‘สำนวนไทย’เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ข้อสอบ A-Level วิชาภาษาไทย นำมาออกสอบทุกปี ส่วนใหญ่มักถามว่าประโยคที่ให้มาตรงกับสำนวนไทยสำนวนใด ซึ่งตัวเลือกที่นำมาให้น้อง ๆ เลือก ก็มักจะเป็นสำนวนที่มีความหมายใกล้เคียงกัน ในวันนี้คอลัมน์ ‘รู้ไว้เผื่อออกสอบ’จึงได้รวบรวมสำนวนที่ออกสอบบ่อย และจัดหมวดหมู่สำนวนที่มีความหมายใกล้เคียงกันพร้อมจับคู่คู่หูสำนวนที่ชวนสับสนมาให้น้องๆ ทุกคนจด และจำ เพื่อนำไปใช้ทั้งในการสอบ และในชีวิตประจำวันให้ถูกต้องตามความหมายกันค่ะ
ตัวอย่างโจทย์เรื่องสำนวนที่พบบ่อย
- ข้อใดใช้สำนวนไม่ถูกต้อง
- จากข้อความต่อไปนี้ตรงกับสํานวนข้อใด
- สำนวนในข้อใดต่างจากพวก
- สำนวนใดเหมาะสมที่จะเติมในช่องว่างของข้อความต่อไปนี้
สำนวนคืออะไร?
สำนวนคือ ถ้อยคำเชิงเปรียบเทียบที่ถูกเรียบเรียงให้สั้น กระชับ สละสลวย คมคายกินใจผู้ฟัง มีความหมายไม่ตรงตามตัวต้องอาศัยการตีความ เพื่อให้เข้าใจถึงนัยยะที่แฝงอยู่ โดยที่จำนวนคำในสำนวนมีตั้งแต่ 2-12 คำ นอกจากนี้ สำนวนยังสามารถแยกย่อยออกเป็น “สุภาษิต” และ “คำพังเพย”
สุภาษิตคือ คติสอนใจ ที่มีลักษณะคล้ายสำนวนแต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสั่งสอน หรือให้ข้อคิดเพื่อให้ทำความดี เน้นการแสดงหลักความจริงของคน และสังคมอย่างเป็นเหตุเป็นผล ส่วนใหญ่เรามักจะเข้าใจความหมายไปในทางสัจธรรม หรือความจริงที่อ้างอิงเรื่องศาสนาด้วย
คำพังเพย คือ สำนวน หรือถ้อยคําที่มีการเปรียบเทียบเรื่องราว หรือเหตุการณ์ โดยอ้างอิงจากวิถีชีวิต การใช้ชีวิตของคนสมัยก่อน ส่วนใหญ่จะให้ความหมายไปในทางเสียดสีสังคม ให้ความรู้สึกประชดประชันเพื่อสะท้อนความคิด เป็นข้อคิดสะกิดใจให้นำไปปฏิบัติได้
ตัวอย่างสำนวน สุภาษิต คำพังเพย
สำนวน :ขว้างงูไม่พ้นคอ หมายถึง ทำอะไรแล้วผลร้ายกลับมาสู่ตนเอง
สุภาษิต : น้ำขึ้นให้รีบตัก หมายถึง เมื่อมีโอกาสให้รีบฉวยโอกาสไว้
คำพังเพย :ทำนาบนหลังคน หมายถึง การเอารัดเอาเปรียบเบียดบังกำไรจากผู้อื่น
ที่มาของสำนวน
สำนวนไทยมีมากกว่า 100 สำนวน โดยแต่ละสำนวนต่างก็มีที่มาหลากหลายประเภท คอลัมน์ ‘รู้ไว้เผื่อออกสอบ’ ได้รวบรวมประเภทที่มาและตัวอย่างมาให้น้องๆ ทุกคนแล้วค่ะ
1. สำนวนที่มาจากธรรมชาติ- เป็นสำนวนที่เทียบเคียงมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
คลื่นกระทบฝั่ง หมายถึง ข่าวหรือเรื่องราวที่ครึกโครมขึ้นแล้วกลับเงียบหายไป
เปรียบเปรยกับคลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่งแล้วก็หายไป
2. สำนวนที่มาการกระทำและวิถีชีวิต- เป็นสำนวนที่เทียบเคียงมาจากการดำรงชีวิต เช่น ปัจจัยสี่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย พาหนะ
ก้นหม้อไม่ทันดำ หมายถึง คู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันได้ไม่นานก็หย่าร้าง
มีที่มาจากการหุงข้าวในสมัยก่อนต้องใช้หม้อดินและเตาฟืน เมื่อตั้งหม้อข้าวบนเตาที่ใช้ฟืนเป็นเชื้อไฟนานๆ เข้า เขม่าที่เกิดจากควันไฟจะขึ้นมาติดที่ก้นหม้อทำให้ก้นหม้อดำ
3. สำนวนจากประเพณีและวัฒนธรรม- เป็นสำนวนที่เทียบเคียงมาจากประเพณี วัฒนธรรม
ฝังรก ฝังราก หมายถึง ตั้งถิ่นฐานประจำ
มีที่มาจากประเพณีสมัยก่อนที่พ่อแม่มักจะฝังรกของเด็กไว้กับรากของต้นมะพร้าว โดยไว้ตรงที่ดินที่ตั้งใจจะยกให้เป็นที่อยู่อาศัยของลูกคนนี้ตอนโต
4. สำนวนจากศาสนา- เป็นสำนวนที่เทียบเคียงมาจากศาสนาและความเชื่อ
กรวดน้ำคว่ำขัน หมายถึง ตัดขาดไม่คบหาสมาคมกันต่อไป
มีที่มาจากการกรวดน้ำ แต่เป็นการกรวดน้ำโดย คว่ำภาชนะที่ใช้
5. สำนวนจากวรรณคดี- เป็นสำนวนที่เทียบเคียงมาจากวรรณคดี ตำนาน นิทาน ประวัติศาสตร์
ชักแม่น้ำทั้งห้า หมายถึง พูดจาหว่านล้อมหรืออ้างเหตุผลต่าง ๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
มีที่มาจากวรรณคดีเรื่องมหาเวสสันดรชาดก ตอนที่ชูชกจะขอสองกุมารจากพระเวสสันดร ชูชกได้พูดจาหว่านล้อมยกยอพระเวสสันดรว่าใจกว้างเหมือนแม่น้ำทั้งห้า
6. สำนวนจากการละเล่น หรือการแข่งขัน
สู้ยิบตา (สู้จนเย็บตา) หมายถึง สู้จนถึงที่สุด สู้อย่างไม่ย่อท้อ สู้ไม่มีถอย
สู้ยิบตา กร่อนมาจากสำนวน “สู้จนเย็บตา”มีที่มาจากการพนันชนไก่ ที่ถูกคู่ชนจิกแทงจนหน้าตาแตกจนมองไม่เห็น และต้องมีการรักษาไก่โดยการเย็บที่ตา เพื่อให้ไก่กลับไปสู้อีกครั้ง
รวมสำนวนที่มีความหมายใกล้เคียงกัน ออกสอบบ่อย!
ถ้าน้องๆ สังเกตกันจะเห็นว่า สำนวนไทยหลายๆ สำนวนจะมีความหมายใกล้เคียงกัน ในบทความนี้พี่แป้งได้รวบรวมสำนวนที่ออกสอบบ่อย และจัดหมวดหมู่สำนวนที่ความหมายใกล้เคียงกัน มาให้น้องๆ แล้วค่ะ
หมวดที่ 1 สำนวนที่เกี่ยวกับการได้ของที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง
สำนวนในหมวดนี้ใช้เปรียบเทียบกับคนที่ได้สิ่งที่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง หรือได้บางสิ่งไปแต่ตัวเองไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้
- ตาบอดได้แว่นหมายถึง ผู้ที่ได้สิ่งซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่ตน
- นิ้วด้วนได้แหวน หมายถึง ได้ของที่ไม่เป็นประโยชน์กับตนเอง
- หัวล้านได้หวีหมายถึง ได้ของที่ไม่เป็นประโยชน์กับตนเอง
หมวดที่ 2 สำนวนที่เกี่ยวกับการได้ของมีค่ามา แต่ไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น
สำนวนในหมวดนี้ใช้เปรียบเทียบถึงคนที่มีสิ่งที่ดีใกล้ตัว เช่น คนรักที่ดี หน้าที่การงานดี แต่กลับไม่เห็นคุณค่า ปล่อยปะละเลย จนในที่สุดสิ่งที่ดีเหล่านั้นก็หลุดมือไป
- ไก่ได้พลอยหมายถึง คนที่ไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีค่า
- วานรได้แก้ว หมายถึง ผู้ที่ไม่รู้คุณค่าของสิ่งมีค่าที่ได้มาหรือที่มีอยู่
Note :สำหรับหมวดที่ 1และหมวดที่2มักจะเป็นกลุ่มสำนวนที่ทำให้หลายคนสับสนบ่อยๆ เนื่องจากมีคำว่า ‘ได้’ อยู่ในทุกสำนวน ดังนั้น เวลาเจอโจทย์ที่มีตัวเลือกเกี่ยวกับสำนวนเหล่านี้ น้องๆ อาจจะต้องวิเคราะห์ประโยคให้ดี เพื่อที่จะได้เลือกใช้สำนวนให้ถูกต้อง
หมวดที่ 3 สำนวนที่เกี่ยวกับการโต้ตอบหรือลดตัวไปยุ่งกับคนพาล
สำนวนหมวดนี้ใช้เป็นคติสอนใจว่าเราไม่ควรเสียเวลาไปทะเลาะ ต่อล้อต่อเถียงกับคนไม่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้วจะมีแต่ตัวเราที่เสียศักดิ์ศรี เสียเวลา เหมือนกับการนำทองที่มีราคาสองกว่าไปถูกับกระเบื้องที่มีค่าน้อยกว่า
- เอาทองไปรู่กระเบื้องหมายถึง โต้ตอบหรือทะเลาะกับคนพาลหรือคนที่มีฐานะตํ่ากว่า เป็นการไม่สมควร
- เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือหมายถึง อย่าลดตัวไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ต่ำกว่า หรือการโต้ตอบ ทะเลาะกับคนพาล หรือคนที่มีฐานะต่ำกว่า
- เอาเนื้อไปแลกหนังหมายถึง การโต้ตอบหรือเอาเรื่องกับคนอันธพาลจะทำให้ตนเองเดือดร้อน ได้ไม่คุ้มเสีย
หมวดที่ 4 สำนวนที่เกี่ยวกับการคัดค้านผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีอำนาจมากกว่า
สำนวนในหมวดนี้ใช้เปรียบเทียบถึงการคิดเอาชนะผู้ใหญ่ ผู้มีฐานะสูงกว่า หรือผู้มีอำนาจมากกว่า ซึ่งมักจะไม่สำเร็จ เจอกับความล้มเหลว และอาจส่งผลร้ายต่อตัวเองด้วย
- เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงหมายถึง คัดค้านผู้ใหญ่ ผู้มีฐานะสูงกว่า หรือผู้มีอำนาจมากกว่าย่อมไม่สำเร็จ
- เอาเนื้อสู้เสือ หมายถึง ผู้ไม่มีอำนาจต่อสู้กับผู้มีอำนาจ
หมวดที่ 5 สำนวนที่เกี่ยวกับการร้อนตัว
- กินปูนร้อนท้องหมายถึง คนที่แสดงอาการมีพิรุธ มีท่าทีร้อนตัวกลัวความผิด จึงรีบแก้ตัวไว้ก่อน ทั้งที่ยังไม่มีใครรู้หรือสนใจด้วยซ้ำ
- วัวสันหลังหวะหมายถึง คนที่มีความผิดติดตัว เคยทำความผิดไว้ ทําให้คอยหวาดระแวงอยู่เสมอ
ทั้งสองสำนวนนี้คล้ายคลึงกัน แต่ต่างกันตรงที่กินปูนร้อนท้องมีการเน้นเรื่องเวลาที่เพิ่งเกิดขึ้นชัดเจน ส่วนวัวสันหลังหวะจะเห็นว่าคนทำผิดอาจจะทำมานานแล้ว แต่ยังไม่มีใครรู้จึงหวาดระแวงกลัวคนจะรู้
หมวดที่ 6 สำนวนที่เกี่ยวกับการหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว
สำนวนหมวดนี้นิยมใช้เปรียบเทียบคนที่ชอบหาเรื่องไม่เป็นเรื่องใส่ตัว แม้ว่าเรื่องนั้นจะไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยก็ตาม จนทำให้ตัวเองได้รับผลกระทบ
- เอามือซุกหีบ หมายถึง หาเรื่องเดือดร้อนหรือความลำบากใส่ตัวโดยใช่เหตุ
- แกว่งเท้าหาเสี้ยน หมายถึง คนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว ไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นโดยไม่จำเป็น จนตัวเองได้รับความเดือดร้อน
- หาเหาใส่หัว หมายถึง รนหาเรื่องเดือดร้อน เรื่องน่ารำคาญใส่ตัวเอง
หมวดที่ 7 สำนวนที่เกี่ยวกับการหวังผลประโยชน์
- หมาสองรางหมายถึง คนที่มีนิสัยเข้ากับคนได้ทั้งสองฝ่าย ที่เป็นศัตรูกัน โดยหวังประโยชน์เพื่อตน
- นกสองหัวหมายถึง คนที่ทำตัวเข้ากับทั้งสองฝ่าย ที่ไม่เป็นมิตรกัน โดยหวังประโยชน์เพื่อตน
- สองฝักสองฝ่าย หมายถึง ทำตัวเข้าด้วยทั้งสองข้าง ซึ่งมักไม่เป็นมิตรกัน โดยหวังประโยชน์เพื่อตน
- เหยียบเรือสองแคมหมายถึง ทำทีเข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่าย
- นกมีหู หนูมีปีกหมายถึง คนที่ทำอะไรกลับกลอก เข้าพวกกับทั้งสองฝ่าย เพื่อหวังประโยชน์ของตนเอง
หมวดที่ 8 สำนวนที่กล่าวถึงเรื่องง่ายๆ แต่คนไม่ได้คิดถึง
- หญ้าปากคอก หมายถึง เป็นเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่ ควรจะตอบได้ทันที แต่ก็คิดไม่ถึง ตอบไม่ได้
- เส้นผมบังภูเขาหมายถึง เรื่องง่าย ๆ แต่คิดไม่ออก เหมือนมีอะไรมาบังอยู่
หมวดที่ 9 สำนวนเกี่ยวกับการตอบโต้ไม่ให้ตนเสียเปรียบ
- เกลือเกลือ หมายถึง แก้แค้นให้สาสมกับที่ทำไว้, ไม่ยอมเสียเปรียบกัน
- หนามยอกเอาหนามบ่งหมายถึง ตอบโต้หรือแก้แค้นด้วยวิธีการทำนองเดียวกัน
หมวดที่ 10 สำนวนที่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายร้ายพอ ๆ กัน
- ขนมพอสมน้ำยาหมายถึง พอๆ กัน ไม่มีใครดีไปกว่ากัน
- ขิงก็ราข่าก็แรงหมายถึง จัดจ้านพอกัน, ต่างมีอารมณ์ร้อนพอกัน, ต่างไม่ยอมลดละให้กัน
- ขมิ้นกับปูน หมายถึง ชอบทะเลาะกันเมื่ออยู่ใกล้กัน, ไม่ถูกกัน
- ไม้เบื่อไม้เมา หมายถึง ไม่ลงรอยกัน, ขัดแย้งกันเป็นประจำ
สำนวน ‘ขมิ้นกับปูน’ และ ‘ไม้เบื่อไม้เมา’ คล้ายกันตรงที่ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะไม่ชอบกัน แต่ต่างกันตรงที่ขมิ้นกับปูน จะเน้นเรื่องการทะเลาะเวลาอยู่ใกล้กัน ส่วนไม้เบื่อไม้เมา เป็นการไม่ลงรอยกัน เพราะโกรธกันมาก่อน
รวมคู่สำนวนที่มักสับสนบ่อย!
สำนวนไทยหลายๆ สำนวนมักจะมีคำบางคำที่อยู่ในแต่ละสำนวนเหมือนกัน เช่น คำว่า ‘ได้’ ‘เอา’ ซึ่งมักจะทำให้หลายคนเกิดความสับสน และเลือกใช้ไม่ถูกต้อง พี่แป้งเลยรวบรวมคู่สำนวนที่ทำให้หลายคนสับสนบ่อยๆ มาให้น้อง ๆ ทำความเข้าใจ เพราะในภาษาไทยมีสำนวนที่มีคล้ายกันอยู่หลายสำนวน ซึ่งเป็นสำนวนที่ข้อสอบชอบมาหลอกเพื่อวัดว่าเรารู้จริงหรือเปล่า จะมีสำนวนอะไรบ้าง มาดูกัน!
คู่ที่ 1 ตาบอดได้แว่น/นิ้วด้วนได้แหวน/หัวล้านได้หวี vs ไก่ได้พลอย/วานรได้แก้ว
- ตาบอดได้แว่น/นิ้วด้วนได้แหวน/หัวล้านได้หวี หมายถึง ผู้ที่ได้สิ่งซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่ตน
- ไก่ได้พลอย/วานรได้แก้ว หมายถึง การที่ได้ของมีค่ามาแต่ไม่รู้คุณค่าของสิ่งนั้น
ขยายความ :สองสำนวนนี้ความหมายไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ธรรมชาติของคนหัวล้านเขาย่อมรู้ว่าหวีเอาไว้หวีผม แต่ตัวเองไม่มีผมก็ไม่รู้จะเอาหวีไปทำอะไร ในขณะที่ไก่เองก็ไม่มีทางรู้ว่าพลอยเป็นของที่มีค่า ดังนั้น ทั้งสองสำนวนนี้ความหมายจึงต่างกันโดยสิ้นเชิง
คู่ที่ 2 จับปลาสองมือ vs เหยียบเรือสองแคม
- จับปลาสองมือ หมายถึง หมายจะเอาให้ได้ทั้ง 2 อย่าง, เสี่ยงทำการสองอย่างพร้อม ๆ กัน ซึ่งอาจไม่สำเร็จทั้ง 2 อย่าง
- เหยียบเรือสองแคมหมายถึง ทำทีเข้าด้วยทั้งสองฝ่าย
ขยายความ : สองสำนวนนี้มีความหมายต่างกันตรงที่ จับปลาสองมือ มักใช้เตือนว่าอย่าทำอะไรสองอย่างพร้อมกันระวังจะเสียโฟกัสทั้งสองอย่าง แล้วจะพังหมดทั้งสองอย่างส่วนเหยียบเรือสองแคม มักใช้ตำหนิคนที่เข้ากับทั้งสองฝ่ายที่เป็นคู่แข่งกัน
คู่ที่ 3 สอนจระเข้ว่ายน้ำ vs สอนหนังสือสังฆราช
- สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำแปลว่า สอนสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้วหรือถนัดอยู่แล้ว
- สอนหนังสือสังฆราช แปลว่า สอนสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้ว
ขยายความ :ต้องบอกว่าคู่นี้ก็เป็น 2 สำนวนที่ฉุดคะแนนเราได้เหมือนกันค่ะ ถึงแม้ความหมายโดยรวมของสองสำนวนจะหมายถึง‘การสอนในสิ่งที่คนรู้ดีอยู่แล้ว’ เหมือนกัน แต่ไม่สามารถใช้แทนกันได้เพราะต่างกันตรงที่ สอนจระเข้ว่ายน้ำ เป็นการสอนในเรื่องที่ไม่ดี ส่วนสอนหนังสือสังฆราช เป็นการสอนในเรื่องที่ดี
คู่ที่ 4 เข็นครกขึ้นภูเขา vs งมเข็มในมหาสมุทร
- เข็นครกขึ้นภูเขาหมายถึง ทำงานที่ยากลำบากอย่างยิ่งโดยต้องใช้ความเพียรพยายามและอดทนอย่างมาก หรือบางทีก็เกินกำลังความสามารถหรือสติปัญญาของตน
- งมเข็มในมหาสมุทรหมายถึง ค้นหาสิ่งที่ยากจะค้นหาได้, ทำกิจที่สำเร็จได้ยาก
ขยายความ : ความหมายโดยรวมของสองสำนวนคล้ายกันตรงที่พูดถึงการ “ทำเรื่องยาก” ทั้งคู่ แต่ต่างกันตรงที่ เข็นครกขึ้นภูเขา เน้นความยากที่กระบวนการ ส่วนงมเข็มในมหาสมุทร เน้นความยากที่โอกาสในการสำเร็จบางครั้งกระบวนการของการทำสิ่งนั้นมันไม่ยาก แต่โอกาสที่จะสำเร็จนั้นยากมาก
คู่ที่ 5 น้ำซึมบ่อทราย vs เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน
- น้ำซึมบ่อทรายแปลว่า มีรายได้มาเรื่อย ๆ
- เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านแปลว่า เก็บเล็กผสมน้อย, ทำอะไรที่ประกอบด้วยส่วนเล็กส่วนน้อย โน่นบ้างนี่บ้าง จนสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ขยายความ: ถึงแม้ว่าทั้งสองสำนวนเป็นการพูดถึงเรื่องของเงิน หรือรายได้ แต่น้ำซึมบ่อทรายจะเน้นความหมายที่การมีรายได้เข้ามาเรื่อย ๆส่วนเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน เน้นความหมายที่การรวบรวมรายได้ทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
คู่ที่ 6 เอาเนื้อสู้เสื้อ vs เอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง
- เอาเนื้อสู้เสื้อหมายถึง คัดค้านผู้ใหญ่ ผู้มีฐานะสูงกว่า หรือผู้มีอำนาจมากกว่าย่อมไม่สำเร็จ
- เอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง หมายถึง เอาทรัพย์หรือสิ่งของจากคนที่มีน้อยไปให้ผู้ที่มีมากกว่า
ขยายความ :ถึงแม้ทั้งสองสำนวนจะมีคำว่า ‘เอา’ ที่เหมือนกัน แต่ความหมายนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ เพราะเอาเนื้อสู้เสื้อ เน้นเปรียบเทียบถึงผู้ที่มีอำนาจน้อยกว่าคิดจะเอาชนะผู้มีอำนาจมากกว่า แต่เอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง พูดถึงการเอาทรัพย์หรือสิ่งของจากคนที่มีน้อยไปให้ผู้ที่มีมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
สำนวนที่มักออกเสียงผิด
เชื่อว่ายังมีหลายคนที่บางครั้งเผลอใช้สำนวนผิดแบบไม่รู้ตัว พี่แป้งจึงหยิบตัวอย่างสำนวนที่มักออกเสียงผิด หรือสะกดคำผิดจนเคยชินมาให้ลองเช็กกัน น้องๆ จะได้จำและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง หรือถ้าเจอสำนวนไทยเหล่านี้ในข้อสอบ จะได้ตอบถูกโกยคะแนนสบาย ๆ ไปเลย
กงกรรมกงเกวียน (X)ที่ถูกคือ กงเกวียนกำเกวียน ()
หมายถึง ทำความผิด ความเลว ความชั่ว ไว้แก่ผู้อื่น ความผิด ความเลว ความชั่วนั้นก็กลับมาสนองผู้ทำเอง
ผลัดวันประกันพรุ่ง (X)ที่ถูกคือ ผัดวันประกันพรุ่ง ()
หมายถึง ขอเลื่อนเวลาออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
บ่าวช่างยุ (X) ที่ถูกคือ บ่างช่างยุ ()
หมายถึง คนที่ชอบพูดส่อเสียดยุยงให้เขาแตกกัน
ขนมผสมน้ำยา (X)ที่ถูกคือ ขนมพอสมน้ำยา ()
หมายถึง พอๆ กัน ไม่มีใครดีไปกว่ากัน
หยิบเบี้ยใกล้มือ (X) ที่ถูกคือ สิบเบี้ยใกล้มือ ()
หมายถึง ของเล็กน้อยที่จะได้แน่ ๆ ควรเอาไว้ก่อน.
ถอดเขี้ยวถอดงา (X) ที่ถูกคือ ถอดเขี้ยวถอดเล็บ ()
หมายถึง ละหรือเลิกทำสิ่งไม่ดีที่ผ่านมาในอดีต
มาทดสอบความรู้กัน!
รู้จักสำนวนที่มีความหมายใกล้เคียงกันไปแล้ว ถึงเวลามาทดสอบความรู้ความเข้าใจกันแล้วค่ะ สำหรับข้อสอบเรื่องสำนวนที่นำมาให้น้องๆ ฝึกทำกันในวันนี้มีทั้ง 2 ข้อด้วย เริ่มกันที่ข้อแรกเป็นข้อสอบ A-Level วิชาภาษาไทย ปี 2561
ข้อใดมีความหมายสอดคล้องกับข้อความต่อไปนี้
“เอาทรัพย์หรือสิ่งของจากคนที่มีน้อยไปให้แก่ผู้ที่มีมากกว่า”
- เอาเลือดกับปู
- เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
- เอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง
- เอากุ้งฝอยไปตกปลากะพง
- เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน
ข้อที่ 2 เป็นข้อสอบ A-Level วิชาภาษาไทย ปี 2565
สำนวนใดควรเติมลงในช่องว่างต่อไปนี้
ประนอมไปสนใจเรื่องของคนอื่น จนทำให้ตัวเองได้รับความเดือดร้อน เธอไม่น่าไปยุ่งเรื่องของเขาเลย_แท้ๆ
- มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
- มือถือสากปากถือศีล
- ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด
- แกว่งเท้าหาเสี้ยน
- หมูจะหามเอาคานเข้ามาสอด
น้องๆ ชาว Dek-D คิดว่าข้อไหนถูกต้อง ถ้ารู้แล้วว่าก็คอมเมนต์ด้านล่างได้เลย!
สำหรับคอลัมน์ ‘รู้ไว้เผื่อออกสอบ’ วิชาภาษไทย บทความต่อไปจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ฝากติดตามกันด้วยนะคะ หรือถ้าน้องๆ มีเรื่องราวน่าสนใจเรื่องไหน ที่อยากให้นำมาเล่า หรือแจกทริคการจำ ก็สามารถคอมเมนต์เอาไว้ด้านล่างได้เลย!