โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ธุรกิจขนส่งทางอากาศไทย ดาวเด่น ปี67 โต 22% กำไรงาม 5.64 หมื่นล้าน

MATICHON ONLINE

อัพเดต 26 เม.ย. เวลา 07.49 น. • เผยแพร่ 26 เม.ย. เวลา 07.47 น.
Industrial port and container yard

ธุรกิจขนส่งทางอากาศไทยดาวเด่น ปี67 โต 22% กำไรงาม 5.64 หมื่นล้าน

วันที่ 26 เมษายน นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปี 2568 นับเป็นปีทองของธุรกิจการขนส่งทางอากาศไทย ทั้งในแง่ของผลประกอบการและผลกำไรที่ผ่านมา และคาดว่าปี 2568 นี้ จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์อุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศโลก ที่คาดว่าปี 2568 จะมีรายได้รวมทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลกำไรรวมประมาณ 3.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนผู้โดยสารเกินกว่า 5.2 พันล้านคน และปริมาณขนส่งสินค้าทางอากาศจะสูงถึง 72.5 ล้านต้น ส่งผลให้ปี 2568 ธุรกิจการขนส่งทางอากาศเป็นธุรกิจดาวเด่นทั้งของไทยและของโลก และคาดว่าจะมีอัตราการแข่งขันทางการตลาดที่สูงเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับประเทศไทย ธุรกิจการขนส่งทางอากาศเป็นธุรกิจที่มีผู้เล่นในตลาดน้อยราย เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง อีกทั้งต้องมีการรักษาคุณภาพการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐานการบินโลก ส่งผลให้แต่ละปีมีจำนวนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ยังไม่มากนัก ปี 2565 จัดตั้งนิติบุคคลใหม่ 4 ราย ทุนจดทะเบียน 12.00 ล้านบาท ปี 2566 จัดตั้ง 9 ราย (เพิ่มขึ้น 5 ราย หรือ 125%) ทุน 411.25 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 399.25 ล้านบาท หรือ 3,327.09%) ปี 2567 จัดตั้ง 7 ราย (ลดลง 2 ราย หรือ 22.23%) ทุน 7.60 ล้านบาท (ลดลง 403.65 ล้านบาท หรือ 98.15%) ปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) จัดตั้ง 1 ราย ทุนจดทะเบียน 2 แสนบาท ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจการขนส่งทางอากาศของไทยมีมูลค่ารวม 7,146.35 ล้านบาท คิดเป็น 13.36% ของการลงทุนทั้งหมดในธุรกิจฯ ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 3 อันดับแรก ได้แก่ จีน ลงทุน 215.16 ล้านบาท สวิส 206.25 ล้านบาท และ มาเลเซีย 204.62 ล้านบาท

นางอรมน กล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการรวมของธุรกิจฯ เฉลี่ย 3 ปี (2564 – 2566) อยู่ที่ 268,962.45 ล้านบาท และผลกำไรรวมเฉลี่ย 3 ปี อยู่ที่ 56,424.87 ล้านบาท แบ่งเป็น ปี 2564 ผลประกอบการรวมทั้งธุรกิจ 190,058.05 ล้านบาท ผลกำไรรวมทั้งธุรกิจ 69,578.07 ล้านบาท ปี 2565 ผลประกอบการรวม 245,459.82 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 55,401.77 ล้านบาท หรือ 29.15%) ผลกำไรรวม 25,836.18 ล้านบาท (ลดลง 43,741.89 ล้านบาท หรือ 62.87%) และ ปี 2566 ผลประกอบการรวม 371,369.48 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 125,909.66 ล้านบาท หรือ 51.30%) ผลกำไรรวม 73,860.34 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 48,024.16 ล้านบาท หรือ 185.88%) สะท้อนศักยภาพและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการขนส่งทางอากาศที่กลับมาฟื้นตัวหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563 ที่ทำให้การขนส่งผู้โดยสารชะลอตัว ขณะเดียวกัน ธุรกิจ e-Commerce ก็มีส่วนช่วยให้การขนส่งสินค้าทางอากาศได้รับความนิยมและขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ในช่วงเวลานั้นเช่นเดียวกัน

ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจการขนส่งทางอากาศ จำนวน 141 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 53,498.83 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ บริษัทจำกัด 128 ราย (90.78%) ทุน 10,365.13 ล้านบาท (19.38%) ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วน 9 ราย (6.38%) ทุน 17.26 ล้านบาท (0.04%) และ บริษัทมหาชนจำกัด 4 ราย (2.84%) ทุน 43,116.45 ล้านบาท (80.58%)

ข้อมูลของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พบว่า ปี 2567 ไทยมีจำนวนผู้โดยสารเดินทางทางอากาศรวม 141 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2566 (ปี 2566 จำนวนผู้โดยสาร 122 ล้านคน) มีเที่ยวบินรวม 886,438 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปี 2566 และปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศอยู่ที่ 1.51 ล้านตัน เพิ่มขึ้นกว่า 22% (ปี 2566 ปริมาณขนส่งทางอากาศ 1.24 ล้านตัน) ทั้งนี้ การขยายตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเปิดประเทศ การยกเว้นวีซ่าในหลายประเทศ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และแรงผลักจากตลาด e-Commerce

ธุรกิจการขนส่งทางอากาศเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศทั้งด้านการเดินทางและการขนส่งสินค้า โดยไทยได้ตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางทางการบินระดับภูมิภาค และมีศักยภาพก้าวขึ้นอันดับที่ 9 ของตลาดการบินโลก ภายในปี 2576 (ปัจจุบันไทยอยู่ในอันดับที่ 19 ของตลาดการบินโลก) โดย SCB EIC มองว่าปัจจัยที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยมีโอกาสก้าวสู่การเป็นผู้นำหรือศูนย์กลางทางการบินระดับภูมิภาค ประกอบด้วย1. ประสิทธิภาพในการให้บริการและการเชื่อมต่อของสนามบิน โดยภาครัฐและเอกชนต้องทำงานร่วมกัน ควบคู่การนำเทคโนโลยีมายกระดับการให้บริการและลดต้นทุน 2. ความเข้มแข็งของสายการบินสัญชาติไทย พบว่า สนามบินที่มีการเชื่อมต่อระหว่างประเทศมากที่สุด 10 อันดับแรกของโลก พึ่งพาสายการบินหลักของประเทศประมาณ 50% ขณะที่ไทยยังพึ่งพาไม่มากและยังขาดเที่ยวบินตรงไปยังหลายจุดหมายปลายทางที่สำคัญของโลก

3. ความต่อเนื่องในการพัฒนาสนามบินและโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่ง เพื่อปลดล็อคขีดจำกัดในการให้บริการของสนามบินไทยที่ค่อนข้างหนาแน่น4. การสร้างฮับการบินที่โดดเด่นด้าน ESG อาจเริ่มจากการเสนอบริการที่รองรับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมหรือแผนการลดก๊าซเรือนกระจกที่เข้มงวดมากขึ้น และหาโอกาสจากค่าชดเชยคาร์บอนที่สายการบินต้องจ่าย 5. การเพิ่มความยืดหยุ่นเพื่อรองรับความเสี่ยงจากปัญหา Disruption ที่สูงขึ้น เช่น การออกแบบฮับการบินที่มีเครือข่ายการทำงานร่วมกันระหว่างสนามบินหลายแห่งและระหว่างสายการบิน โดยให้ความสำคัญของการบินแบบ Point-to-Point และขยายการขนส่งสินค้าทางอากาศ

ทั้งนี้ ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางวิ่งสนามบิน ระบบการจราจรทางอากาศ และภาคเอกชนมีบทบาทด้านการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง 2 ภาคส่วนต้องร่วมกันเสริมแกร่งสายการบินสัญชาติไทย การขยายเครือข่ายเที่ยวบินตรง และการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มขีดความสามารถ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและการทำงานร่วมกันอย่างแน่นแฟ้นเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด และสร้างความยั่งยืนให้อุตสาหกรรมขนส่งทางอากาศของไทย ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน เช่น ต้นทุนการบินที่เพิ่มสูงขึ้นที่ภาคธุรกิจต้องควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของราคาน้ำมัน และภาษีศุลกากรของประเทศมหาอำนาจ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ธุรกิจการบินไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” นางอรมน กล่าว

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ธุรกิจขนส่งทางอากาศไทย ดาวเด่น ปี67 โต 22% กำไรงาม 5.64 หมื่นล้าน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...