เปิดตำรา 5 แกงเนื้อ หากินยาก สุดแซ่บ สายเนื้อ ห้ามพลาด

เปิดตำรา 5 แกงเนื้อวัว สุดแซ่บ สายเนื้อ ห้ามพลาด เนื้อวัวก็เป็นอีกหนึ่งประกอบสำคัญของจานอาหาร และเป็นที่บริโภคอย่างแพร่หลายทั่วทุกมุมโลก

ถ้าพูดถึงเนื้อวัวแล้วหลายๆคนคงนึกถึงเนื้อวัววากิว A5 หรือเนื้อวัวโคขุนที่โด่งดัง  แต่วันนี้ทางข่าวสดจะมาแนะนำแกงไทยประเภทเนื้อวัวที่รับรองความอร่อยไม่แพ้เมนูเนื้อวัวจากต่างประเทศ

• แกงรัญจวน

เมนูแกงเนื้อระดับชาววังมีมาตั้งแต่สมันรัชกาลที่ 5  นอกจากจะได้รับชื่อที่ไพเราะ และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว แกงรัญจวนก็ยังมีที่มาที่น่าสนใจ โดยความเป็นมาของแกงรัญจวนนั้นได้ตีพิมพ์ผ่านบทประพันธ์เรื่อง "ชีวิตในวัง" ของหม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ โดยท่าได้กล่าวไว้ว่า ผู้ที่คิดค้นแกงรัญจวนก็คือ"หม่อมเจ้าหญิงแย้มเยื้อนสินหรา" ที่ห้องเครื่องวังสวนสุนันทา โดยเป็นการริเริ่มโดยการนำวัตถุดิบที่มีอยู่ก่อนแล้วมารังสรรค์เป็นอาหารจานใหม่ คือนำเนื้อวัวจากแกงที่มีอยู่แล้วนำมาเคี่ยวใหม่ และตำน้ำพริกกะปิละลายลงไป เป็นการเติมรสชาติให้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น

แกงรัญจวนประกอบไปด้วยสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่น ข่า ตระไคร้ ยี่หร่า มีสัพคุณช่วยแก้อาการ หอบหืด ปวดท้อง แก้ท้องอืดได้อีกด้วย โดยหม่อมหลวงได้กล่าวไว้อีกว่า"กินแล้วก็หวนหา ต้องกลับมากินใหม่" ด้วยรสชาติความอร่อย และมีประโยชน์ของแกงรัญจวนทำให้ใครที่เคยได้มากินแล้ว ก็ต้องหวนกลับมากินอีกรอบนั่นเอง

2. ต้มแซ่บเนื้อโคขุน 

ต้มแซ่บเนื้ออาหารจานเด่นจากภาคอีสาน โดยจะเน้นไปที่รสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อนถึงเครื่องสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็น ข่า ตระไคร้ ใบมะกรูด และหอมแดง ทำให้ต้มแซ่บกลายเป็นอาหารยอดนิยมได้อย่างง่ายดาย แถมยังทำได้ไม่ยากอีกด้วย

โดยต้มแซ่บที่อุดมไปด้วยสมุนไพร พร้อมเนื้อวัวโคขุนที่นุ่มลิ้นเป็นการผสมที่เข้ากันจริงๆ ยิ่งเวลาแฮงค์หลังจากปาร์ตี้ ต้มแซ่บถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มพลังและยังช่วยเรียกสติได้อีกด้วย

3. ต้มจิ๋วเนื้อ 

ต้มจิ๋วเนื้อเป็นอีกหนุ่งเมนูชาววังที่น่าสนใจ ต้มจิ๋วเนื้อเป็นเมนูอาหารที่เก่าแก่มาตั้งแต่สมันรัชกาลที่ 5 โดยพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท เป็นผู้คิดค้น โดยต้มจิ๋วเนื้อนั่นได้เป็นเครื่องเสวยถวายสมเด็จพระบรมราชชนกอีกด้วย โดยวัถุดิบที่เลือกใช้มีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด เช่น มะระ มีสารเบตาแคโรทีน เป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์ต้านมะเร็ง

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เครื่องปรุงและวัตถุดิบก็อาจเปลี่ยนไปตามท้องถิ่นและตามความชอบของคนปรุง อย่างไรก็ตามต้มจิ๋วเนื้อก็ถือว่าเป็นอาหารไทยโบราณที่สายเนื้อห้ามพลาดเป็นเด็ดขาด

4. เนื้อเค็มต้มกะทิ 

อีกหนึ่งเมนูชาววังที่ปัจจุบันหาทานได้ยาก โดยเนื้อเค็มต้มกะทิได้ถูกคิดค้นโดย หม่อมเรณี กาญจนมงคล ซึ่งเป็นชายามหาอำมาตย์ตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส พระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ส่งตำราให้กับ คุณณัฐสุวร์ กาญจนมงคล หลานสาวแท้ๆของหม่อมเรณี

เคล็ดลับในการทำคือ การเลือกเนื้อวัวที่มีคุณภาพ และต้องเคี่ยวนานจนเปื่อย ที่สำคัญคือการใส่หอมแดงลงไปเยอะๆ เพื่อเพิ่มรสชาติที่จัดจ้านและกลมกล่อม แต่ในบางกรณีบางท่านอาจเปลี่ยนเป็นการใส่หมูเค็มลงไปแทน นอกเหนือจากนี้ ที่มีการใส่กะทิลงไปนั้นเพราะว่าจะได้เพิ่มเข้มข้น คล้ายครีมที่ใส่ในอาหารตะวันตก เนื่องจาก หม่อมเรณีเป็นลูกครึ่ง ไทย-อิตาเลียน ดังนั้นรสชาติของเนื้อเค็มต้มกะทิ จึงเป็นอาหารไทยโบราณที่มีรสชาติผสมผสานระหว่าตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัว

5. แกงระแวงเนื้อ 

เป็นอีกหนึ่งแกงไทยโบราณที่หารับประทานได้ยากแล้วในสมัยนี้ โดยแกงระแวงนั้นเป็นที่นิยมทานกันโดยแพร่หลายในภาคใต้ของประเทศไทย โดยว่ากันว่าเป็นอาหารพื้นบ้านมาจากชาวชวา ประเทศอินโดนีเซีย โดยแกงระแวงมีส่วนผสมหลักเป็นขมิ้น ซึ่งขมิ้นมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่นช่วยปรับปรุงการทำงานของตับ และยังมีความสามารถในการช่วยย่อยอาหารภายในลำไส้อีกด้วย

แกงระแวง และ แกงพะแนงนั้นได้ชื่อว่าเป็นฝาแฝดกัน ต่างกันที่ว่า แกงระแวงจะใช้พริกแกงจากแกงเขียวหวาน ผสมกับ ขมิ้นและตะไคร้ ทำให้แกงระแวงมีรสชาติที่เผ็ดร้อนกว่า

5 เมนูแกงเนื้อที่ทีมข่าวสดนำมาฝากทุกท่าน เป็น 5 เมนูอาหารที่อุดมไปด้วยประโยชน์จากสมุนไพร และยังมีรสชาติที่จัดจ้าน โดย 5 เมนูที่เรานำมาฝากกัน อาจเป็นเมนูที่หาทานยากสักหน่อย แต่ก็รับประกันความอร่อยค่ะ