โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ถึงเวลาของ “หมามะม่วง” สัตว์เลี้ยง (?) น่ารัก ที่วัยรุ่นจีนแสนเลิฟ

นิตยสารคิด

อัพเดต 21 ส.ค. 2566 เวลา 21.39 น. • เผยแพร่ 21 ส.ค. 2566 เวลา 21.39 น.
exotic-pets-cover

เมื่อพูดถึง “สัตว์เลี้ยง” ทุกคนนึกถึงอะไร? หากคิดแบบง่าย ๆ เราก็อาจจะเห็นภาพของหมา แมว ปลา หนูแฮมสเตอร์ กระต่าย หรือไม่ก็อาจจะเป็นสัตว์ในฟาร์มอย่างเป็ดและไก่ หรือหากจะมองย้อนไปในช่วงหลัง ๆ มานี้ เราอาจจะเห็นสัตว์เลี้ยงที่ดูแปลกตาตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ มากขึ้น เช่น สัตว์เลี้ยงประเภท exotic pets อย่างงู กิ้งก่า เต่า แร็กคูน ลิง รวมไปถึงหมามะพร้าวอย่างคาปิบาร่าที่กำลังเป็นที่สนใจ แต่หากจะพูดถึงเทรนด์สัตว์เลี้ยงที่กำลังมาแรงในหมู่วัยรุ่นจีนจนหมามะพร้าวต้องชิดซ้ายแล้วล่ะก็ คงจะหนีไม่พ้น “หมามะม่วง” สัตว์เลี้ยงแนวใหม่ที่หลายคนตกหลุมรัก

SCMP composite/ST Headline

“เม็ดมะม่วง” เลี้ยงง่าย ไม่วายป่วง
กระแสของการเลี้ยงเม็ดมะม่วงกลายเป็นที่ฮือฮาในจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อสื่อออนไลน์ได้นำเสนอเรื่องของเทรนด์ดังกล่าวช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยสัตว์เลี้ยงเม็ดมะม่วง หรือที่หลายคนเรียกว่า “หมามะม่วง” นั้น คือสัตว์เลี้ยงรูปแบบใหม่ที่มีลักษณะขนนุ่มฟู ตัวเล็ก ๆ คล้ายกับแฮมสเตอร์ในแบบที่ราคาถูกกว่าและดูแลง่ายกว่า

เทรนด์ที่แสนแปลกประหลาดนี้อาจเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากกระแสของนักศึกษาในมหา’ลัยในช่วงปีก่อนที่พิชิตความเหงาด้วย “สัตว์เลี้ยงที่ทำมาจากกระดาษแข็ง” เนื่องด้วยในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมานักศึกษาต้องเผชิญกับมาตรการปิดเมือง ที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถออกนอกวิทยาเขตได้เป็นเวลานาน การสร้างหมาหรือแมวจากกระดาษแข็งขึ้นจึงนับเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยปลอบประโลมจิตใจตัวเอง “สุนัขกระดาษไม่มีวันแก่หรือป่วย และพวกมันจะมารอฉันที่ประตูเสมอ” นักศึกษาคนหนึ่งแสดงความเห็น สัตว์เลี้ยงกระดาษเหล่านี้จะได้รับการดูแลเหมือนกับสัตว์ที่มีชีวิตจิตใจ ทั้งการพาไปเดินเล่นและพบปะเพื่อน ๆ ซึ่งก็กลายเป็นอีกกิจกรรมที่ทำให้คนในละแวกได้มาพูดคุยกัน ทั้งนี้อีกกระแสหนึ่งก็กล่าวว่าเจ้าหมามะม่วงนี้ทำให้นึกถึงอีกเทรนด์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนที่ผู้คนได้นำเม็ดมะม่วงมาทำเป็นที่ติดผมเช่นกัน

วิธีการให้กำเนิดหมามะม่วงเริ่มตั้งแต่การหาเม็ดมะม่วงพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุด จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการนำเม็ดมะม่วงนั้นมาล้างและขัดด้วยแปรงสีฟันให้สะอาดจนกว่าเนื้อมะม่วงจะหลุดไปจนหมด แล้วจึงนำไปตากแดดหรือใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งสนิทเพื่อกันเชื้อรา ก่อนที่เจ้าของจะหาวิธีการดูแลเจ้าหมามะม่วงของตนเองให้มีสุขภาพดีในแบบที่ต่างกันออกไป และบ้างก็มีการซื้อลูกตาปลอม ๆ มาติดเพื่อทำให้หมามะม่วงของตนมีหน้าตาเช่นกัน

หลิว นักศึกษาวัย 19 ปี คือหนึ่งในเจ้าของหมามะม่วง ซึ่งไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสอง! เธอเริ่มฟูมฟัก Da Mao (ขนฟู 1) และ Er Mao (ขนฟู 2) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และได้เขียนไดอารี่เกี่ยวกับทั้งคู่เผยแพร่บนแพลตฟอร์มออนไลน์แล้วกว่า 11 หน้า โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับพัฒนาการการเติบโตของเจ้าหมามะม่วงทั้งสอง เช่น ผิวสัมผัสที่เปลี่ยนไปของเส้นขน แผนผังการเปลี่ยนแปลงของสีเม็ดมะม่วงจากสีเหลืองสู่สีขาว รวมถึงพัฒนาการและรายละเอียดการเปลี่ยนขนที่แห้งกรังแทงมือให้กลายเป็นขนฟู ๆ ที่ลูบเล่นได้จากการใช้เจลว่านหางจระเข้ทาที่เมล็ด ในขณะที่เซียวเหมิงผู้เลี้ยงหมามะม่วงอีกคนมักจะใช้ไดร์เป่าผมไปพร้อม ๆ กับการหวีเจ้าหมามะม่วงน้อยเพื่อให้ขนนุ่มฟู ซึ่งเคล็ดลับและเรื่องราวเหล่านี้บ้างก็มีการแชร์กันอย่างกว้างขวางในชุมชนออนไลน์ พร้อมรูปถ่ายเพื่อโชว์ “ลูก ๆ” ของตนไม่ต่างจากชุมชนสัตว์เลี้ยงอื่น

สำหรับเจ้าของหมามะม่วงแล้ว พวกเขามองมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ให้ความสุขและความสบายใจไม่ต่างกับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ทั้งแต่ละตัวยังมีเรื่องราวและเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของและคนรอบข้างเป็นผู้เติมแต่งเพื่อให้สัตว์เลี้ยงของเขาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Da Mao และ Er Mao ที่หลิวได้กำหนดตัวตนของทั้งคู่ให้เป็นเพศหญิงน่ารัก และผู้คนในโลกออนไลน์ที่สถาปนาตัวเองเป็น “ป้า ๆ” ของเด็ก ๆ ก็ยังแยกสองสาวนี้ผ่านบุคลิกลักษณะนิสัยได้ด้วย “ฉันว่า Da Mao ดูเงียบ ๆ กว่า ส่วน Er Mao เหมือนจะมีบุคลิกที่มีชีวิตชีวา” พวกเขากล่าว

หลังจากที่เรื่องราวของหมามะม่วงได้เผยแพร่ออกไป นอกจากความห่วงใยว่าเทรนด์ที่เกิดขึ้นอาจสะท้อนปัญหาภายในจิตใจบางอย่างของผู้คน ก็ยังมีกระแสตอบรับที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย หลายคนที่เห็นและเอ็นดูก็รู้สึกว่าการเลี้ยงเจ้าหมามะม่วงนี้เป็นความคิดที่ดี เนื่องจากเราไม่ต้องคอยหาข้าวหาน้ำ หาที่หลับที่นอน หาที่ขับถ่าย หรือพาไปออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังเป็นสัตว์ที่สามารถพกพาไปในที่สาธารณะได้ทุกที่และนำกลับบ้านหลังจากเรียนจบได้ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณหมาแมวถูกทิ้งหลังจากเรียนจบลงไปมาก หากแต่ก็มีความเห็นในเชิงลบเกิดขึ้นด้วย เช่น “เจนซีดูท่าจะไม่มีหวังแล้ว” หรือ “เสียเวลา ทำไมไม่เอาเวลาไปคุยเล่นกับคนอื่นหรือออกกำลังกาย” กระนั้นก็มีคนอีกมากที่เข้ามาปกป้องเหล่าเจ้าของหมามะม่วง เช่นที่คอมเมนต์หนึ่งเขียนว่า “นี่เป็นกิจกรรมที่เฮลธี เพราะมันช่วยให้เด็ก ๆ เครียดน้อยลง… เอาเวลามาดูแลเม็ดมะม่วงก็คงดีกว่านั่งจ้องโทรศัพท์ทั้งวัน” และ “มันก็ดีกว่าการที่นักเรียนที่โดดเดี่ยวละเลยหรือทำร้ายสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตไม่ใช่เหรอ” พร้อมกับความเห็นที่ว่าในท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็ควรที่จะเคารพความชอบของกันและกัน

amazon.com

“Pet Rock” ผู้ใช้การเล่าสร้างเรื่อง
แต่ก็ใช่ว่ามนุษย์เราจะเพิ่งเคยเลี้ยงสิ่งที่ไม่มีชีวิตเสียเมื่อไร เมื่อ “Pet Rock” หรือการเลี้ยงก้อนหินเคยเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่ขายดีจน แกรี่ ดาห์ล นักเขียนคำโฆษณาผู้เป็นเจ้าของไอเดียสามารถพลิกชีวิตเป็นมหาเศรษฐีได้เลยทีเดียว จุดเริ่มต้นของ Pet Rock เกิดขึ้นในวงสนทนาเมื่อดาห์ลและเพื่อน ๆ กำลังคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของสัตว์เลี้ยงที่เต็มไปด้วย pain point ทั้งเรื่องพฤติกรรมสัตว์ที่ชอบทำลายข้าวของ ไหนจะเรื่องของการดูแลเอาใจใส่ เช่น เรื่องอาหารการกิน การทำความสะอาด หรือการพาไปเดินเล่น ที่จะต้องมีให้อย่างสม่ำเสมอ ในขณะนั้นเอง ดาห์ล ก็บอกออกไปว่า เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอะไรพวกนั้นเลย เพราะสัตว์เลี้ยงของเขาคือก้อนหิน!

ดาห์ล ใช้ทักษะการเขียนที่เขาถนัด สร้างเรื่องราวให้ก้อนหินธรรมดา กลายเป็นก้อนหินธรรมดาที่แสนพิเศษ ผ่านคู่มือสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว เช่น ที่มาของหินที่อาจมีบรรพบุรุษเป็นหินที่มีชื่อเสียงเช่นพีระมิด การฝึกให้มันมาหา (ซึ่งจบที่เราก้าวไปหา) หรือการสอนให้โจมตีคนแปลกหน้า (ด้วยความช่วยเหลือจากแรงเขวี้ยงของผู้เลี้ยง) พร้อมเสริมความสมจริงด้วยกล่องบรรจุภัณฑ์ ที่มีลักษณะเป็นกล่องกระดาษคล้าย ๆ กล่อง Happy Meal ถือสะดวก บวกด้วยลูกเล่นคือการเจาะกล่องกระดาษนั้นให้รู้สึกว่าเจ้าก้อนหินนี้ต้องการช่องเพื่อหายใจ แถมยังมีฟางรองเจ้าหินเหมือนมันอยู่ในรังน้อยของมัน ราวกับว่าเจ้าหินนี้มีชีวิตจริง ๆ และเมื่อ Pet Rock ได้รับการเปิดตัวในปี 1975 ก็ได้รับเสียงตอบรับดีถล่มทลาย จนต่อมาก็มีอีกหลายเจ้าที่เปิดตาม ก่อนที่กระแสของการเลี้ยงหินจะจางหายไป และเพิ่งกลับมาเป็นไวรัลอีกครั้งเมื่อมีศิลปินเคป็อปแชร์ภาพของหินก้อนเล็กที่เขาดูแลอยู่

มีผู้ให้ความเห็นว่ากระแสของ Pet Rock นั้น สามารถอธิบายด้วยแนวคิดมานุษยรูปนิยม (anthropomorphism) ซึ่งหมายถึงการหยิบลักษณะของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพ หรืออารมณ์ ความนึกคิด มากำหนดให้กับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ และอีกประการคือมนุษย์ได้สร้างความผูกพันต่อวัตถุ เชื่อมกับไอเดียของการถ่ายโอนความรู้สึกและอารมณ์ของเราไปยังวัตถุนั้น โดยเราอาจจะรู้สึกว่าหินสัตว์เลี้ยงเป็นแหล่งของความสบายใจ ความปลอดภัย และมิตรภาพ ซึ่งนี่อาจจะเป็นผลลัพท์จากความรู้สึกเหงา ไม่ปลอดภัย และต้องการเพื่อนของเรา ในขณะที่หากเทียบกับช่วงเวลาแล้ว การเกิดขึ้นของ Pet Rock ยังอยู่ในช่วงที่หน้าสื่อเต็มไปด้วยข่าวที่หดหู่ ทำให้ข่าวของ Pet Rock กลายเป็นเรื่องราวน่ารักเล็ก ๆ ที่ช่วยฮีลใจผู้คนให้พอมีรอยยิ้ม และพร้อมจะจ่ายเงินให้มันด้วย

ปรากฏการณ์เลี้ยงหินนี้จึงน่าสนใจในแง่ที่ว่า มันแสดงให้เห็นว่ามนุษย์สามารถสร้างความผูกพันที่แข็งแกร่งต่อวัตถุที่ไม่ได้มีคุณค่าทางอารมณ์ที่แท้จริงได้อย่างไร ผ่านการที่เราปฏิบัติต่อมัน เช่น พูดคุย ตั้งชื่อ กระทั่งพาไปทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยกัน และเมื่อเราเข้าใจถึงกลไกนี้แล้ว ก็อาจนำไปสู่การเข้าใจอารมณ์ของตัวเองได้

“ตุ๊กตาลูกตาล” ของเล่นไทยที่มาก่อนกาลเทรนด์หมามะม่วง
ถึงแม้หมามะม่วงจะดูเป็นเทรนด์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน แต่เมื่ออ่านถึงวิธีการทำแล้ว ไม่ใครก็ใครก็คงต้องคิดในใจว่า “นี่มันตุ๊กตาลูกตาลชัด ๆ!” อย่างแน่นอน ตุ๊กตาลูกตาลคือของเล่นพื้นบ้านที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาหลายยุคหลายสมัย สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กไทยในยุคก่อนเทคโนโลยีได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังนับเป็นการนำของที่ไม่แคล้วจะโดนทิ้งมาสร้างเป็นของเล่นใช้ประโยชน์ได้อีกต่อหนึ่งด้วย

เม็ดตาลที่นำมาทำตุ๊กตานั้น ได้มาหลังจากที่เราได้นำลูกตาลที่สุกงอมมายีหรือขยำด้วยน้ำ เพื่อนำเนื้อไปทำขนมตาลต่อ จากนั้นจึงนำเม็ดตาลและเส้นใยที่เหลือติดเม็ดไปล้างให้สะอาดจนได้มาเป็นลูกกลม ๆ ลักษณะคล้ายศีรษะที่มีเส้นผม ก่อนที่จะเลือกส่วนที่มีใยน้อย (หรือเลือกเอาส่วนหนึ่งมาตัดเส้นใยออก) มาตกแต่งให้กลายเป็นหน้าคน และใช้หวีมาหวีจัดทรงตามใจชอบ หรือบางครั้งเด็กก็อาจจะใช้แป้งเปียกมาทาเส้นใย แล้วจับใยเป็นกระจุก ๆ ให้มีลักษณะคล้ายขนแหลม ๆ ของเม่น โดยเด็ก ๆ จะนำตุ๊กตาที่จัดแต่งทรงผมเสร็จแล้วมาอุ้มเล่น พร้อมกับการสร้างบทบาทสมมติ ซึ่งอาจจะเล่นคนเดียวหรือเล่นกับเพื่อนเป็นกลุ่ม ๆ ก็ได้ตามใจปรารถนา

แม้ไม่รู้ว่าเทรนด์ของหมามะม่วงจะกลายเป็นเพียงแค่กระแสชั่วคราวหรือคงอยู่ได้นานแค่ไหน แต่ก็นับเป็นช่วงเวลาดีที่โอกาสใหม่ ๆ จะสามารถเกิดขึ้นได้ เช่นเดียวกับตลาดของตุ๊กตาและสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ที่มีสินค้ามากมายเกิดขึ้นเพื่อเติมเต็มและตอบโจทย์ผู้บริโภค หากในเวลานี้จะมีใครมองเห็นความเป็นไปได้ และชิงคว้ามันไว้เพื่อสร้างธุรกิจเล็ก ๆ สำหรับเติมฝันให้เจ้าของหมามะม่วงบ้าง พวกเขาและเด็ก ๆ ขนฟูก็คงจะแฮปปี้ไม่น้อยเลยทีเดียว!

ที่มา : บทความ “Mango pits as pets: young people in China ‘raise’ hairy seeds like dogs and cats, grooming them, even keeping bizarre diary” โดย Fran Lu จาก scmp.com
บทความ “Growing trend in China: Young netizens raise mango seeds as pet “Mango Dogs”” จาก dimsumdaily.hk
บทความ “Young Chinese people use mango seeds as pets” จาก vietnam.postsen.com
บทความ “Mango Pits Become Pets In New Chinese Trend, Owners Groom Them With Toothbrush” โดย Ethan Oh จาก mustsharenews.com
บทความ “Hard Sell: A History of the Pet Rock” โดย Jake Rossen จาก mentalfloss.com
บทความ “กรณีศึกษา Pet Rock แบรนด์ที่นำ “ก้อนหิน” มาขายเป็นสัตว์เลี้ยง จนสร้างรายได้ 200 ล้าน” จาก marketthink.co
คู่มือ The Care and Training of Your PET ROCK จาก csinvesting.org
บทความ “Loneliness and The Psychology of Personification” โดย Matt Johnson จาก neuroscienceof.com
บทความ “Pet Rocks – what we can learn from them.” โดย Sanja Zagorc จาก mypets.net.au
บทความ “Anthropomorphism & Personification เมื่อเราให้ตุ๊กตา กระต่าย และสายน้ำเป็นมนุษย์” โดย ภัทรชนน ศักดิ์ศิริสัมพันธ์ จาก gqthailand.com
บทความ “ตุ๊กตาลูกตาล” จาก sac.or.th

เรื่อง : บุษกร บุษปธำรง

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

วิดีโอแนะนำ

ข่าว ไลฟ์สไตล์ อื่น ๆ

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันพฤหัสบดีที่ 25 ธ.ค. 68

PostToday

ลำปางจัดงาน คริสต์มาส-เคาท์ดาวน์ New Year Fest 2026 วันที่ 25 ธ.ค.68 -1 ม.ค.69

ฐานเศรษฐกิจ

แจกพิกัด ที่เคานต์ดาวน์ปีใหม่ 'ชลบุรี-พิดโลก' 2026 มีครบทุกมุม

ฐานเศรษฐกิจ

“สกายวอล์กอัยเยอร์เวง” จุดชมทะเลหมอกแสนสวยแห่ง “เบตง” จ.ยะลา

Manager Online

"ห้องอาหาร ซัมเมอร์ พาเลซ" ชวนชิมติ่มซำตำรับฮ่องกงเมนูใหม่

Manager Online

อิมแพ็ค เมืองทองธานี ชวนฉลองส่งท้ายปีกับเมนู Festive จาก 3 ร้านดัง

Manager Online
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...