ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ นับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตลอดทุกช่วงเวลาตราบใดที่ฝนกระหน่ำตก แล้วยิ่งบางจุดฝนอาจจะตกเพียงไม่กี่นาที แต่ก็สามารถทำให้บริเวณนั้นเกิดน้ำท่วมขังหรือที่เราต่างเรียกกันว่า ‘น้ำรอระบาย’
เสาร์นี้ในอดีต : จะพาย้อนไปเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2558 หนังสือพิมพ์ทุกสำนักต่างตีพิมพ์ขึ้นหนึ่ง กับวลีเด็ดของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ในขณะนั้นที่ว่า “ไม่อยากเจอน้ำท่วมให้ขึ้นไปอยู่ดอย” ซึ่งประโยคเด็ดดังกล่าวพาไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้ออกมาขอโทษประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในขณะนั้น เนื่องด้วยประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงฤดูร้อนด้วยซ้ำ อีกทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบตั้งรับไม่ทัน ซึ่งชาวกรุงต่างเดือดร้อนและต้องการทำตอบของการแก้ไขปัญหาของ ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งในช่วงหนึ่งของการแถลงระบุว่า
“ผมมารับตำแหน่งในครั้งแรก กทม. ได้ทำอะไรไว้มาก การระบายน้ำดีกว่าเมื่อก่อนที่ใช้เวลานาน แต่การระบายน้ำ 1 - 2 ชั่วโมงในขณะนี้ ถือว่าไม่นานเกินไป หากฝนตกในปริมาณ 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ก็จะสามารถระบายได้ทันที แต่ถ้าเกิน 60 มิลลิเมตรขึ้นไปอาจจะต้องใช้เวลา เราเป็นเมืองน้ำ เป็นเมืองฝน ไม่มีจุดเสี่ยงเลยคงไม่ได้ ถ้าไม่มีน้ำท่วมต้องไปอยู่บนดอย ใครจะว่าผม ผมไม่ได้ว่าอะไร ใครจะว่าผมก็ว่าได้ ที่ไม่เตือน กทม.”
ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าคำแถลงดังกล่าวทำให้ชาวกรุงและโลกออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากกับคำว่า “ไม่อยากเจอน้ำท่วมให้ขึ้นไปอยู่ดอย” จนเกิดเป็นประเด็นร้อนต่างให้ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์อออมาขอโทษกับสิ่งที่ได้แถลงไปโดยด่วน
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ได้ออกมาแถลงขอโทษพร้อมระบุว่า “บางครั้งตนพูดทีเล่นทีจริง สื่อก็ยกคำพูดนั้นเป็นเรื่องใหญ่โต ขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้เกียรติลูกน้องตนบ้าง เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างทำงานหนัก ส่วนจะด่าตน ด่าเมื่อไรก็ได้ ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.อีก 2 ปี ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวดีๆเกี่ยวกับการทำงานของ กทม.บ้าง”
จนกระทั่ง 18 ตุลาคม 2559 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ปลด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ พร้อมคณะทำงาน ออกจากตำแหน่งโดยใช้อำนาจ ม.44 และแต่งตั้ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม. จนถึงปัจจุบัน
กรุงเทพเจอฝนแล้วน้ำรอระบายอื้อ?
กรุงเทพมหานคร ในอดีตเต็มไปด้วยคลอง คู บึง ห้วย ที่ว่างรับน้ำเป็นจำนวนมาก เมื่อฝนตกลงมาสามารถระบายน้ำจากถนนและบริเวณที่อยู่อาศัยออกไปที่ลุ่มข้างเคียงได้ง่าย แต่ปัจจุบันความเจริญ ของชุมชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยขาดการกำหนดผังเมืองและการควบคุมการใช้ที่ดินอย่างเพียงพอ จึงเป็นเหตุให้ที่ว่างรับน้ำต่าง ๆ ถูกถมความสามารถซับน้ำฝนและผิวดินเกือบหมดไปเมื่อผิวดินส่วนใหญ่ ถูกแทนที่ด้วยอาคารและพื้นที่คอนกรีต รวมถึงระดับพื้นถนนและซอยไม่เท่ากัน หรือบางช่วงเป็นแอ่งท้องกระทะเนื่องจากแผ่นดินทรุด ท้าให้น้ำฝนไหลลงมาท่วมถนน และซอยที่ต่ำกว่าเป็นสาเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและรุนแรงในถนน
ปัจจุบันรอบกรุงเทพ มีอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ อุโมงค์ระบายน้ำประชาราษฎร์ สาย 2, อุโมงค์ระบายน้ำบึงมักกะสัน, อุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบและคลองลาดพร้าว และอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ ที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้วเปิดใช้ไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่เพิ่มเติมอีก 5 แห่ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่มีปัญหาน้ำท่วม
อ้างอิง : prbangkok.com , กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ภาพ : กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์
ความเห็น 102
ฉลวยลักษณ์ ประไพวงษ์
ท่านอดีตผู้ว่ากทมหายไปไหนคะ ครั้งสุดท้ายมีข่าวท่านประสบอุยัติเหตุทางรถยยต์ที่เชียงไหม่ ท่านไม่ให้ข่าว แล้วเงียบไปเลย ท่านคงอยู่สบายดีนะ อย่่าได้ไปกระทบกระเทียบท่านเลย คนนะต้องผิดพลาดบ้าง คนทำงานก็ต้องมี คนไม่ผิดพลาดคือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
11 เม.ย. 2564 เวลา 20.29 น.
PokKy Dj..💿.โย่วว..ว
และ...กับวลีเด็ด " ไม่อยากผมร่วง ให้โกนหัว สกีนเฮดซะนะน้อง "..........
............... ราตรีสวัสดิ์
03 เม.ย. 2564 เวลา 20.56 น.
Dragon 1095
"ไม่อยากเจอน้ำท่วม ให้ไปอยู่บนดอย" "พอไปอยู่ดอย"มันก็เผาป่า ไล่ลงมา"😅😅😅 สรุปคือ"คนที่ไม่รู้จักพอ" เอาเปรียบเพื่อนมนุษย์และธรรมชาติ
03 เม.ย. 2564 เวลา 01.01 น.
Noble Eightfold Path
ระวังปีนี้ มิดหัว มิดรถ ก้อได้
02 เม.ย. 2564 เวลา 23.33 น.
Moffie-Yu
เลวพอกันทั้งตูบและผู้ว่าฯ
02 เม.ย. 2564 เวลา 14.59 น.
ดูทั้งหมด