ฝุ่นยิ่งหนายิ่งชัด! ข้อดีของ“PM 2.5” ภาพสะท้อนจากฝุ่นควันที่ไม่ได้มีแค่ข้อเสีย!
เราคงไม่สามารถปฎิเสธได้ว่าในทุกวันนี้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ เจ้าฝุ่นขนาดจิ๋วที่มีชื่อเรียกว่า PM 2.5 เนี่ย คือสิ่งที่แย่ที่สุดที่เกิดขึ้นกับสิทธิขั้นพื้นฐานของเรา รวมไปถึงคุณภาพชีวิต และสุขภาพของเราด้วย ท่ามกลางการใช้ชีวิตที่ต้องดิ้นรนในสภาพเศรษฐกิจสุดแสนจะแย่ที่เราต้องหาเงินเข้ากระเป๋าในทุกวันเพื่อหล่อเลี้ยงจุนเจือชีวิตตนและครอบครัว
แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ก็ได้ทำให้หลาย ๆ คนได้มองไปถึงปัญหาที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ มันออกมาให้ชาวเน็ตหลาย ๆ คนได้อ่านและได้รับความรู้เชิงข่าวสารร่วมกัน
รวมทั้งได้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับมาตรการการจัดการกับปัญหาเรื่องฝุ่น และทัศนคติมุมมองที่รัฐมีต่อประชาชนต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
จากข่าวที่เราเห็นแชร์กันใน Facebook ว่า รัฐตรวจสอบรถขนส่งสาธารณะแล้วไม่พบควันดำเลย แต่ทำไมเราถึงยังเห็นรถเมล์ที่วิ่งอยู่บนถนนสร้างความเดือดร้อนให้กับระบบทางเดินหายใจของเราอยู่ทุกวี่วัน เพราะในการจะช่วยเหลือประเทศในเรื่องนี้อย่างจริงจังก็คือการจัดการปัญหาการจราจรอย่างยั่งยืน โดยให้คนใช้รถยนต์ส่วนบุคคลให้น้อยลงและหันมาใช้ขนส่งสาธารณะที่ใช้พลังงานสะอาดกันให้มากขึ้น
แต่รัฐก็ยังเพิกเฉย ยังคงใช้วิธีการฉีดพ่นน้ำจากอาคารสูง หรือฉีดน้ำขึ้นฟ้าเพื่อลดปัญหาฝุ่น แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เหมือนเป็นการเอาตัวรอดไปวัน ๆ
ท่ามกลางความพร่ามัวจากฝุ่นควันเหล่านี้มันก็กลับทำให้เราเห็นอะไรบางอย่างได้ชัดเจนขึ้น เหมือนปีศาจที่ล่องหนตัวตนอยู่ในอากาศ แต่เมื่อถูกหมอกควันมากระทบเข้า ก็ปรากฎเป็นตัวตนลาง ๆ ขึ้นมาและสิ่งที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้ก็คือปีศาจตัวนั้น ที่เราได้เห็นมันยืนหัวเราะอยู่ในเมืองหมอกของเรา
1.ปัญหาการจราจรที่ย่ำแย่มาตั้งแต่ระบบโครงสร้างของประเทศ
มาตรการระยะยาวที่ถือว่ามีประสิทธิภาพที่สุดและดีที่สุดเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกคือการใช้นโยบายการจราจรที่ยั่งยืน(Sustainable Transport) นโยบายนี้จะเน้นให้ผู้เดินทางหันมาใช้การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเช่นรถไฟฟ้าและรถโดยสารสาธารณะรวมถึงการเดินทางที่ไม่ใช้เครื่องยนต์(Non-Motorized Mode) เช่นการขี่จักรยานและเดินเท้าในกรณีที่เดินทางเป็นระยะทางสั้นๆ
แต่ในประเทศไทยเรื่องเหล่านี้ดูเป็นเรื่องที่อยู่เกินเอื้อมมือด้วยซ้ำหากเรามองจากมุมมองที่เรายืนอยู่ในตอนนี้
2.การประกาศแจ้งเตือนข่าวสารจากทางภาครัฐที่ไม่เคยส่งถึงหูประชาชน (รวมถึงเสียงประชาชนก็ไม่เคยถึงหูรัฐด้วยเช่นกัน)
ในทุก ๆ ช่วงฤดูหนาว เป็นช่วงที่อากาศปิดตามธรรมชาติอยู่แล้ว และสภาวะฝุ่นเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงว่าสามารถจะเกิดขึ้นมาได้อยู่ทุกเมื่ออยู่แล้ว เนื่องจากต้นตอปัญหาฝุ่นนั้นไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดีเซลและการเผาไหม้น้ำมันไม่สมบูรณ์จากเครื่องยนต์ โรงงาน การเผาป่า การเผาของต่าง ๆ และอื่น ๆ นั้น ล้วนยากต่อการแก้ไข และใช้เวลาระยะยาวในการจัดการ โอกาสที่จะเห็นปัญหาทุเลาในเวลาอันใกล้นั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้ จึงจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องสื่อสารให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารเหล่านี้
3.การเข้าถึงของภาครัฐกับประชาชน
รัฐควรพัฒนาระบบให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึง "หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน" ได้โดยถ้วนหน้า แม้รัฐจะประกาศมาตรการดูแลตนเองของประชาชนไปแล้ว เช่น ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ควบคู่ไปกับสภาวิชาชีพและอื่น ๆ แต่ไม่ใช่จุดที่จะช่วยเยียวยาได้ดีนัก เนื่องจากเรื่องสำคัญคือทำอย่างไรให้คนมีอุปกรณ์ป้องกันตัวได้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมไปถึงขาดการร่วมมือกันระหว่างรัฐและเอกชนในการจัดหาให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากวิธีการจัดการปัญหาของภาครัฐกับประชาชนในวันที่ประเทศไทยเต็มไปด้วยหมอกควันที่นับวันก็ยิ่งจะกัดกร่อนชีวิตของพวกเราให้สั้นลงทุกวัน ๆ
อ้างอิง :
https://www.isranews.org/isranews-article/72977-pm-2-5.html
https://www.isranews.org/isranews-article/73277-pm.html
https://thestandard.co/pm-2-5-environmental-nano-pollutants/
ภาพประกอบ
https://news.mthai.com/
ความเห็น 33
Manisilaphat
แก้ที่คนมักง่ายทิ้งขยะ เยี่ยวไม่เป็นที่ ให้ได้ก่อนนะ
ถ้าแก้คนทิ้งขยะได้ อย่างอื่นก็จะได้
03 ก.พ. 2562 เวลา 08.34 น.
Fai
เขียนข่าวไม่ดูที่มาที่ไปเล้ย จะให้คนขึ้นขนส่งสาธารณะ. เขาก้อกำลังสร้างให้หลายๆสายอยู่นี่ไง. เขาช่วยฝนหลวง. ช่วยฉีดน้ำ ก้อช่วยอีกทางหนึ่งอยู่เหมือนกัน. เขามาส่งข่าวให้ประชาชนอยู่ทุกวันศุกร์ก้อบอกเบื่อ ไม่ดู เขียนข่าวแบบนี้มีอะไรลึกๆอยู่รึเปล่า. เดี๋ยวนี้คนเขาอ่านแล้วคิดได้. ช่วยสร้างสรร จรรโลง กันหน่อย.
03 ก.พ. 2562 เวลา 05.10 น.
namo
อีกอย่างคือเด็กหยุดเรียนครับ ผมรู้สึกดีมากที่ไม่ต้องไปเรียน
03 ก.พ. 2562 เวลา 04.28 น.
SS.Yun😇
ณ.วันก่อนๆเรามีเชียงใหม่ที่มาในหน้าหนาวจะเพราะเพื่อนบ้านหรือชาวป่าก็ว่าไป...และใต้เราก็มีมาจากอินโด...ปีนี้เราเพิ่มกทม.!...มันเหมือนๆโรคประจำปีหรือฤดูกาลหวัดใหญ่AB/เลือดออกซิก้า/เดนกิ,ปากเปื่อยเท้าเปือย,พิษสัตว์บ้า(มิใช่สุนัขอีกต่อไป),หวัดนก...ไม่แปลกใจเลยปี61ไปแต่งานศพมะเร็งเกือบ10ทุกคนระดับนักดูแลสุขภาพตัวยง..พัฒนายามะเร็งให้ดีให้ถูกลงด้วยไม่รู้จะหนีป้องกันยังงัย..แต่ถ้ามียาดีๆที่ไม่ทรมานมากและแพงมากจะดีมากๆเลย..ตายยอมรับได้เจ็บปวดยอมรับยาก..มีเงินตายสบายจนตายทรมาน..ไม่ใช่มีเงินรอดแล้วนะมัยนี้
03 ก.พ. 2562 เวลา 03.55 น.
KG
บทความนี้ดูเป็นประโยชน์ที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา
02 ก.พ. 2562 เวลา 14.44 น.
ดูทั้งหมด