โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

พ่อแม่ด่าลูกได้ แต่ไม่บาปจริงไหม? แล้วจะรับมือยังไงดี..

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 02 ม.ค. 2565 เวลา 17.00 น. • nawa.
ภาพโดย Mote Oo Education จาก Pixabay
ภาพโดย Mote Oo Education จาก Pixabay

"ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการถูกทำร้ายจากคนที่เรารักที่สุด"

สิ่งที่เราได้ยินกันมาตลอดคือ ถ้าลูกด่าพ่อแม่จะเป็นบาปกรรมอันใหญ่หลวง เพราะว่าบุพการีเป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามา การด่าสามารถเรียกว่าเป็นพฤติกรรมอกตัญญูก็ว่าได้ ในเมื่อการถูกทำร้ายด้วยคำพูดสามารถสร้างแผลในจิตใจได้ยาวนานกว่าแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกายเสียอีก หลาย ๆ คนจึงมีความสงสัยลึก ๆ ในใจว่า แล้วในทางกลับกันล่ะ หากพ่อแม่ด่าเรา จะเป็นบาปกรรมของท่านหรือไม่ และหากใครกำลังเจอสถานการณ์แบบนี้ควรรับมืออย่างไรดี LINE TODAY ORIGINAL วันนี้มีคำตอบมาให้ค่ะ

เป็นบาปเหมือนกัน แต่..

ต้องบอกว่าบาปกรรมเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ เพราะกรรมคือผลของการกระทำ ไม่ว่าใครหน้าไหน สถานะใดก็ต้องได้รับความยุติธรรมจากผลของการกระทำอย่างเท่าเทียมกัน หากจะเจาะลึกลงไปอีกก็พบว่ามีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว แต่หากพูดถึงว่า บาปหรือไม่บาปนั้นให้ดู ‘เจตนา’ เป็นหลัก

หากพ่อแม่ดุด่าเราเพราะเจตนาอยากให้เราได้ดี เป็นคนที่มีคุณภาพ เติบโตอย่างไม่เป็นภาระสังคม ก็เข้าใจได้อยู่ เพราะการดุด่าว่ากล่าวเหล่านั้น มีเหตุผลรองรับอยู่ข้างใน แต่หากพ่อแม่ด่าด้วยคำหยาบคายเพียงอย่างเดียว ใช้อารมณ์มาก่อนทุกสิ่ง แบบนี้ก็คงเรียกว่าบาปเต็ม ๆ แต่เป็นบาปของคนที่กระทำเองนั่นแหละ เราก็แค่วางเฉยให้ได้ แม้ว่าเราจะรู้สึกไม่พอใจพ่อแม่ที่ทำแบบนั้นกับเราก็ตาม 

ขอย้ำว่า บาปกรรมเป็นเรื่องของคนที่กระทำพฤติกรรม เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่เราโกรธที่พ่อแม่ด่าเรา แล้วเราพูดคำไม่ดีกลับไป เราก็กำลังทำบาปทำกรรมซะเองเหมือนกัน

พ่อแม่ก็คือมนุษย์ธรรมดา

ใช่ค่ะ พ่อแม่ก็คือคนปกติธรรมดาแบบเรา ๆ ทุกคนนี่แหละ ย่อมทำถูกทำผิดได้ตลอดเวลาเหมือนกัน อย่าลืมว่าพ่อแม่ก็ไม่ได้มีคู่มือการเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบให้อ่านก่อนปฏิบัติกับเราหรอก ในวันนึงที่เราเองได้เป็นพ่อแม่คน เราอาจจะต้องลองผิดลองถูกกับลูกเราเสียเองเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราจะครูพักลักจำส่วนที่ดีที่พ่อแม่เคยสอนเราตรงไหนเพื่อไว้สอนลูกเราต่อไป หรือเราจะละทิ้งความไม่น่ารักที่เคยได้รับจากพ่อแม่ เพื่อที่จะไม่นำไปทำกับลูกเราต่อ ก็อยู่ที่เราจะพิจารณากันเอง

สำรวจตัวเองด้วย

ควรตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่พ่อแม่ด่าเรา มักเป็นเรื่องเดิม ๆ หรือเปล่า หากเป็นเรื่องเดิมก็ต้องเริ่มหันมาสำรวจตัวเองบ้างแล้วว่า เราเป็นแบบที่พ่อแม่พูดจริงไหม หากจริง ก็จะได้แก้ไขปรับปรุงตัว หากไม่จริงก็มีหลายทางออกให้เลือกทำ เช่น ในเมื่อไม่จริงก็ไม่ต้องสนใจ ปล่อยผ่านไปกับสายลม หรือหากไม่จริง ก็อธิบายกลับไปดี ๆ ว่าสิ่งที่พ่อแม่ด่า มันไม่จริง 

แต่หากสิ่งที่พ่อแม่พูดจาไม่ดีกับเราเป็นเรื่องของอารมณ์ล้วน ๆ เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิดก็ต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีถัดไปแทน

หาโอกาสเคลียร์ใจ

ในฐานะคนเป็นลูก หากโดนดุด่าจากพ่อแม่มาก ๆ ในบางครั้งก็รู้สึกน้อยใจ เสียใจได้เหมือนกัน และหากต้องเจอเหตุการณ์บั่นทอนจิตใจเช่นนี้บ่อยครั้งเข้า ก็อาจจะเก็บกดจนทำให้แตกหักกันได้ ทางที่ดีควรหาเวลาพูดเคลียร์ใจระหว่างกันก็ดีนะคะ เล่าความรู้สึกของเราให้พ่อแม่ฟังว่า เราไม่ชอบใจที่โดนด่าแบบนั้น หรือพ่อแม่มีเหตุผลอะไรถึงพูดไม่ดีแบบนั้นกับเรา บางครั้งแค่การนั่งเปิดใจกันก็จะทำให้เราเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ได้นะ แม่ก็อาจจะมีเหตุผลของแม่ พ่อก็อาจจะมีเหตุผลของพ่อ ลูกก็มีความรู้สึกของลูก แล้วนำความคิดของทุกฝ่ายมาหาจุดร่วมและทางสายกลางที่ลงตัว ปรับทัศนคติกัน ก็อาจช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัวให้ดีขึ้นได้

พ่อแม่วัยทอง ลูกต้องเข้าใจ

ปัญหาหลักของการที่พ่อแม่บางคนดูนิสัยเปลี่ยนไป โมโหร้าย เกรี้ยวกราดมากขึ้น ก็คือผลพวงจากฮอร์โมนในวัยทอง หากใครกำลังเจอพ่อแม่ในเวอร์ชันที่ไม่คุ้นเคย ขี้หงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย อาจเป็นเพราะท่านกำลังเข้าสู่ช่วงวัยทองเต็มตัว ร่างกายและจิตใจกำลังแปรผันไป และหากเป็นแบบนั้นจริง ก็ขอว่าอย่าโกรธพ่อแม่เลย เขาเองก็อาจไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นไปตามวัยและควบคุมยาก แต่อาจจะต้องคอยแนะนำ ดูแลท่านให้ใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อเป็นกระจกสะท้อนให้ท่านรู้เท่าทันตัวเองอีกที

ทนไม่ไหวก็ไปก่อนเลย

เข้าใจดีว่าความอดทนมีจำกัด แล้วชีวิตจริงก็ไม่ได้สวยหรูเสมอไป ครอบครัวที่ไม่ลงรอยกันก็มี พ่อแม่ที่เอาแต่ด่าลูกโดยไร้เหตุผลก็มีอยู่จริง หากการเคลียร์ใจกันไม่เป็นผล หรือทำยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจกันได้แน่ ๆ ก็ต้องแยกย้ายกันไปอยู่ในที่ที่สบายใจกว่า แต่ไม่ได้หมายถึงว่าลูกจะต้องทิ้งพ่อแม่หรือพ่อแม่จะตัดขาดลูก เพียงแค่อยู่ห่างกันกว่าเดิม อาจจะย้ายห้องพัก แยกไปอยู่คอนโด พบปะเจอกันตามเทศกาลหรือตามสะดวก อย่างน้อยไฟที่เคยร้อนเวลาต้องพบหน้ากัน ก็อาจดับลงได้ในเวลาชั่วขณะ เผลอ ๆ การอยู่ห่างไกลกัน อาจจะทำให้คิดถึงกันและกลายเป็นความรักความเข้าใจกันก็ได้นะคะ

เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ไปเล่าให้ใครฟังเข้าก็อาจไม่ได้เข้าใจเราทั้งหมดก็ได้ การแก้ปัญหาจึงขึ้นอยู่กับรายละเอียดของแต่ละคนมากกว่า ไม่ว่าลูกจะเลือกอดทนหรือเลือกวิถีชีวิตใหม่ในทางของตนเอง สิ่งสำคัญก็คือ ต้องรักษาสุขภาพจิตให้ดี เพราะหากสุขภาพจิตพังเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะพินาศตามไปด้วยแน่นอนค่ะ 

ใครเคยเจอปัญหาน่าหนักใจแบบนี้บ้าง สามารถแชร์ความรู้สึกกันได้ในคอมเมนต์เลยนะคะ ขอให้ทุกคนก้าวผ่านเรื่องเหนื่อย ๆ ไปได้อย่างสุขใจค่ะ

.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0