นับตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2025 เป็นต้นมา ไฟป่าร้ายแรงได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเขตมหานครลอสแองเจลิส (LA) และบริเวณโดยรอบ โดยไฟป่าเกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงเพราะสภาพอากาศมีความชื้นต่ำมาก และอากาศยังแห้งแล้ง บวกกับลมพายุแซนตาแอนาที่รุนแรงในระดับพายุเฮอริเคนที่พัดแรงถึง 100 ไมล์ต่อชั่วโมง (160 กม./ชม. หรือ 45 ม./วินาที) ในบางพื้นที่ จนถึงวันที่ 12 มกราคม ไฟป่าได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 16 ราย ทำให้ให้ผู้คนอีกเกือบ 180,000 รายต้องอพยพ และทำลายหรือสร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนมากกว่า 13,400 หลัง ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดจากไฟป่าสองแห่งที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ ไฟป่าพาลิเซดส์และไฟป่าอีตัน
สถานการณ์ไฟไหม้จุดหลักๆ มีดังนี้
ไฟไหม้ป่าย่านพาลิเซดส์ (Palisades) กลามอย่างรวดเร็วจนครอบคลุมพื้นที่ 5,000 เอเคอร์ ทำลายย่านแปซิฟิกพาลิเซดส์ของลอสแองเจลิสและมาลิบูที่อยู่ใกล้เคียง ไฟป่าครั้งนี้เป็นไฟป่าครั้งแรกและครั้งใหญ่ที่สุดในชุดไฟป่าในและรอบเมืองลอสแองเจลิสที่เกิดจากลมแรงในซานตาแอนา นอกจากนี้ยังมี ไฟไหม้ย่านอีตัน (Eaton Canyon) ได้ลุกลามไปจนมีเนื้อที่ 1,000 เอเคอร์ อย่างน้อย 5 คนเสียชีวิตจากไฟดังกล่าว จนถึงวันที่ 10 มกราคม โครงสร้างต่างๆ ถูกทำลายไปแล้วประมาณ 7,000 แห่ง
ไฟไหม้ทั้งสองแห่งเป็นแหล่งหลัก ยังมีไฟไหม้จุดย่อยๆ อีกหลายแห่ง โดยรวมแล้วจากสถิติของ Wildfire Alliance ระบุว่าไฟไหม้ป่าพาลิเซดส์เพียงแห่งเดียวสร้างความเสียหายมากที่สุดในภูมิภาคลอสแองเจลิส โดยมีโครงสร้างเสียหายอย่างน้อย 1,000 หลัง แซงหน้าไฟไหม้ป่าแซร์ ที่ทำลายโครงสร้างเสียหาย 604 หลังในปี 2008 และไฟไหม้ป่าเบลแอร์ที่ทำลายบ้านเรือนไปเกือบ 500 หลังในปี 1961
อะไรคือเหตุปัจจัยของหายนะ?
1. ภาะแห้งแล้งจัดและฝนตกหนัก - เป็นเรื่องแปลกที่ฝนตกหนักทำให้เกิดไฟป่าได้ แต่สาเหตุแรกเริ่มต้องไปดูที่พืชพรรณที่แห้งแล้งในมีอยู่ทั่วมหานคร LA และแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ที่ทำให้เกิดสภาพที่เป็นอันตราย โดยหลายพื้นที่ของแคลิฟอร์เนียตอนใต้ประสบกับภัยแล้งรุนแรง เป็นช่วงเริ่มต้นฤดูฝนที่แห้งแล้งที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ และปีที่แล้วมีช่วงเก้าเดือนที่แห้งแล้งที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ ตามการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nature Reviews Earth & Environment การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคทำให้ทั้งอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นและสร้างความผันผวนในระดับปริมาณน้ำฝน ภัยแล้งที่เกิดขึ้นพร้อมกับช่วงที่มีฝนตกหนัก เช่น ฤดูฝนในปี 2023 และ 2024 ส่งผลให้หญ้า พุ่มไม้ และต้นไม้เติบโตอย่างกะทันหัน แต่ต่อมาเมื่อฝนหมดไปพืชพรรณเหล่านี้จะแห้งอย่างรวดเร็วและหลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีสำหรับไฟป่า
2. กระแสลมแรงจัด - เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ยังมีเหตุปัจจัยมาจาก "ลมซานตาแอนา" (Santa Ana winds) ที่มีความรุนแรงเป็นพิเศษ โดยลมนี้ บางครั้งเรียกว่า "ลมปีศาจ" เป็นกระแสบลมที่รุนแรงและแห้งมาก ซึ่งมีต้นกำเนิดจากภายในแผ่นดินและส่งผลกระทบต่อชายฝั่งแคลิฟอร์เนียตอนใต้และบาฮาแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ลมเหล่านี้มีต้นกำเนิดจากมวลอากาศที่มีความกดอากาศสูงที่เย็นและแห้งในเกรทเบซิน ในช่วงที่เกิดไฟไหม้ มีการคาดการณ์ว่าลมกระโชกแรงถึง 50 ถึง 80 ไมล์ต่อชั่วโมง (80 ถึง 130 กม./ชม.; 22 ถึง 36 ม./วินาที) ลมช่วงนี้รุนแรงกว่าลมซานตาแอนาทั่วไปเนื่องจากความเร็วลมที่สูงกว่าในพื้นที่ที่สูงกว่า จนถึงเช้าวันที่ 7 มกราคม กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ (NWS) รายงานความเร็วลม 84 ไมล์ต่อชั่วโมง (135 กม./ชม. หรือ 38 ม./วินาที) ณ จุดหนึ่งในเมืองซานตาคลาริตา NWS รายงานเมื่อเวลา 18.19 น. ว่าพายุลมแรงนี้อาจกลายเป็นเหตุการณ์ลมแรงที่สุดในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ในปี 2568 โดยเฉพาะในหุบเขา
3. การตัดงบประมาณหน่วยดับเพลิง - กรมดับเพลิงลอสแองเจลิสต้องเผชิญกับการลดงบประมาณประมาณ 17.6 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2024–2025 การตัดงบประมาณนี้ซึ่งดำเนินการโดยนายกเทศมนตรีบาสส์ในเดือนกรกฎาคม 2024 ก่อนเกิดไฟป่าในเดือนมกราคม ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากคริสติน โครว์ลีย์ หัวหน้ากรมดับเพลิงเช่นกัน เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของกรมในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีการโต้เถียงระหว่างหลายฝ่าย เช่น สำนักข่าว Politico ระบุว่า รัฐบาล LA กำลังดำเนินการร่างสัญญาฉบับใหม่กับกรมดับเพลิงในขณะที่กำลังจัดทำงบประมาณ และเงินทุนเพิ่มเติมได้ถูกจัดสรรไว้ในกองทุนแยกต่างหากจนกว่าข้อตกลงจะสรุปผลในเดือนธันวาคม แต่แน่นอนว่ากระบวนการนี้สายเกินไป เพราะเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นมาก่อน
4. น้ำไม่พอใช้ในแคลิฟอร์เนีย - เมื่อเกิดไฟไหม้ป่าครั้งแรก อ่างเก็บน้ำซานตาอิเนซ ซึ่งเป็นส่วนประกอบขนาดใหญ่ 117 ล้านแกลลอนของโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำของลอสแองเจลิสที่ตั้งอยู่ในบริเวณแปซิฟิกพาลิเซดส์ตอนบน ได้ระบายน้ำออกจนหมดเนื่องจากต้องบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อซ่อมแซมรอยฉีกขาดที่ฝาปิด อ่างเก็บน้ำมีกำหนดกลับมาดำเนินการอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 -ขณะทีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรายงานว่าหัวดับเพลิงหลายสิบหัวในบริเวณแปซิฟิกพาลิเซดส์มีน้ำไหลน้อยมากหรือแทบไม่มีเลยระหว่างการดับเพลิงขั้นต้นเพื่อควบคุมไฟป่าพาลิเซดส์ โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LADWP รายงานว่าหัวดับเพลิงทั้งหมดในบริเวณนั้น "แห้ง" ในเวลาประมาณ 03.00 น. ตามเวลาแปซิฟิกของวันที่ 8 มกราคม
5. รัฐบาลจัดการน้ำได้ไม่ดี - ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้โซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่เมืองลอสแองเจลิสและกรมน้ำและไฟฟ้า (DWP) ว่าไม่ได้รักษาแหล่งน้ำและการไหลของน้ำที่เพียงพอในเมืองระหว่างที่เกิดเพลิงไหม้ ริค คารูโซ อดีตกรรมาธิการ DWP วิพากษ์วิจารณ์นายกเทศมนตรีบาสส์และโครงสร้างพื้นฐานดับเพลิงที่ไม่เพียงพอของลอสแองเจลิส โดยกล่าวว่า "เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอยู่ที่นั่น [ในละแวกนั้น] และพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย" ส่วน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตำหนิผู้ว่าการรัฐแตคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม ที่ปฏิเสธที่จะลงนามใน "คำประกาศฟื้นฟูน้ำ" หรือกรกักเก็บน้ำไว้ใช้ โดยอ้างนิวซัมต้องการแหล่งน้ำเอาไว้เพื่อปกป้อง "ปลาที่ไร้ค่าอย่างแท้จริงที่เรียกว่าปลาสเมลต์" แต่ทีมงานของนิวซัมตอบกลับว่าคำประกาศดังกล่าวไม่มีอยู่จริงและเป็นเพียง "เรื่องแต่ง" เท่านั้น
ทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - เฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงกำลังฉีดน้ำในขณะที่ไฟป่าพาลิเซดส์ กำลังลุกลามใกล้ชุมชน Mandeville Canyon และ Encino รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2025 ไฟป่าพาลิเซดส์ทำลายบ้านเรือนหลายพันหลังจนได้รับความเสียหาย ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ เปรียบเทียบว่าเป็น "ฉากสงคราม" (ภาพโดย Patrick T. Fallon / AFP)
ความเห็น 0