นายวาริน รัชนานุสรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เปิดเผยว่า ดีป้ามีนโยบายเข้าไปสนับสนุน เทคสตาร์ทอัพของไทย ให้สามารถเติบโตในตลาดโลกได้ ซึ่งเริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการในปี 61 จนถึงปัจจุบัน ได้สนับสนุน เทคสตาร์ทอัพไทย ไปแล้วกว่า 200 ราย ด้วยการลงทุนรวมกว่า 1,500 ล้านบาท สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 15,000 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ระบบนิเวศหรือวงการสตาร์ทอัพของไทยจะชะลอตัวลงไปบ้าง
โดยล่าสุดได้สนับสนุนสตาร์ทอัพในระดับ ไอเดีย สเทจ หรือเริ่มมีแนวคิดธุรกิจ ถือเป็นการกลับมาสนุนในรอบ 8 ปี ตั้งเป้าหมายเฟ้นหาไอเดียใหม่ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ ผ่านการให้ทุน 200,000 บาทต่อราย จำนวน 200 รายทั่วประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพหน้าใหม่ได้แจ้งเกิด พร้อมกลไกสนับสนุนครอบคลุมทุกระยะ เพื่อบ่มเพาะและผลักดันสตาร์ทอัพไทยให้มีศักยภาพแข่งขันในระดับสากล
“จากข้อมูลของ สตาร์ทอัพ จีโนมี่ ปัจจุบันประเทศไทยถูกจัดอันดับระบบนิเวศสตาร์ทอัพอยู่ที่ 54 ของโลก ลดลงจากอันดับ 52 ในปีก่อนหน้า สวนทางกับเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่ยังไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เวียดนามจะอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าไทย แต่แนวโน้มกลับเติบโตขึ้น ขณะที่ไทยกำลังตกลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยกำลังเสียพื้นที่การแข่งขันในระดับภูมิภาค”
นายวาริน กล่าวต่อว่า ปัญหาหลักที่สตาร์ทอัพไทยเผชิญอยู่มีหลายเรื่อง แต่สำคัญคือแนวโน้มการลงทุนจากนักลงทุนร่วมทุน หรือ วีซี ทั้งของไทยและจากต่างประเทศ ที่ลดลงตามกระแสโลก และปัจจุบันส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนเฉพาะเทคสตาร์ทอัพ ที่มีรายได้หรือกำไรแล้ว ส่งผลให้กลุ่มเทคสตาร์ทอัพ ในระยะตั้งต้น ที่ยังไม่มีรายได้จึงถูกมองข้ามไป อีกทั้งรูปแบบของธุรกิจสตาร์ทอัพยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมได้ง่ายนัก เพราะเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ขณะที่โปรแกรมบ่มเพาะเร่งการเติบโต และการแข่งขันเชิงนวัตกรรม ได้หายไปตั้งแต่ช่วงเกิดโควิด-19 ระบาด เพิ่งเริ่มกลับมามีการจัดโครงการ หลังสถานการณ์โลกเริ่มคลี่คลาย.