โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

การค้นพบหลักฐาน "เจดีย์ยุทธหัตถี" ที่ใช้ยืนยันตำนานพระนเรศวรชนช้างเป็นเรื่อง "จริง"!

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 17 มี.ค. 2567 เวลา 14.24 น. • เผยแพร่ 16 มี.ค. 2567 เวลา 08.34 น.
ภาพปก-เจดีย์ยุทธหัตถี
(ซ้าย) ซากเจดีย์ยุทธหัตถีเดิม (ขวา) เจดีย์ยุทธหัตถี สร้างใหม่ครอบองค์เดิม ตำบล ดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี (ภาพจากหนังสือ โบราณวัตถุสถานทั่วพระราชอาณาจักร จัดพิมพ์โดยกรมศิลปากร, พ.ศ. 2500)

เจดีย์ยุทธหัตถี เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์ถึง ยุทธหัตถี ระหว่าง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กับ พระมหาอุปราชมังกะยอชวา (หรือมังสามเกียดที่เรารู้จักกันในประวัติศาสตร์ไทย) ซึ่งเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2135 นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ของประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ถูกเน้นย้ำถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งตำราเรียน การ์ตูน รวมไปถึงภาพยนตร์

ชื่อเสียงและวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรในสงครามครั้งนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากเดินทางไปจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อสักการะเจดีย์ยุทธหัตถี

อย่างไรก็ตาม เจดีย์ยุทธหัตถี ที่เชื่อว่าถูกสร้างขึ้นหลังจากที่ พระนเรศวร เอาชนะ พระมหาอุปราช ได้ในศึกคราวนั้น กลับเพิ่งค้นพบในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

การค้นพบ “เจดีย์ยุทธหัตถี” สมัยรัชกาลที่ 6

ตลอดรัชสมัยในรัชกาลที่ 6 นโยบายชาตินิยมที่มุ่งเน้นการยกย่องวีรบุรุษของชาติ เช่น พระร่วง สมเด็จพระเจ้าตากสิน และสมเด็จพระนเรศวร ถูกใช้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักและหวงแหนชาติบ้านเกิดเมืองนอน

โดยเฉพาะกรณีของสมเด็จพระนเรศวร ดูเหมือนว่าจะทรงให้ความสำคัญเป็นพิเศษในฐานะวีรบุรุษสงครามผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทย

ดังนั้นแล้ว พระบรมราโชบายชาตินิยมต่าง ๆ ในรัชกาลที่ 6 จึงได้พยายามที่จะเชื่อมโยงพระราชกรณียกิจในพระองค์กับพระราชกรณียกิจในสมเด็จพระนเรศวร เช่น การก่อตั้ง “กองเสือป่า” ซึ่งนับได้ว่าเป็นนโยบายชาตินิยมที่สำคัญที่สุด มุ่งหวังปลูกฝังข้าราชการประชาชน ให้มีความรักและหวงแหนชาติบ้านเกิดเมืองนอน ด้วยการสมัครเข้าเป็นสมาชิกเสือป่า เพื่อจะได้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติจากการรุกรานของอริราชศัตรู

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำชื่อหน่วย “เสือป่าแมวเซา” ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ทำหน้าที่สอดแนมข้าศึกของสมเด็จพระนเรศวรมาตั้งชื่อให้กับ “กองเสือป่า” ในพระองค์ (Stephen L. Greene, 1999, p. 41)

การมีชัยใน สงครามยุทธหัตถี ทำให้สถานะวีรบรุษสงครามของสมเด็จพระนเรศวรมีความพิเศษเหนือพระมหากษัตริย์พระองค์อื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ไทย อย่างไรก็ตามนช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 การถกเถียงถึงการเกิดขึ้นจริงของสงครามยุทธหัตถี และการที่สมเด็จพระนเรศวรทรงสังหารพระมหาอุปราชได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อพม่าได้นำเสนอพงศาวดารฉบับหอแก้ว (Hmannan Maha Yazawindawgyi) ใน พ.ศ. 2375 ซึ่งอธิบายว่าสมเด็จพระมหาอุปราชทรงสิ้นพระชนม์เพราะถูกยิง (Barend Jan Terwie, 2013, p. 25)

พงศาวดารดังกล่าวทำให้เกิดข้อถกเถียงว่า สงครามยุทธหัตถีนั้นได้เกิดขึ้นจริงหรือไม่

เพื่อตอบโต้พงศาวดารฉบับหอแก้ว สยามได้เริ่มต้นตั้งหอสมุดสำหรับพระนครขึ้น โดยมีหน้าที่ชำระ รวบรวม จัดพิมพ์ และเผยแพร่ ความรู้ต่าง ๆ ของชาติไทย รวมทั้งความรู้ทางประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามยืนยันการมีอยู่จริงของสงครามยุทธหัตถี ผ่านงาน “พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์” ซึ่งหอสมุดค้นพบใน พ.ศ. 2450

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงต้องการใช้ภาพลักษณ์วีรบุรุษสงครามในสมเด็จพระนเรศวร เพื่อสนับสนุนพระบรมราโชบายชาตินิยม

ด้วยเหตุนี้ การเริ่มต้นสำรวจทางโบราณคดีเพื่อค้นหา เจดีย์ยุทธหัตถี ซึ่งเชื่อว่าถูกสร้างขึ้นหลังเหตุการณ์ชนช้าง อันจะเป็นการยืนยันว่าสงครามยุทธหัตถีได้เกิดขึ้นจริง จึงเริ่มต้นขึ้นใน พ.ศ. 2456

เมื่อพระยาสุนทรสงคราม (อี้ กรรณสูต) ผู้ว่าราชการเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งพยายามค้นหาเจดีย์ดังกล่าว โดยใช้ข้อมูลจากพระราชพงศาวดาร ที่บันทึกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ราชกิจจานุเบกษา, น. 2846 – 2847) ได้ค้นพบพระเจดีย์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีสภาพชำรุดทรุดโทรมตั้งอยู่กลางป่า ณ บริเวณลำน้ำบ้านคอย ในแขวงเมืองสุพรรณ

เจ้าพระยาสุนทรสงครามจึงได้ให้ช่างถ่ายรูป ประกอบทำแผนที่ระยะทาง และทำหนังสือกราบบังคมทูลแก่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2456

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับหนังสือที่เจ้าพระยาสุนทรสงครามทูลเกล้าถวายแล้ว ทรงมีพระราชดำริว่า เรื่องพระเจดีย์ที่เจ้าพระยาสุนทรสงครามพบนั้น น่าจะเป็น เจดีย์ยุทธหัตถี ที่สมเด็จพระนเรศวรได้มีพระบรมราชโองการให้สร้างขึ้น (ราชกิจจานุเบกษา, น. 2841) และเพื่อยืนยันว่าเจดีย์ที่พระยาสุนทรสงครามค้นพบนั้นเป็นของจริง

รัชกาลที่ 6 ทรงมีพระบรมราชโองการให้มีขุดค้นพื้นที่รอบพระเจดีย์ เพื่อค้นหาหลักฐานทางโบราณคดีที่หลงเหลือจากสงครามในคราวนั้น ซึ่งในรายงานที่ทูลเกล้าถวายฯ พระองค์ ก็ปรากฏว่ามีการค้นพบอาวุธโบราณถูกฝังอยู่บริเวณดังกล่าว ทั้งธนูโบราณ ปืนใหญ่ ธงไชยนำพระคชาธารของกองทัพสมเด็จพระนเรศวร (ราชกิจจานุเบกษา, น. 2846)

เจดีย์ยุทธหัตถีตั้งอยู่ที่เมืองสุพรรณบุรี

หลังจากที่มีการค้นพบ เจดีย์ยุทธหัตถี ที่เมืองสุพรรณบุรีแล้ว รัชกาลที่ 6 ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการพระเจดีย์แห่งนี้

ด้วยเหตุนี้ ในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2456 พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยเสือป่าหลวงรักษาพระองค์ เสือป่ามณฑลนครไชยศรี และลูกเสือหลวงโรงเรียนมหาดเล็ก รวมกว่า 400 คน เสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคจากพระราชวังสนามจันทร์ เพื่อไปนมัสการพระเจดีย์ยุทธหัตถี

กระบวนเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคถึงพระเจดีย์ยุทธหัตถีในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2456 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกราบนมัสการพระเจดีย์ยุทธหัตถีแล้ว พระยาสุนทรสงครามได้ทูลเกล้าถวายสิ่งของโบราณที่พบในบริเวณรอบ ๆ พระเจดีย์ยุทธหัตถี

หนึ่งในของโบราณที่ค้นพบคือวชิระ ซึ่งทำด้วยทองสัมฤทธิ์ยอดหนึ่งโดยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นยอดธงไชยนำพระคชาธารของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งในคำกราบบังคมทูลรายงานของพระยาสุนทรสงคราม ก็ได้พยายามผูกโยงภาพลักษณ์ของวีรบุรุษสงครามกับรัชกาลที่ 6

พระยาสุนทรสงครามได้รายงานว่า การค้นพบ “วิชระ” ในคราวนี้ว่า “… เป็นของซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตั้งพระราชหฤทัยประทานไว้สำหรับพระองค์ให้เป็นสวัสดิมงคล สนองพระราชอุสาหะ …” (ราชกิจจานุเบกษา, น. 2847)

ต่อมาในวันที่ 28 มกราคม ได้มีการทำพิธีบวงสรวง และสมโภชพระเจดีย์ โดยมีบรรดาเสือป่า ลูกเสือ ตำรวจ ทหารเข้าร่วมในพิธี ซึ่งในครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทำหน้าที่ผู้บังคับบัญชากองผสมด้วยพระองค์เองในพิธีคราวนี้ (ราชกิจจานุเบกษา, น. 2847)

นอกจากนี้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์หนังสือประวัติศาสตร์สองเล่ม ที่มีส่วนสำคัญในการยืนยันว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำ ยุทธหัตถี กับมังกะยอชวา คือ ไทยรบพม่า และ พระประวัติสมเด็จพระนเรศวร งานทั้งสองชิ้นได้บรรยายฉากรบระหว่างทั้งสองพระองค์และสรุปว่า

สมเด็จพระนเรศวรทรงสังหารมังกะยอชวาสิ้นพระชนม์คาคอช้างใน ยุทธหัตถี คราวนั้น

ด้วยเหตุนี้ ตำนานการชนช้างระหว่างสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระมหาอุปราชจึงได้ถูกยืนยันว่ามีอยู่จริง ผ่านการค้นพบ เจดีย์ยุทธหัตถี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และถูกบันทึกสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

Barend Jan Terwie. (2013). “What Happened at Nong Sarai? Comparing Indigenous and European Sources for Late 16th Century Siam,” Journal of the Siam Society 101, p. 19 – 34.

Stephen Lyon Wakeman Greene. (1999). Absolute dreams: Thai government under Rama VI, 1910-1925. Bangkok: White Lotus Press.

เสด็จพระราชดำเนิน ไปนมัสการพระเจดีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีไชย ชนะยุทธหัตถี,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 30, ตอนที่ ง (3 มีนาคม 2456): 2839 – 2859.

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 9 มิถุนายน 2562

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : การค้นพบหลักฐาน “เจดีย์ยุทธหัตถี” ที่ใช้ยืนยันตำนานพระนเรศวรชนช้างเป็นเรื่อง “จริง”!

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0