โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

มหากาพย์ข่าวเด่น 2018 สรุปครบ จบที่นี่!

LINE TODAY

เผยแพร่ 24 ธ.ค. 2561 เวลา 04.39 น.

ข่าวไหนเด่น ข่าวไหนเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ประจำปี 2018 ที่ผ่านมา LINE TODAY ขอสรุปแบบสั้น ๆ ให้ทุกคนได้อัปเดตทิ้งทวนกันที่นี่ และทั้งหมดนี้คือ 12 ประเด็นสุดร้อนแรงประจำปีที่คุณไม่ควรพลาด อ่านแล้ว โหวตกันสิว่าข่าวไหนจัดจ้านโดนใจคุณมากที่สุด!

#เสือดำต้องไม่ตายฟรี

6 กุมภาพันธ์ 61 ทุกสื่อทุกหน้าจอเต็มไปด้วยข่าว ‘เสือดำ’ เมื่อมีภาพในโซเชียลเป็นภาพของนายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนท์ จำกัด พร้อมพวก 4 คน ถูกเจ้าหน้าที่ทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี จับกุมพร้อมของกลางเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยเฉพาะซากเสือดำ แต่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวทั้งหมด ระหว่างการสืบสวนสอบสวนก็มีข่าวถาโถมอย่างหนัก เกรงว่าการทำคดีจะไม่มีความยุติธรรม เพราะผู้ต้องหาเป็นคนมีเงินหนา เกรงว่ากระบวนการยุติธรรมจะถูกแทรกแซง เกิดเป็นกระแสในโซเชียลลุกฮือออกมาทวงความเป็นธรรมให้เสือดำเป็นวงกว้าง จนกระทั่งวันที่ 30 เมษายน ศาลสั่งฟ้องนายเปรมชัย 6 ข้อหา ส่วนอีก 3 คน สั่งฟ้องต่างกรรมต่างวาระกันไป แต่ทั้งหมดให้การปฏิเสธ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งหนึ่ง จนเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลนัดสืบพยาน ทนายของนายเปรมชัยได้ต่อสู้คดีโดยอ้างว่า นายเปรมชัยไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ฝ่ายกรมอุทยานมั่นใจในพยานหลักฐานที่จะสามารถเอาผิดนายเปรมชัยพร้อมพวกได้เช่นกัน ล่าสุดศาลได้นัดเบิกความฝ่ายจำเลย ซึ่งนายเปรมชัยได้เดินทางไปด้วยตัวเอง แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ ให้สังคมทราบ บอกแต่เพียงสั้น ๆ ว่า ‘ตื่นเต้น’ แปลว่าเรายังคงต้องติดต่อบทสรุปของคดีนี้กันต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ

ปลัดหมีขอ 'ไม่ได้ตั้งใจเข้าไปล่า แค่ไปทำบุญ'

สุดจัดปลัดบอก! มหากาพย์เสือดำยังร้อนแรงอยู่ ส่วนปลัดหมีขอ มาทีหลังแต่ดังกว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 61 หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยพญาเสือปิดล้อมจับกุมกลุ่มอ๊อฟโร้ด 6 คัน พร้อมปืนไรเฟิล เครื่องกระสุน พร้อมซากสัตว์ป่า 1 ในนั้นคือ อุ้งตีนหมีขอ 4 ข้าง พร้อมผู้ต้องหา 11 คน โดยคนสำคัญคือ ปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ยหรือ นายวัชรชัย สมีรักษ์ เป็นหัวหน้าทีม ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ครอบครองอาวุธปืน และข้อหาอื่นรวม 10 ข้อหา ต่างกรรมต่างวาระกันไป แต่ระหว่างนั้นได้มีคลิปเผยแพร่ในโซเชียลเป็นปลัดกำลังแก้ต่างว่า ตนเองไม่ได้เข้าไปล่าสัตว์ แต่กลุ่มตนได้เข้าไปทำบุญที่วัด และไม่รู้ไม่เห็นว่าลูกน้องไปทำเรื่องผิด ๆ ส่วนซากหมีขอได้ซื้อจากชาวบ้านแถวนั้นในราคา 100 บาท หลังจากถูกควบคุมตัว ศาลก็อนุญาตให้ประกันตัวทั้งหมด ในวงเงินคนละ 2 แสนบาท ส่วนปลัดทางต้นสังกัดให้ออกจากราชการไว้ก่อน หลังจากนั้นไม่กี่วัน นายตาต้า ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงก็ถูกจับและสารภาพว่าเป็นคนยิงหมีขอเอง ผ่านไป 1 เดือนผลแล็บอุทยานออกมาชัดเจนว่า หมีขอถูกฆ่าโดยน้ำมือมนุษย์จริง ๆ ยิ่งตอกย้ำความผิดของผู้ต้องหาทุกคนได้เป็นอย่างดี

ดีเจซันฆ่าแมว 

ปลุกกระแสคนรักสัตว์ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2561 เกิดเรื่องราวเมื่อกรมปศุสัตว์และองค์กรกลุ่มคนรักสัตว์รักแมวแจ้งความเอาผิด ‘ดีเจซัน’ หรือนางสาววรารัตน์ กระแสร์ ดีเจเน็ตไอดอลเนื่องจากพบความผิดปกติบางอย่างกับแมวที่เธออาสารับไปเลี้ยงดู แต่ภายหลังเจอว่าแมวตายแบบผิดธรรมชาติ คล้ายกับถูกคว้านท้อง ควักหัวใจ และอวัยวะภายใน พอกลายเป็นข่าวดังชาวเน็ตก็ตั้งข้อสงสัยว่านี่เป็นการนำแมวไปทารุณเพื่อแลกกับบิตคอยน์ในดาร์คเว็บหรือไม่ ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่องยิ่งแดง มีคนออกมาแฉดีเจซันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าแมวเคราะห์ร้ายทั้งหมดอาจจะถูกทารุณมากถึง 27 ครั้ง ยิ่งผลชันสูตรศพแมวออกมาชัดเจนว่า แมวไม่ได้ตายแบบปกติ เพราะมีเลือดคั่งและมีรอยกระแทกเต็มไปหมด ตำรวจจึงออกหมายเรียกดีเจซันเข้ารับทราบข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม แต่เจ้าตัวไม่ได้มาตามนัด ผ่านไป 4 วันจึงย่องเงียบเข้าพบตตำรวจแต่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ด้วยหลักฐานแน่นหนาทำเอาดีเจซันดิ้นไม่หลุด ตำรวจจึงนำตัวไปฝากขังในวันต่อมาด้วยข้อหาทารุณกรรมสัตว์ โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ศาลให้ประกันตัวในที่สุด

นาฬิกาบิ๊กป้อม

ปลายปีที่แล้วทำเอาการเมืองสะท้านไปเลย เมื่อโซเชียลได้เห็นภาพ ‘ครม. ประยุทธ์ 5’ ที่ฮือฮาไม่ใช่รัฐมนตรีหน้าใหม่ แต่เป็นนาฬิกาและแหวนเพชรของบิ๊กป้อม ที่สว่างจ้ากลบทุกคนที่อยู่รอบข้าง เพราะว่าราคานาฬิกาเรือนนั้นมีค่าถึงหลักล้าน! จนนำไปสู่การขุดคุ้ยภาพเก่า ๆ ว่าบิ๊กป้อมใส่นาฬิกาหรู ‘Richard Mille’ ‘Patek Phillip’ ‘Rolex’ และยี่ห้อแพง ๆ อีกทั้งหมด 25 เรือน ไม่อยากจะนับรวมมูลค่าเลยจริง ๆ จากเรื่องขำ ๆ ของชาวเน็ตกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคม มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินของบิ๊กป้อมที่ผ่านมาว่าเป็นไปอย่างโปร่งใส่หรือไม่ และแล้วก็พบว่า ช่วงปี 51-57 บัญชีทรัพย์สินที่ยื่นไปไม่มีรายการของนาฬิกา หรือแหวนเพชร รวมอยู่ในนั้นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว แถมภายหลังบิ๊กป้อมยังบอกว่า นาฬิกาทั้งหมดเป็นของเพื่อน ยืมเพื่อนมา และเพื่อนก็ตายไปแล้ว! ส่วนแหวนเพชรเป็นของมรดกตกทอดจากมารดา ไม่ได้ซื้อเองเลย 

ล่าสุด ปปช. มีมติ 5 ต่อ 3 เสียงว่า บิ๊กป้อมไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จแต่อย่างใด จากการตรวจสอบพบว่า นาฬิกา 21 เรือนได้ยืมมาจากคนอื่นจริง ส่วนแหวนเพชร 12 วงก็เป็นมรดกที่ได้รับมาจากมารดา ปิดจ๊อบนาฬิกาบิ๊กป้อมไปอย่างง่ายดาย

คดีหวย 30 ล้าน

ข่าวนี้น่าจะเป็นยิ่งกว่ามหากาพย์ ยุ่งเหยิงมากขึ้นทุกวัน คดีหวย 30 ล้าน ย้อนไปตอนเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ‘ครูปรีชา’ ได้แจ้งความว่าลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 หมายเลข 533726 ของตนเองหายไป ผ่านไปเกือบเดือนกองสลากฯ แจ้งกลับว่ามี ลอตเตอรี่ชุดดังกล่าวทีคนเอาไปขึ้นเงินเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ ‘หมวดจรูญ’ ครูปรีชาเห็นดังนั้นจึงไปแจ้งความว่าหมวดจรูญขโมยหวยของตนเองไป ระหว่างนั้นเอง ‘เจ๊บ้าบิ่น’ แม่ค้าลอตเตอรี่ก็ออกมายืนยันว่าได้ขายหวยให้ครูปรีชาเองกับมือ ฝ่ายหมวดจรูญก็ยืนยันว่าหวยนี้ตัวเองซื้อมา จึงแจ้งความกลับว่าครูปรีชาแจ้งความเท็จ ตอบโต้ออกสื่อกันไปมา งัดพยานหลักฐานออกมาต่อสู้กันไม่เว้นวัน จนกระทั่งวันที่ 12 ธันวาคม 60 ก็พบผลลายนิ้วมือหมวดจรูญปรากฏอยู่บนลอตเตอรี่เจ้าปัญหา แต่อย่าคิดว่าเรื่องจะจบ กลายเป็นว่า 31 มกราคม 61 ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงว่าหวยเป็นของครูปรีชา! พร้อมยืนยันว่ามีพยานกว่า 40 ปากเป็นหลักฐาน หลังจากมึนงงกันทั้งสังคม หลังจากนั้นกองปราบฯ ก็รับคดีมาทำเองให้รู้แล้วรู้รอด ปลายเดือนกุมภาพันธ์กองปราบฯ จึงแจ้งความ ‘ครูปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น’ ในข้อหาแจ้งความเท็จ ตอนนี้ทุกอย่างจึงดูเอนเอียงไปทางหมวดจรูญว่าจะเป็นเจ้าของลอตเตอรี่พิศวง แต่สงครามยังไม่จบ เมื่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีรับฟ้องคดีที่ครูปรีชาฟ้องว่าหมวดจรูญยักยอกทรัพย์ รับของโจร โดยศาลพิจารณาแล้วว่ามีมูลจริง โดยให้ประกันตัวหมวดจรูญในวงเงิน 9 หมื่นบาท แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานใดที่สามารถบ่งชี้ได้ 100% ว่าเจ้าของหวยตัวจริงคือใคร?!?

หมูป่า อะคาเดมี่ กับปฏิบัติการค้นหา 18 วัน

ภารกิจค้นหาทีมฟุตบอลเยาวชนพร้อมโค้ชที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนเป็นเวลายาวนานถึง 18 วัน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คนไทยทั้งประเทศที่คอยร่วมลุ้นและส่งกำลังใจเท่านั้น แต่กลายเป็นปรากฏการณ์ที่คนทั้งโลกจับตามองและทางการของหลาย ๆ ประเทศก็สนับสนุนทั้งทรัพยากรบุคคลที่เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัยและเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยเสริมกำลังให้กระทำภารกิจได้สำเร็จ สรุปได้เป็นลำดับเหตุการณ์ตามนี้

23 มิถุนายน 2561 – เจ้าหน้าที่ประจำวนอุทยานถ้ำหลวง- ขุนน้ำนางนอน พบรถจักรยานยนต์ 1 คันพร้อมจักรยานอีก 11 คัน จอดอยู่ด้านหน้าปากถ้ำหลังเวลาปิดทำการช่วงหัวค่ำ ในตะกร้าหน้ารถมีเป้และอุปกรณ์กีฬาของนักฟุตบอล จึงประสานงานต่อไปยังหัวหน้าทีมฟุตบอลของตำบลโป่งผา และได้รับการยืนยันว่าของทั้งหมดเป็นของทีมนักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกสอนรวม 13 คน เจ้าหน้าที่อุทยานจึงออกติดตามในถ้ำ แต่ระหว่างนั้นเกิดฝนตกหนักและน้ำเอ่อสูง เจ้าหน้าที่จึงถอนกำลังและประสานขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัย

24 มิถุนายน 2561 – สำนักข่าวเริ่มรายงานเกี่ยวกับการสูญหายของทีมหมูป่า 13 ชีวิต ด้านทีมกู้ภัยก็เริ่มปฏิบัติการค้นหา พบรองเท้าเด็ก 10 คู่ ในกิโลเมตรที่ 4 และกระเป๋าสะพาย 2 ใบกับขวดน้ำอีก 500 เมตรถัดไป ซึ่งบริเวณในถ้ำจุดนั้นมีทางแยกซ้ายขวา มีน้ำท่วมสูงจนเจ้าหน้าที่ต้องถอยกำลังเพราะกระแสน้ำแรงและทีมเริ่มขาดอากาศหายใจ

25 มิถุนายน 2561 – หน่วยซีลเริ่มภารกิจ เจาะผนังถ้ำที่ปิดทางเข้าไปถึงโถงใหญ่แต่ก็ยังไม่พบตัวเด็ก ส่วนทางด้านนายณรงศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มีคำสั่งให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยลดระดับน้ำอีกแรง และทีมตำรวจตระเวนชายแดนก็เสริมกำลัง ส่งเฮลิคอปเตอร์และชุดเดินเท้าเพื่อออกสำรวจรอบถ้ำหาพิกัดของเด็ก

26 มิถุนายน 2561 – หน่วยกู้ภัยเวียงจันทน์ 1623 จากประเทศลาวมาร่วมสมทบ ส่วนหน่วยซีลเพิ่มกำลังพลอีก 24 คน แต่การค้นหายังไม่ประสบความสำเร็จเพราะน้ำท่วมสูงกว่าเดิม

27 มิถุนายน 2561 – กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัยใต้น้ำชาวอังกฤษ 3 คนและทีมกู้ภัยจากสหรัฐฯ เดินทางมาถึงประเทศไทย พร้อมสมทบปฏิบัติการ ด้านหน่วยซีลส่งทีมโรยตัวค้นหาจากปล่องถ้ำ มีโดรนและหุ่นยนต์ดำน้ำจากสำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือมาช่วยเหลืออีกแรง และในวันเดียวกัน ได้รับข้อมูลจากนายมาร์ติน เอลลิส นักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษที่เคยเข้าสำรวจถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนว่ามีจุดที่เชื่อมต่อกับปล่องด้านบนของบริเวณท้ายถ้ำ อยู่ใกล้กับ “หาดพัทยา” ซึ่งอาจจะเป็นจุดที่ทีมหมูป่าไปปักหลักกันอยู่ และแนะนำให้สูบน้ำออกจากบริเวณถ้ำสายทองเพื่อช่วยระบายระดับน้ำ

30 มิถุนายน 2561 – หลังจากที่ทีมค้นหาปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องแต่ถูกขัดขวางด้วยกระแสน้ำที่ท่วมสูงอยู่อย่างต่อเนื่อง วันนี้คือวันแรกที่น้ำลดระดับลงจนเป็นที่น่าพอใจ

1 กรกฎาคม 2561 – หน่วยซีลสามารถเข้าไปตั้งกองปฏิบัติการบริเวณใกล้หาดพัทยาภายในถ้ำได้ และประกาศว่าจะทำการค้นหาต่อไปอย่างไม่ล้มเลิกความตั้งใจ

2 กรกฎาคม 2561 – พบหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต ที่หาดทรายภายในถ้ำห่างจากหาดพัทยาประมาณ 200 เมตร! โดยในวิดีโอที่ถูกเผยแพร่บนเฟซบุคเพจของหน่วยซีลยืนยันว่าทุกคนปลอดภัยดีและสามารถสื่อสารกับนักดำน้ำชาวอังกฤษได้ ทางนายณรงศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเขียงราย ก็มีแถลงการณ์ว่ากำลังเตรียมแผนกู้ภัย ส่งเสบียงน้ำและอาหารเข้าไปพร้อมทีมหมอที่ดำน้ำได้เข้าไปอย่างเร็วที่สุดเมื่อพร้อม

5 กรกฎาคม 2561 – นายณรงศักดิ์แถลงถึงการเตรียมความพร้อมปฏิบัติการกู้ภัยทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวงว่าถ้าประเมินสถานการณ์และมีความเป็นไปได้ 90% จะเริ่มปฏิบัติการทันที ระหว่างนั้นก็ลำเลียงเสบียงส่งเข้าไปให้ทีมหมูป่าด้านในถ้ำ

6 กรกฎาคม 2561 – จ่าเอกสมาน กุนัน หรือ จ่าแซม เสียชีวิตหลังทำภารกิจลำเลียงขวดอากาศเข้าไปภายในถ้ำ คู่ดำน้ำได้ทำการปฐมพยาบาลให้เมื่อเห็นว่าเขาหมดสติไปแต่ไม่สำเร็จ ร่างของเขาถูกส่งไปยังโรงพยาบาลค่ายพญาเม็งรายมหาราชและสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับศพของจ่าแซมไว้ในพระราชานุเคราะห์

7 กรกฎาคม 2561 – ทีมวิศวกรของอีลอน มัสก์ ประธานบริษัทเทสลา สเปซเอ็กซ์ และบริษัทบอริง คอมพานี เดินทางมาถึงประเทศไทยพร้อมกับเรือดำน้ำจิ๋วที่ดัดแปลงจากท่อไนลอนขนาดยักษ์ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยานสเปซเอ็กซ์ ทั้งหมดนำมาทดสอบและเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยลำเลียงทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำ แต่ภายหลังได้ผลสรุปว่าสภาพแวดล้อมในถ้ำหลวงไม่เอื้อต่อการทำงานเรือดำน้ำ อีลอน มัสก์ จึงประกาศยกมันให้ทางการของไทยเพื่อการใช้ประโยชน์ในอนาคต

8 กรกฎาคม 2561 – 4 หมูป่าออกจากถ้ำได้สำเร็จ! ด้วยการสมทบกำลังของนักดำน้ำต่างชาติอีก 13 คน ซึ่งรวมกับทีมที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แล้ว มีทีมนักดำน้ำทั้งหมด 90 ชีวิตที่ช่วยพาหมูป่าออกมาจากถ้ำได้ และทุกคนอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยดี ภารกิจถัดไปจะเริ่มต่อภายใน 10-20 ชั่วโมง รอประเมินความพร้อมและจะลุยกันต่อ

9 กรกฎาคม 2561 – ทีมนักดำน้ำพาหมูป่าอีก 4 ชีวิตออกมาจากถ้ำได้สำเร็จ ใช้เวลาปฏิบัติงานตั้งแต่ 11.00 น. ถึงเวลา 20.00 น. ซึ่งทั้งหมดถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์และได้รับการดูแลจากทีมแพทย์และพยาบาลเป็นอย่างดีง

10 กรกฎาคม 2561 – เวลาประมาณ 18.51 น. เฟซบุคของ Thai Navy SEAL โพสต์ข้อความว่า “หมูป่า 12 ตัวและโค้ชออกจากถ้ำแล้ว ปลอดภัยทุกคน เวลานี้รอรับมนุษย์กบ 4 คน ออกมาครับผม” และในเวลา 21.30 น. นายณรงศักดิ์ได้แถลงยืนยันว่าทุกคนออกมาจากถ้ำได้อย่างปลอดภัยรวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนด้วย ถือเป็นจุดเสร็จสิ้นภารกิจที่ยาวนานถึง 18 วันอย่างสมบูรณ์แบบ

ดรามาการบินไทย เที่ยวบินดีเลย์หนักเพราะนักบินไม่ได้นั่งเฟิร์สต์คลาส

เที่ยวบิน TG 971 ของการบินไทยในวันที่ 11 ตุลาคม 2561 มีกำหนดการบินจากเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กลับมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร แต่เครื่องบินกลับดีเลย์นานถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากนักบินประจำเครื่องไม่ยอมปฏิบัติเพราะคณะบักบินที่โดยสารในไฟลต์ไม่ได้ที่นั่งในชั้นเฟิร์สต์คลาส

เหตุการณ์ทั้งหมดถูกเปิดเผยในภายหลังในจดหมายร้องเรียนของผู้โดยสารท่านหนึ่งว่า เขาได้รับการประกาศจากเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเกี่ยวกับไฟลท์โดยสารที่ล่าช้ากว่าตารางการบินและไม่มีกำหนดเวลาที่แน่ชัด ผู้โดยสารท่านนั้นพร้อมภรรยาถูกเจ้าหน้าที่ของสายการบินเชิญไปพูดคุยเพื่อขอให้เปลี่ยนที่นั่งจากชั้นเฟิร์สต์คลาสที่ทางสายการบินอัพเกรดให้กลับไปเป็นชั้นธุรกิจตามที่ตนเองจองมา เนื่องจากมีคณะนักบินที่โดยสารกลับในเที่ยวบินเดียวกันทั้งหมด 4 คนต้องการที่นั่งในตำแหน่งของเขาและภรรยา ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่พยายามพูดคุยกับผู้โดยสารท่านอื่น ๆ แล้ว แต่ไม่มีใครยอมแลกให้ เพราะทุกคนต้องการรักษาสิทธิ์ของตนเอง ผู้ร้องเรียนเกรงว่าหากไม่ยอมและตกลงกันไม่ได้เสียที จะทำให้กำหนดการบินล่าช้าไปเรื่อย ๆ จึงเสียสละเพื่อส่วนรวม 

หลังจากที่เรื่องราวทั้งหมดถูกแผ่ขยายไปยังโซเชียลมีเดีย ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานาขึ้น มีความคิดเห็นจากทั้งหมด 2 ฝ่ายหลัก ๆ ฝ่ายแรกประณามการกระทำของกลุ่มนักบินที่ยึดเอาความต้องการของตนและพวกพ้องเป็นหลักและใช้ผู้โดยสารทุกคนเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับสิ่งที่ตนเรียกร้อง ส่วนความคิดเห็นจากอีกฝ่ายซึ่งมาจากกัปตันการบินไทยด้วยกันชี้แจงว่าการที่นักบินกลุ่มนี้เรียกร้องสิทธิตามที่ตนพึงมีไม่ใช่เรื่องที่ผิด เป็นนโยบายของบริษัทที่ระบุไว้เองว่ากัปตันสามารถโดยสารที่นั่งในชั้นเฟิร์สต์คลาสได้ แต่ในกรณีที่เกิดขึ้นคือคณะนักบินทั้ง 4 คนไม่ได้รับการสำรองที่นั่งให้ทั้ง ๆ ที่ ชั้นเฟิร์สต์คลาสในเที่ยวบินนั้นยังว่างอยู่ตั้งแต่ตอนเริ่มแรกก่อนที่ผู้โดยสารทุกคนจะได้รับการอัพเกรด และพวกเขาตกเป็นจำเลยของสังคมจากข้อมูลที่ถูกเสนอมาจากฝั่งเดียว  

ทางด้านนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ก็ออกแถลงการณ์มาเพื่อขอโทษผู้โดยสารโดยระบุว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว และทางบริษัทก็พร้อมชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้โดยสารในไฟลท์ดังกล่าว ส่วนผลจากการสอบสวนได้ข้อสรุปออกมาว่าเป็นการตักเตือนฝ่ายนักบินและนายสถานีซูริค และจะมีการปรับปรุงระบบการจองที่นั่งให้มีการเชื่อมต่อกันได้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

<i>ภาพจากเฟซบุคเพจ <a href=
Leicester City FC Thailand ">
ภาพจากเฟซบุคเพจ Leicester City FC Thailand 

อาลัยเจ้าสัววิชัย

เวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 27 ตุลาคม 2561 ในประเทศอังกฤษ มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตีและคิงเพาเวอร์ พลัดตกลงบนลานจอดรถของสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดียม หลังจากจบแมตช์ระหว่างเลสเตอร์ ซิตี และเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด โดยพยานในเหตุการณ์ให้การว่าเฮลิคอปเตอร์ลอยตัวออกจากสนามไปเพียงแค่ 200 เมตรก็เสียการควบคุมเนื่องจากใบพัดด้านหลังไม่ทำงาน ทำให้ตกลงกระแทกพื้นบนลานจอดรถและเกิดไฟลุกท่วมทั้งลำ เบื้องต้นยังไม่มีการยืนยันว่านายวิชัย เจ้าของเฮลิคอปเตอร์ โดยสารมาด้วยหรือไม่

ภายหลังการสอบสวน ตำรวจเลสเตอร์แถลงว่ารายชื่อผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณนี้มีทั้งหมด 5 คน ได้แก่ นักบินประจำเครื่อง 2 คน, นางสาวนุสรา สุขหน้าไม้ เลขาฯ ของนายวิชัย, นายกวีพร พรรณแพร ผู้ติดตาม และนายวิชัยเอง ส่วนสาเหตุที่ทำให้เฮลิคอปเตอร์ตกนั้นเกิดจากระบบการเชื่อมต่อระหว่างใบพัดท้ายเครื่องที่ขัดข้องและพบการสะสมตัวของน้ำมันหล่อลื่นที่ส่วนประกอบชิ้นหนึ่งด้วย ทำให้เครื่องเสียการควบคุม

พิธีบำเพ็ญกุศลของนายวิชัยเกิดขึ้นที่วัดเทพศิรินทราวาสท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัวและแขกที่มาร่วมงาน คนดังในประเทศรวมไปถึงเจ้าชายวิลเลียม พระชายา และนักเตะจากสโมสรต่าง ๆ ในอังกฤษต่างร่วมไว้อาลัยการจากไปของเขา ส่วนเรื่องทายาทที่จะสานต่อธุรกิจของเครือคิงเพาเวอร์รวมไปถึงแนวทางแผนธุรกิจของบริษัทในวันที่ไม่มีคุณวิชัย ยังไม่มีการประกาศอย่างชัดเจน แต่จากการคาดการณ์แล้ว ผู้สืบธุรกิจคงเป็นนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา บุตรชายคนสุดท้องที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และ  รองประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้

ดราม่าวิวาห์เจ้าสาวโดนเทกลางงานแต่ง ร่ำไห้กลางเวทีขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน

เป็นเรื่องฮือฮาใหญ่โตเมื่อมีคลิปเจ้าสาวสุดสตรองโดนเทกลางงานแต่งออกมายืนขอบคุณแขกที่มางานเพียงลำพังไร้วี่แววเจ้าบ่าว จนชาวเน็ตต่างเข้าไปคอมเม้นต์ให้กำลังใจกันใหญ่ แต่ยิ่งขุดเรื่องนี้กลับมีเงื่อนงำ เมื่ออยู่ๆเจ้าบ่าวที่อายุต่างกับฝ่ายหญิงเป็น 10 กว่าปี กลับมีแฟนอยู่แล้ว และอ้างว่าที่แต่งเพราะฝ่ายหญิงบอกว่าท้องเท่านั้น

เดือนเมษายน - นางสาว จุฑาทิพย์ นิ่มนวล อายุ 26 ปี หรือ น้องมะนาว พนักงานสาวโชว์รูมรถยนตร์และนายภาคิณ จุนเจิม อายุ 18 ปี ทั้งสองคนได้เจอกันทางเฟซบุ๊กและเริ่มพูดคุย คบหาดูใจกัน จนฝ่ายหญิงเกิดตั้งครรภ์ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะจัดงานแต่งขึ้นด้วยสินสอดเป็น เงินสด 2 แสนบาท และ ทอง 4 บาท

เดือนกรกฎาคม - ก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ฝ่ายเจ้าบ่าวได้โทรมาบอกกับฝ่ายเจ้าสาวว่า ไม่มีเงินค่าสินสอดจะให้ ทางฝ่ายเจ้าสาวจึงได้ไปหาฝ่ายชายที่บ้านเพื่อตกลงกัน จึงได้ขอสรุปว่าให้ฝ่ายชายมาด้วยค่าสินสอดเพียง 6 หมื่นบาท แต่ขอให้ตัวมา

- วันแต่งงานกลับไร้เงาเจ้าบ่าว ไม่สามารถติดต่อได้ และปรากฎคลิป เจ้าสาวยืนกล่าวขอบคุณแขกที่มาอยู่เพียงลำพังกลางงานแต่ง ฝ่ายหญิงจึงได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจเพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหาย

-มีกระแสข่าวออกมาว่าฝ่ายชายมีแฟนอยู่แล้ว ชื่อ แอมมี่ อายุ 35 ปี ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันมาได้ 1 ปี โดยนายภาคิณได้ออกมาโพสต์ชี้แจงว่า ตนกับมะนาวได้คบหากันจริง หลังจากนั้นได้เลิกรากันไปแล้วฝ่ายหญิงกลับมาบอกว่าท้อง ตนก็รับปากจะรับผิดชอบแต่ฝ่ายหญิงอยากให้จัดงานแต่งงานโดยทางฝ่ายหญิงบอกว่าจะออกค่าสินสอดเองทั้งหมดให้ไปแต่ตัว แต่สำหรับค่าเสียหายตนยินดีที่จะชดใช้คืน

เดือนสิงหาคม - พี่สาวมะนาวโพสต์โชว์หลักฐานใบรับรองแพทย์ ว่าน้องสาวตนเองได้แท้งแล้ว

เดือนกันยายน- นายภาคิณพยายามฆ่าตัวตายเพราะ มีปัญหาทะเลากับแฟนสาวปัจจุบัน แต่ที่ทางบ้านก็ช่วยไว้ได้ทัน ทางน้องมะนาวจึงได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องรู้มั้ย? เวลาผ่านไปน้องมะนาว เจ้าสาวหม้ายขันหมากก็กลับมาเปลี่ยนลุคใหม่ สวย เซ็กซี่อีกครั้ง

ศึกไหทองคำ ลิขสิทธิ์เพลง ผู้สาวขาเลาะ

เรียกว่าเป็นเพลงดังแห่งปีเลยทีเดียว สำหรับ เพลง ผู้สาวขาเลาะ ที่ร้องโดยลำไย ไหทองคำ ที่มียอดวิวสูงถึง 300 ล้าน แต่กลับมีดราม่าเรื่องลิขสิทธิ์ระหว่างคนแต่งเพลง คือนักร้องสาว อาม ชุติมา กับนายประจักษ์ นายใหญ่เเห่งค่ายไหทองคำ

เดือน มิถุนายน - อาม ชุติมา โสดาภักดิ์ นักร้องลูกทุ่งสาวชื่อดังและผุ้แต่งเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” ยื่นร้องต่อทนายสงกรานต์ขอล้างสัญญากับนายประจักษ์ เนาวรัตน์ เจ้าของค่ายไหทองคำเรคคอร์ดเรื่องลิขสิทธิ์เพลงและการแบ่งรายได้

โดยอ้างว่าถูฏหลอกให้เซ็นต์สัญญาตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปี เมื่อเซ็นต์สัญญาไปกลายเป็นการโอนลิขสิทธิ์ไปให้

ในส่วนของรายได้ได้ตกลงแบ่งกันเป็น 70/30 แต่ความจริงรายได้ที่ได้รับกลับแล้วแต่ทางคู่สัญญาจะเป็นคนให้

ส่วนเพลงที่แต่งตกลงกันว่าถ้าศิลปินเอาไปเล่นงานอื่น จะแบ่งกันแต่เป็นการทำสัญญาใจ ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษร

เดือนตุลาคม- ฝั่งทนายของ อาม ชุติมา เปิดศึกประกาศเตือน ลำไย ไหทองคำว่า ถ้าเอาเพลงผู้สาวขาเลาะไปร้องอีกจะแจ้งดำเนินคดี

- นายประจักษ์ชัย ไหทองคำเปิดศึกโต้กลับ ตั้งทนายบุญถาาวร ปัญญามณีโชต์เป็นทนายของค่ายไหทองคำอย่างเป็นทางการ โดยประจักษ์ยืนฟ้องเรียกค่าเสียหายจากอาร์มเป็นจำนวนเงิน 21.6 ล้านโดยอ้างว่าทำผิดสัญญาโดยการออกไปรับงานแสดง

- นายประจักษ์ชัยติดต่อขอเจรจาเรื่องขอพิพาท ลิขสิทธิ์เพลงเพื่อไม่ให้เรื่องต้องถึงศาล โดยได้พูดคุยกันเรื่องลิขสิทธิ์ 3 เพลง คือ ผู้สาวขาเลาะ ภาพเก่า อดีตเคยพัง และเรื่องผลประโยชน์อื่นๆแต่ยังตกลงกันไม่ได้เพราะติดเงื่อนไขบางข้อ

เดือนพฤศจิกายน - ได้ข้อสรุปตั้งโต๊ะแถลง กอดคอนั่งกินข้าวด้วยกัน โดยได้ข้อตกลงคือ

ให้อาม ชุติมาสามารถรับงานเองได้

3 เพลงที่อามแต่งสามารถนำไปร้องได้โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์

สำหรับลิขสิทธิ์เพลงเมื่อครบกำหนดสัญญาลิขสิทธิ์ 9 ปี ทั้ง 3 เพลงจะตกเป็นลิขสิทธิ์ของอาม

View this post on Instagram

ลงเครื่องจากตรัง ตรงมารอ ตำรวจนครบาลอุดมสุข ส่งตัวอัยการต่อที่แจ้งวัฒนะค๊าบ #ป่วยก็ต้องมา #ก็จะสตรองเกินไปนะ555 #numkala

A post shared by NKL (@numkala) on Dec 14, 2018 at 12:26am PST

หนุ่ม กะลา โดนฟ้อง 44 คดีทั่วประเทศ ปมลิขสิทธิ์ "เพลงยาม"

ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์เพลงจัดว่าเป็นปัญหามาแรงจริงๆในช่วงปีนี้ เพราะมีนักร้องหลายคนโดนร่างแหไปตามๆกัน หนึ่งในนั้นคือหนุ่ม กะลา ที่นำเพลง ยาม ของวงลาบานูนสมัยอยู่ค่ายเก่าไปร้อง จนโดนเจ้าของค่ายเพลงมิวสิคบั๊ค ตามฟ้องไปทั่วประเทศทุกที่ที่มีการนำเพลงนี้ไปร้องคอนเสริต์ ทำให้หนุ่ม กะลายต้องเดินสายเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาไปทั่วประเทศด้วยเช่นกัน

เดือนมีนาคม- หนุ่ม กะลา หรือ นายณพสิน แสงสุรรณ  ถูก นายบุญธรรม เพ็ชรนารถ ประธานบริษัทจัดเก็บลิขสิทธิ์ เพ็ชรเมโทรฟ้อง และนำหมายศาลมาจับกุม กรณีนำเพลง ยาม ไปร้องที่คอนเสิร์ต ร้าน คลับ อินซอมเนีย ที่พัทยา และร้องตามงานต่างๆโดยไม่ได้ขออนุญาต

- หนุ่มกะลาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยเจ้าตัวยอมรับผิดและอ้างว่า ไม่เคยได้รับแจ้งมาก่อนว่าเป็นเพลงที่มีปัญหา พร้อมเจรจา แต่ก็ยังไม่ได้ข้อตกลง ทั้งนี้ได้ขอประกันตัวในวงเงิน 1 แสนบาท 

เดือนพฤศจิกายน- หนุ่ม กะลาได้ถูกจับกุมอีกครั้งในร้าน อะลาดิน ซอยอินทรา 14 กทม. เนื่องจากมีการแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นได้มีหมายเรียกไปแล้ว 3 ครั้ง แต่หนุ่มไม่ได้มาตามนัด

-หนุ่ม กะลา ได้เข้าสอบปากคำ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีไป 44 แห่ง ตั้งแต่ที่มีการนำเพลงยาม ของ ลาบานูนไปร้องในงานลอยกระทง ที่เขตเทศบาลเมืองกระบี่ตั้งแต่ พ.ย.ปี 60 ทั้งนี้นายชนินทร์ วรากุลนุเคราะห์ กรรมการผุ้จัดการบริษัทมิวสิคบั๊กได้เรียกเงินค่าเสียหายกว่า 60 ล้านบาท

*โดยหนุ่ม กะลาได้ชี้แจงว่าทุกคนในแกรมมี่สามารถร้องเพลงนี้ได้เพราะ ลาบานูนได้ย้ายมาอยู่กับค่ายแกรมมี่แล้ว และแกรมมี่ได้นำลิขสิทธิ์มาจัดเก็บให้มิวสิคบั๊ก (ซึ่งแต่ก่อนลาบานูนอยู่ค่ายมิวสิคบั๊ค) แต่เกิดข้อพิพาทกันระหว่างสองค่ายจนสัญญาจบไปเมื่อ 31 ต.ค.60 ก่อนที่ตนจะถูกไล่แจ้งความมาตั้งแต่นั้น

- นิค จีนี่ หรือ นายวิเชียร ฤกษ์ไพศาล บิ๊กบอสใหญ่แห่งจีนี่ได้ออกโรงปกป้องนักร้องในสังกัด ว่า การที่ค่ายเก่าได้เดินสายฟ้องไปทั่วประเทศ ทำให้ต้องตระเวนไปรายงานตัวลำบาก พร้อมกับติดคอนเสิร์ต จึงต้องขอเลื่อนนัด แต่อีกฝ่ายก็จะจับกุมอย่างเดียว จนเกินคำพูด พี่หนุ่มไม่ได้ค้ายา หรือไปฆ่าใคร

เดือนธันวาคม - นายบุญธรรมได้นำหมายจับมาตามจับ หนุ่ม กะลา อีกที่งานคอนเสิร์ต BIGMOUNTAIN MUSIC FESTIVAL ที่สนามดิโอเชี่ยนเขาใหญ่

-หนุ่มได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยโพสต์ว่า คดีลิขสิทธิ์หรือฆ่าคนตาย ที่ผ่านมายอมรับผิดตั้งแต่รู้ว่าละเมิดลิขสิทธิ์และหยุดเพลงนี้ร้องมา 1 ปีแล้ว แต่เหมือนยังโดนกระทำไม่หยุดหย่อน

-หนุ่ม โพสต์ภาพตนเองลงไอจี พร้อมแคปชั่นว่า ไปรอพบตำรวจทั้งที่ยังป่วยอยู่ สตรองจริงๆ

เรื่องนี้คงจะไม่จบง่ายๆ ยังไงคงต้องตามกันต่อไปและให้กำลังใจพี่หนุ่มให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ด้วยดีด้วยนะคะ

รวมวีรกรรม "เสก โลโซ" อดีตร็อคเกอร์ชื่อดัง ที่เคลื่อนไหวอะไรก็ต้องเป็นข่าว!

เดือนมกราคม - ปรากฎคลิปไลฟ์สด เสก โลโซใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าหลายสิบนัด ที่วัดขุนเขาพนม จ.นครศรีธรรมราช หลังจบคอนเสิร์ต

- เสก โลโซถูกจับกุมตัวไปให้ปากคำ และตรวจพบปัสสาวะสีม่วงแต่เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ

- หลังได้รับการประกันตัวคดีอาวุธปืนก็ได้โพสต์ภาพร่วมเลี้ยงสังสรรค์กับ เจ้าหน้าที่สอบสวน จังหวัด นครศรีธรรมราช ทำให้เจ้าหน้าที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวน จนถูกเด้งออก

- ผลตรวจปัสสาวะสีม่วง พบสารแมทแอมเฟตามีน (ซึ่งเป็นส่วนประกอบของสารยาบ้าและยาไอซ์) โดย เสกอ้างว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ปัสสาวะเป็นสีม่วงเพราะยาที่กินอยู่คือ ยานอนหลับกับยาบโพล่าร์

- ตำรวจบุกจับภายในบ้านพักของเสก ทำให้เจ้าตัวโพสต์ผ่านโซเชียลว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ออกมาโต้ว่าทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่างและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ 

- เสก โลโซเคลื่อนไหวในโซเชียลอีกครั้ง โดยโพสต์ข้อความว่า “ขอพัก 5 วัน ห้ามรบกวนนะจ๊ะ” และได้เบี้ยวงานคอนเสิร์ต ที่ป.กุ้งเผา ปิ่นเกล้า เทแฟนคลับกว่า 800 คนให้รอเก้อ

เดือนเมษายน - เกิดดราม่าอีกครั้งเมื่อ นายวีรชน ศรัทธายิ่ง หรือโต ซิลลี่ฟูล ได้จัดรายการ โดยที่เนื้อหาพูดในเลิงดูหมิ่นศาสนา งานนี้ทำให้ เสก โลโซออกโรงโพสต์เดือดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว สั่งสอนนักร้องรุ่นน้อง 

เดือนมิถุนายน - เสก โลโซโพสต์เดือด พาดพิง อากู๋ ไพบูลย์ เจ้าของค่ายเพลงชื่อดัง ว่าลูกชายไลน์มาซื้อบริการกับอีฟ ผู้หญิงที่ตนเองกำลังดูแลอยู่

เดือนสิงหาคม - เสก โลโซเปิดบ้านไลฟ์ติดกัน 3 วัน 3 คืน และได้พูดประเด็นเรื่องการเมือง จนอดีตลูกน้องคนสนิทของเสก ได้ออกมาโพสต์วอนให้นายกฯ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ

- ได้ประกาศยุติไลฟ์ หลังพูดพาดพิงประเด็นเรื่องการเมือง

- วันถัดมาเสก โลโซได้กลับมาไลฟ์ใหม่อีกครั้ง และประกาศขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง หลังจะเปิดเพลงคลาสิคฟังแล้วก็นั่งร้องไห้

- รถพยาบาลได้เข้ามารับตัว เสก เพื่อนำไปรักษาอาการไบโพล่าร์

เดือนกันยายน - เสก โลโซกลับมาไลฟ์เฟซบุ๊อีกครั้งในรอบ 1 เดือน

เดือนตุลาคม - ศาลสั่งตัดสินจำคุก เสก โลโซ ข้อหามีอาวุธปืนและยาเสพติดไว้ในครอบครองเป็นเวลา 2 ปี 21 เดือน แต่สุดท้ายก็ได้ประกันตัวเป็นเงินจำนวน 500,000 บาท

เดือนธันวาคม - กานต์ วิภากร อดีตภรรยาของเสก โลโซ ได้เปิดศึกทวงผัวคืนโดยได้บุกไปที่บ้านของเสก และเกิดการปะทะอารมณ์กับ อีฟ อภิสร์ญา แฟนสาวปัจจุบัน เพราะทนไม่ได้กับการอยู่แบบรักสามเศร้า แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากฝ่ายชาย

- หลังจากกานต์ประกาศชัยชนะผ่านไลฟ์สดว่าสามารถไล่อีฟออกจากบ้านได้ ไม่นานเสก โลโซก็ได้แจ้งตำรวจให้มาจับกุม กานต์ข้อหาบุกรุก โดยฝ่ายหญิงอ้างว่าเจ้าบ้านไม่ใช่เสก แต่เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกทั้ง 3 ของตนกับเสก

- เสกได้ออกมาโต้แย้งว่าในขั้นตอนการหย่ากัน กรรมสิทธิ์บ้านได้เปลี่ยนมาให้ เสกเป็นผู้ดูแลบ้านทั้งหมด จะให้ใครเข้าหรือออกก็ได้

- ตำรวจได้เข้าไกล่เกลี่ยปัญหาโดยมห้ทั้งคู่นำเอกสาร หลักฐานมายืนยัน ภายหลังทำให้ทั้งกานต์และอีฟต้องออกจากบ้านไป โดยเหลือเพียงเสกในบ้าน

- กานต์กลับมาโพสต์เฟซบุ๊กประกาศเตรียมบุกบ้านเสกอีกครั้ง

- ล่าสุดกานต์ก็ได้โพสต์ภาพเสกและลูกนั่งอยู่ด้วยกันลงไอจี พร้อมแคปชั่นประกาศห้าม อีฟ แม็กซิมเข้าบ้านศุขพิมาย

ดรามาส่งท้ายปีของครอบครัวรักสามเส้านี้จะจบอย่างไร คงต้องตามกันต่อไป

เส้นทางกัญชา: จากยาเสพติดให้โทษสู่ยาวิเศษถูกกฎหมาย

กัญชากับมุมมองที่เปลี่ยนไปในเชิงกฎหมาย จากยาเสพติดให้โทษกลายเป็นยารักษาโรคที่มีสรรพคุณช่วยบำบัดโรคมะเร็งได้ จากทั้งเคสที่มีการศึกษาวิจัยในต่างประเทศรวมถึงการค้นคว้าในไทย มีหลักฐานสนับสนุนว่าถ้านำกัญชามาใช้เพื่อการรักษาทางการแพทย์ได้จริง ๆ คงเกิดประโยชน์ต่อมนุษยชาติได้ไม่น้อย และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่มีการเรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อกกัญชา สรุปเหตุการณ์ได้ตามลำดับเวลาต่อไปนี้

เดือนเมษายน - คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ประกาศความสำเร็จที่ค้นคว้าวิจัยสารสกัดกัญชาแบบสเปรย์พ่นปากเพื่อบำบัดโรคมะเร็งได้แล้ว ผ่านการทดลองกับสัตว์เรียบร้อยแต่เรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อกกฎหมายเพื่อทำการวิจัยขั้นต่อไปกับมนุษย์ได้ 

เดือนพฤษภาคม - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบประมวลกฎหมายยาเสพติดทั้งหมด 3 ฉบับ โดยในเนื้อหา มีการเปิดช่องให้สามารถใช้กัญชาเพื่อการทดลองและศึกษาวิจัยกับมนุษย์ได้เป็นครั้งแรกและอนุญาตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกำหนดพื้นที่ปลูกกัญชา แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ เตรียมเสนอต่อไปที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

เดือนมิถุนายน - สนช. ผ่านร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับใหม่ทั้งหมด 3 ฉบับในวาระที่ 1 ถอดกัญชาและกระท่อมออกจากสารเสพติดให้โทษประเภท 5 และเปิดทางสำหรับการนำไปใช้ทางการแพทย์

เดือนกันยายน - องค์การเภสัชกรรม ได้รับมอบกัญชาของกลางจำนวน 100 กิโลกรัม จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อนำไปใช้วิจัยผลิตน้ำมันกัญชาสำหรับการรักษา แต่ปรากฏว่ากัญชาของกลางไม่มีคุณภาพเพียงพอและมีสารเคมีปนเปื้อนน ทำให้กระบวนการวิจัยค้นคว้าล่าช้าออกไป

เดือนพฤศจิกายน - กลุ่มเอ็นจีโอเรียกร้องให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาถอนคำยื่นขอสิทธิบัตรเกี่ยวกับกัญชาของต่างชาติ เพื่อประโยชน์ของหน่วยงานภาครัฐและมหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่ต้องการค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้ต่อไป หากบริษัทต่างประเทศได้รับสิทธิบัตรไป องค์กรต่าง ๆ ในไทยจะต้องทำการขออนุญาตก่อนทุกครั้งหากมีการศึกษาเรื่องกัญชา

- คณะรัฐมนตรีไฟเขียว มีมติเห็นชอบให้แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กัญชาและกระท่อมสามารถนำไปใช้วิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และเพื่อการรักษาผู้ป่วยภายใต้การดูแลของแพทย์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมไปถึงสามารถผลิต-ส่งออก-นำเข้าได้หากมีใบอนุญาตและในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ทางราชการ เตรียมเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อการพิจารณาในขั้นตอนต่อไปและทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมาย 

การคาดการณ์ว่าน่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการก่อนการเลือกตั้งในปี 2562 ส่วนจะสำเร็จทันเวลาหรือไม่คงต้องลุ้นกันต่อ…

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0