การให้อภัยคือทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะสามารถหยิบยื่นให้ได้ แต่หากฝ่ายตรงข้ามกลับกลายเป็นฆาตกรที่ลงมือปลิดชีวิตคนที่เรารักแล้วนั้น คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสามารถละจากอารมณ์โกรธแค้นหรือให้อภัยคน ๆ นั้นได้ เขาคนนั้นควรโดนสาปแช่งให้ได้รับกรรมอย่างสาสมเสียด้วยซ้ำ เพื่อทดแทนชีวิตที่ต้องสูญสิ้นและความเจ็บปวดที่ฝากรอยแผลในใจอย่างไม่มีวันจางหาย…แต่มีเหตุการณ์ ๆ หนึ่งที่เกิดขึ้นในศาลของเมืองเล็กซิงตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2017 ที่แย้งคำพูดข้างต้นทั้งหมด
ดร.สมบัติ จิตต์หมวด คือครูอิสลามชาวไทยที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อเมริกา ลูกชายของแกทำงานเป็นพนักงานส่งพิซซ่า ซึ่งในวันที่ 19 เมษายน 2015 มีคนพบร่างไร้วิญญาณของเขานอนแน่นิ่งอยู่บนทางเดินของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ศพถูกปาดคอและปล้นทรัพย์ ทราบชื่อในเวลาต่อมาว่า ซาลาฮุดดีน จิตต์หมวด ในวัย 22 คือเหยื่อของคดีฆาตกรรมครั้งนี้
ตำรวจใช้เวลาสืบคดี 2 ปีกับอีก 7 เดือนก่อนจะมาถึงวันพิพากษาที่ศาลตัดสินจำคุก เทรย์ เรลฟอร์ด หนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นคนวางแผนปล้นฆ่าซาลาฮุดดีน และถึงแม้เจ้าตัวจะให้การปฏิเสธว่าตัวเขาไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่า แต่โทษของเทรย์ก็คือเวลาที่ต้องใช้ในเรือนจำมากถึง 31 ปี ดร.สมบัติที่เข้าไปนั่งรับฟังการตัดสินคดีความในฐานะผู้เสียหายกลับทำสิ่งที่ทุกคนไม่ได้คาดคิดมาก่อน เมื่อศาลเปิดโอกาสให้แกได้พูด ดร.สมบัติได้ให้อภัยและยกโทษที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งสิ้นให้กับเทรย์…
"ถ้าซาลาฮุดดีนได้มายืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่และได้มาอยู่ที่นี่ เขาคงยกโทษให้กับคุณ แม่ของเขาไม่อยู่แล้ว ส่วนลูกชายของผมก็จากไปเสียแล้ว ผมในฐานะที่เป็นตัวแทนของทั้งคู่เลยขอยกโทษทั้งหมดนี้ ผมไม่ถือโทษโกรธคุณเลยนะเทรย์สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งการเป็นส่วนหนึ่งที่ทำร้ายลูกชายของผม ผมไม่โกรธคุณเลย แต่ผมขอคาดโทษสิ่งชั่วร้ายที่นำพาคุณให้ทำสิ่งนี้แทน…" ดร.สมบัติกล่าวในชั้นศาลด้วยน้ำเสียงที่เมตตา พร้อมกับคำให้อภัยนี้ เขายังได้แสดงความเสียใจไปถึงพ่อและแม่ของเทรย์ด้วยที่ลูกชายของพวกเขาต้องมารับบทลงโทษเช่นนี้
หลังจากที่ดร.สมบัติกล่าวจบ เขาก็ได้ยื่นกระทิชชู่ให้กับเทรย์ที่กำลังร้องไห้อย่างหนักและดึงเขาเข้าไปสวมกอด เขาบอกกับเทรย์ว่าไม่ต้องเสียใจไปนะ คุณพลาดได้แต่คุณยังมีโอกาสที่จะใช้ชีวิตต่อไป ขอให้เขาได้ทำแต่ความดีงาม ขอให้อยู่กับพระเจ้า
ทั้งครอบครัวของเทรย์เข้ามาร่วมกอดเพื่อแสดงความขอบคุณจากหัวใจและในขณะเดียวกัน การกอดครั้งนี้ก็แทนคำขอโทษของพวกเขาที่ได้ทำพลั้งพลาดไป ทุกคนในชั้นศาลผู้ซึ่งได้เป็นส่วนหนึ่งของโมเมนต์ที่น่าประทับใจนี้ต่างก็ปาดน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ แม้แต่ผู้พิพากษาก็ยังร้องไห้จนต้องประกาศพักการตัดสินคดีไปชั่วขณะ
ดร.สมบัติให้สัมภาษณ์กับ เว็บไซต์ BBC Thai ในภายหลังว่าการยอมรับกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นฉับพลันไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย และการให้อภัยกับคนที่ทำร้ายลูกชายของเขาจนตายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
"ผมกับลูกชายอีก 5 คนก็ประชุมกันว่า เราจะทำอย่างไรที่จะให้สิ่งที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับซาลาฮุดดีนนี้ ส่งผลในแง่บวกแทนที่จะเป็นในทางลบ ก็เลยตกลงกันว่าเราจะให้อภัยเขา" ดร.สมบัติกล่าว
การตัดสินใจนี้เองที่ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เกิดขึ้นอย่างสวยงาม และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงชื่อของ ดร.สมบัติ จิตต์หมวด ทั้งโลกจะจดจำเขาในฐานะคุณพ่อที่เป็นผู้ให้และมีเมตตาเปี่ยมล้นคนหนึ่งอย่างไม่ลืมเลือน : )
อ้างอิง
ความเห็น 148
sugeta
BEST
นับถือในจิตใจที่เมตตาของท่านมากค่ะขอให้ท่านและครอบครัวได้พบเจอแต่สิ่งดีๆตลอดไปค่ะ
04 พ.ค. 2564 เวลา 21.55 น.
Aleeya Saleemud
BEST
ขอบคุณที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพวกเราชาวมุสลิมนะคะ การให้อภัยคือผลบุญสุดยิ่งใหญ่
04 พ.ค. 2564 เวลา 22.43 น.
BENJAWAN
BEST
ชอบข่าวนี้ คุณเปนคนที่มีจิตใจงาม และคำพูดของคุณทำให้เราเลือกที่จะให้อภัยมากกว่าอื่นใด...
05 พ.ค. 2564 เวลา 00.34 น.
Daydream angel
รู้กลืนกล่ำ เลิศล้ำสมเป็นยอดคน คนที่โกรธเกลียดใครไม่เป็นและรู้จักให้อภัยเป็นบุคคลที่โคตรเท่มากๆเลยสำหรับผม อยากทำได้แบบนั้นมั่งง่าาาาาา
04 พ.ค. 2564 เวลา 22.43 น.
ขวัญ365
เคารพท่านด้วยใจจริงครับ แต่กับบางคนมันไม่มีสำนึกหรอกครับพอจนแต้มก็อ่อนเป็นขนมเปียกปูนพอมีแรงก็ทำเหมือนเดิมครับ แต่การให้อภัยก็เป็นทางนึงที่จะได้ไม่มีเวรกรรมต่อตลอดไปครับ
05 พ.ค. 2564 เวลา 00.35 น.
ดูทั้งหมด