท่านอาจบอกว่าติดงาน ติดประชุม หรือไม่สะดวกรับสาย สำหรับบางท่านตอบ “ตกลงทำประกัน” เสร็จแล้ว จากนั้นหน้าที่ต่อไปของตัวแทนขายประกันภัย คือ การอ่านเงื่อนไขยาว ๆ หลายข้ออย่างรวดเร็ว จนฟังแทบไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ถ้าตั้งใจฟังดี ๆ จะได้ยินตัวแทนขายประกันอ้างถึงมาตรา 865 ซึ่งหลายคนไม่รู้เลยว่าคืออะไร
มาตรา 865 เป็นกฎหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยการประกันภัย บัญญัติว่า “ถ้าในเวลาทำสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยก็ดี หรือในกรณีประกันชีวิต บุคคลอันการใช้เงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของเขานั้นก็ดี รู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา หรือว่ารู้อยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเป็นโมฆียะ” สิ่งที่บัญญัติไว้เป็นภาษากฎหมายอาจเข้าใจไม่ง่ายนัก แต่สาระสำคัญของมาตราที่ท่านต้องเข้าใจ คือ “การเปิดเผยข้อความจริง”
“การเปิดเผยข้อความจริง” หมายถึง ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจตกลงทำประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันใด ๆ ท่านต้องไม่จงใจปกปิดหรือไม่บอกความจริง เช่น การทำประกันสุขภาพ ตัวแทนจะถามคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน เช่น โรคหรือเคยเป็นโรคที่ห้ามให้รับประกันภัยหรือไม่ เคยได้รับการผ่าตัดหรือไม่ มีโรคประจำตัวอะไร ท่านมีหน้าที่ต้องแถลงหรือบอกความจริงของสุขภาพของท่านโดยละเอียด ไม่ใช่ว่าขณะที่จะทำประกัน ท่านรู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคหรือกำลังป่วย จึงต้องการจะทำประกันสุขภาพเพื่อหวังสิทธิประโยชน์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง
เหตุใดที่ผู้ทำประกันไม่ต้องการบอกความจริง อาจมีสาเหตุสำคัญ 3 ประเด็น คือ
1) ผู้ทำประกันเกรงว่าถ้าบริษัทรับทำประกันทราบความจริง จะไม่รับทำประกันภัย
2) ผู้ทำประกันเกรงว่าถ้าบริษัทรับทำประกันทราบความจริง จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยสูง และ
3) ผู้ทำประกันภัยหวังจะได้สิทธิและผลประโยน์จากการทำประกันภัย
หากตรวจสอบได้ภายหลังว่าท่านไม่เปิดเผยความจริง การทำประกันภัยทั้งหมดจะถือว่าเสมือนไม่เคยเกิดขึ้น แสดงถึงความไม่สุจริตใจของผู้จะทำประกันภัย ในทางกลับกัน ท่านอาจมีอาการเจ็บป่วยมาก่อนแล้วแต่ท่านไม่ได้ทราบเพราะยังไม่เคยตรวจสุขภาพ แต่เมื่อทำประกันแล้วเกิดอาการป่วยขึ้นก็ถือได้ว่าไม่ได้ปิดปังอาการป่วยของตนเอง อย่างไรก็ดี การตีความหมายของการเปิดเผยความจริงในหลายกรณีอาจไม่สามารถตัดสินกันได้ จึงจำเป็นต้องนำขึ้นพิสูจน์ในชั้นศาลก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง
ฉะนั้น สิ่งควรต้องพิจารณาเมื่อต้องตกลงทำประกันภัยทางโทรศัพท์
1. ท่านพร้อมจะเปิดเผยความจริงและไม่ปกปิด เช่น อาการหรือประวัติการเจ็บป่วย ท่านควรเล่าอาการป่วยอย่างละเอียด
2. ตัวแทนขายผ่านทางโทรศัพท์จะพูดเร็ว ตั้งแต่บอกชื่อ-นามสกุล และรหัสตัวแทนประกันภัย หากฟังไม่ทัน ท่านสามารถขอให้ตัวแทนขายพูดทวนช้า ๆ ชัด ๆ อีกครั้งก็ได้
3. หากตกลงทำประกัน ตัวแทนขายจะอ่านสคริปเงื่อนไขการรับประกันภัยอย่างเร็ว ถ้าฟังไม่ทันหรือไม่เข้าใจ ท่านต้องถามและขอให้พูดทวนช้า ๆ ชัด ๆ ก็ได้เช่นกัน
4. หากฟังข้อเสนอหรือเงื่อนไขแล้ว ยังไม่เข้าใจและอยากจะใช้เวลาตัดสินใจ ท่านสามารถบอกให้ตัวแทนโทรมาในวันอื่นก็ได้
อย่างไรก็ตาม ท่านต้องรู้ด้วยว่า ระหว่างที่ท่านสนทนากับตัวแทนประกันภัย เสียงของท่านจะถูกบันทึกไว้ “เพื่อการปรับปรุงการบริการ” จึงขอแนะนำให้ท่านต้องพูดคุยอย่างสุภาพ พูดคุยสอบถามอย่างละเอียด ไม่เข้าใจตรงไหนให้ถาม เพราะเสียงที่บันทึกไว้จะเป็นประโยชน์ต่อท่าน “เพื่อการปรับปรุงบริการ” ที่จะได้รับจากการตกลงทำประกันภัยทางโทรศัพท์ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการทำประกันภัยที่เป็นธรรมต่อผู้จะทำประกันภัยและผู้รับประกันภัย
ที่มาของข้อมูลและภาพ
* สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.). “ปพพ.มาตรา865”. เข้าถึงได้จาก [https://www.oic.or.th/th/consumer/question/ปพพ.มาตรา86]
* Money Hub. “รู้ก่อนซื้อ ! ลูกตื้อ ขายประกันทางโทรศัพท์”. เข้าถึงได้จาก [https://moneyhub.in.th/article/ insurance-tele-sale/]