ผมทรงนักเรียนตัดแล้ว ทำให้ “เรียนดี” และ “มีวินัย” จริงเหรอ?
สึสดี๊คร่าาาา (ชาวบ้านทั่วไปอาจจะออกเสียงว่า "สวัสดีค่ะ" แต่เจ้พอใจจะออกเสียงว่า สึสดี๊คร่าาา) มาเจอกับเจ้อีกแล้วนะคะคุณขา วันนี้เจ้อาจจะไม่มีข่าวสารอะไรอัปเดตมาเล่าสู่กันฟังเท่าไหร่นัก เพราะเจ้กำลังติดซีรีส์เลือดล้นข้นคลั่กอยู่ค่ะ เด็ก ๆ ในเรื่องนี่กรุบ ๆ กันดีจริง ๆ แอร๊ยยยย ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ คือพอเจ้เห็นเด็ก ๆ ในเรื่อง เจ้เลยนึกย้อนไปถึงสมัยเจ้ยังเป็นสาวเอ๊าะ ๆ เรียนอยู่โรงเรียนชายล้วนอะค่ะ
หลายคนที่เรียนโรงเรียนชายล้วนน่าจะเคยเจออะไรหลายๆ อย่างคล้ายกับเจ้ คือ เวลาเตะบอลเสร็จก็ต้องอาบน้ำด้วยกันเป็นกลุ่ม ทำอะไรก็ทำด้วยกัน ขนาดว่าตอนไปเข้าค่ายเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรม ตกดึกยังชวนกันตื่นมาทำกิจกรรมอย่างว่าร่วมสาบานกันเลยค่าาา พอดีกว่าพอ ๆ เรื่องแบบนั้นเจ้ขอข้ามแล้วกันนะคะ วันนี้เจ้อยากจะพูดเรื่องทรงผมของนักเรียนไทยกันหน่อยค่ะ
ถ้าพูดถึงทรงผมนี่นะคะ ตอนเด็ก ๆ เจ้ไม่ค่อยสงสัยอะไรนักหรอกค่ะ ผู้ใหญ่เขาให้ตัดทรงไหนก็ตัดไป เขาให้ตัดทรงนักเรียน ไถหัวเกรียน ๆ อะเจ้ก็ไถ เห็นเพื่อนแถวบ้านเป็นชะนีน้อย ต้องตัดผมให้สั้น ความยาวห้ามเลยติ่งหูงี้ เจ้ก็เห็นจนชินตา เห็นทั้งของเด็กผู้ชายเด็กผู้หญิง (หมายถึงเห็นทรงผม) จนชินไปหมดค่ะ ไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกอะไร ก็ทำตาม ๆ กันมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน
แต่พอเจ้เริ่มโตขึ้นมา เจ้ก็เริ่มรู้สึกละว่าเจ้ไม่อยากตัดผมทรงนี้อะ เจ้ว่ามันไม่เข้ากับหน้า นึกภาพหน้าสวย ๆ ใส ๆ แบบเจ้ แล้วต้องไปตัดผมเกรียน โอ๊ยยยย เจ้จะบ้านตาย เจ้ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าจะบังคับให้ตัดผมทรงนี้ทำไม
คือต้องเข้าใจปะคะว่าเหง้าหน้าแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย ๆ การเป็นวัยรุ่นมัธยมมันคือวัยที่ต้องเริ่มเข้าสังคม ไปเจอะเจอผู้คนที่หลากหลายขึ้นแล้วนะคะคุณขา จะบังคับให้ตัดผมแบบเดียวกันมันก็ไม่ใช่เรื่องอะ
ทรงผมมันคือหนึ่งในบุคลิกภาคที่ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าผมทรงไหนเหมาะหรือไม่เหมาะกับใบหน้าของแต่ละคน ถ้าทรงผมไม่เข้ากับหน้า ก็ยากที่จะทำให้ทุกคนมีความมั่นใจในตัวเอง จริงไหมคะ ถ้าจะอ้างว่าผมทรงเดียวกันทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน เจ้ว่ามันก็ไม่เกี่ยวปะคะ ในเมื่อเหง้าหน้าหนังหน้ามันไม่เหมือนกันมาตั้งแต่แรกแล้ว คนเราเกิดมาจากไข่คนละฟอง สเปิร์มคนละตัว จะให้หน้าออกมาเหมือนกันก็เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ถึงทรงผมจะเหมือน มันก็ไม่ได้ทำให้หน้าเหมือน ยังไงมันก็ไม่มีทางจะเท่าเทียมกันได้อยู่แล้วค่ะพี่ขา
หรืออย่างเด็กผู้หญิงวัยประมาณ 15-16 งี้ จะให้ทุกคนตัดผมติ่งหู เจ้ถามตรงนี้เลยค่ะว่า "ใครรอด" บ้าง พูดมาสิคะ พูด!!! พูดออกมา!!! มีกี่คนคิดว่าตัวเองตักผมทรงติ่งหูแล้วดูดีบ้าง พูดมา!! พูดออกมา!!!! เจ้เชื่อค่ะว่ามีไม่กี่คนหรอกค่ะที่คิดว่าตัวเองตัดผมทรงติ่งหูแล้วดูดี ถ้าดูดีจริง ให้กลับไปตัดทรงติ่งหู เอาไหมคะ เห็นมะ ไม่น่ะจะมีใครสักกี่คนหรอกค่ะที่อยากจะกลับไปตัดผมทรงติ่งหู เชื่อเจ้สิคะว่าเกินครึ่งต้องคิดว่าช่วงเวลาตัดผมติดหูคือหลุมดำแห่งบุคลิกภาพของตัวเองแน่ ๆ
บางคนถามมาอีกว่าแล้วใครเป็นคนบังคับให้ต้องตัดผมทรงนักเรียนล่ะคะ
นี่ค่ะนี่ เจ้ไปเจอข้อมูลนี้จากหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550 ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนบอกไว้ว่าประเทศไทยเริ่มรับผมทรงนักเรียน (รวมถึงเครื่องแบบนักเรียน) จากประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วคือช่วงนั้นเหาระบาดกันจริงจังมากค่ะคุณขา (เจ้รู้นะคะ ว่าคุณก็เคยเป็นเหา เจ้ไม่เคยนะคะ เจ้เป็นแต่โลน) คนไทยช่วงนั้นก็เลยนิยมตัดผมสั้นกัน ต่อมากระทรวงศึกษาธิการก็ได้ออกกฎกระทรวงเรื่องเกี่ยวกับทรงผมที่ "ไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียน" โดยในกฎกระทรวงฉบับที่ 1 ระบุว่า "นักเรียนชาย" ห้ามไว้ผมข้างหน้าและกลางศีรษะยาวเกิน 5 เซนติเมตร และชายผมรอบศีรษะต้องไม่ตัดเกรียนชิดผิวหนังหรือไว้หนวดหรือเครา ส่วน "นักเรียนหญิง" ห้ามไว้ผมยาวเลยต้นคอ แต่ถ้าโรงเรียนไหนอนุญาตให้ไว้ยาวกว่านี้ก็ให้รวบให้เรียบร้อย
แต่รู้กันมั้ยคะว่าปัจจุบัน กระทรวงศึกษาธิการมีประกาศเรื่องทรงผมนักเรียนว่า "นักเรียนชายให้ไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ หากไว้ผมยาวด้านข้างและด้านหลังต้องยาวไม่เลยตีนผม เช่นแบบทรงผมรองทรง" และ "นักเรียนหญิง ให้ไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อย"
แทบจะกรีดร้องค่าาาา พูดตรง ๆ ก็คือเดี๋ยวนี้ไม่ต้องติ่งหู ไม่ต้องหัวเกรียนแล้วก็ได้ แต่ว่าหลาย ๆ โรงเรียนยังบังคับให้เด็กต้องตัดทรงนักเรียน ต้องตัดทรงติ่งหูอยู่เลย แบบนี้ถือว่าขัดต่อกฎกระทรวงไหมคะ ลองถามใจดูวววววว
แต่ก็นั่นแหละค่ะ ถ้าปล่อยให้เด็กนักเรียนตัดผมทรงไหนก็ได้อย่างอิสระเสรีลั้ลลา ผู้ปกครองก็ต้องคอยกวดขัน คอยดูด้วยว่าทรงที่เด็กเลือกตามใจชอบน่ะ มันอยู่ขอบเขตที่เกินรับได้หรือเปล่า
สุดท้าย เจ้ยังยืนยันว่าเจ้ยังรู้สึกว่าเราควรปล่อยให้เด็กได้ใช้ความคิดของตัวเองในการเลือกทรงผมที่เหมาะกับบุคลิกภาพ เพราะทรงผมไม่ได้ส่งผลต่อสติปัญญา และก็ไม่ได้จะส่งผลต่อระเบียบวินัยของเด็กเท่าไหร่นัก เพราะพวกผู้ใหญ่เลว ๆ มากมายในปัจจุบันก็เป็นผลผลิตจากผมทรงนักเรียนเหมือนกัน ขอบคุณคร่าาาา
ความเห็น 73
สัพเพ ธัมมา อนัตตา
BEST
คนจะดีมีคุณภาพ ต้องคำนึงถึงส่วนรวมก่อน
กฏระเบียบ คือเรื่องของส่วนรวม
เมื่อคนคิดถึงส่วนรวมก่อน คือคิดถึงผู้อื่นก่อน
เมื่อคิดถึงผู้อื่นก่อน ก็ไม่เกิดการเห็นแก่ตัว
คนที่นึกถึงแต่ว่า
ตัวเองอยากจะทำอย่างนี้ มันไม่เดือดร้อนใคร(ทำให้คนอื่นเอือม ก็เดือดร้อนคนอื่นแล้ว)
ส่วนรวมกำหนดแบบนี้ ไร้สาระในความเห็นตัวเอง
แบบนี้เค้าเรียกเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง หรือเห็นแก่ตัว
สังคมไหนมีแต่คนเห็นแก่ตัว
การปกครองดีแค่ไหน สังคมก็ไม่พัฒนา
คนพวกนี้
สังคมที่เจริญแล้วในคนเห็นแก่ตัว คือ สังคมที่ตนได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว
26 ก.ย 2561 เวลา 05.27 น.
คุณชาญ
BEST
เรื่องนี้แล้วแต่มุมมองนะครับ คนที่มองว่าไม่จำเป็นเพราะไม่ได้ช่วยให้เรียนดีหรือมีวินัย ขึ้นอยู่กับสติปัญญา ความใฝ่ดีและสภาพแวดล้อมของเด็กก็มีเหตุผล ส่วนคนที่มองในแง่ของความมีระเบียบสวยงามและเหมาะสมกับสภาวะของการเป็นนักเรียนอีกทั้งเป็นการฝึกให้เด็กรู้จักเคารพกฎระเบียบเพื่อเป็นรากฐานในการเคารพกฏหมายของบ้านเมืองเมื่อเด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตก็ไม่ได้ไร้สาระแต่อย่างไร อยู่ที่มองมุมไหนนะครับ
26 ก.ย 2561 เวลา 05.20 น.
Rin
BEST
เพื่อความเรียบร้อย จะได้เหมือนกันหมดทุกคน ทรงผมไม่มีผลต่อสติปัญญา งั้นชุดนักเรียนก็ไม่มีผลต่อสติปัญญาความมีวินัย ไม่ต้องใส่ก็ได้ การบ้านไม่ต้องทำ เวลาเข้าเรียนไม่ต้องมีก็ได้ ใครอยากเรียนก็มา ใครไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน เรียนเก่งไม่ต้องมาเรียนก็ได้ ไม่ต้องเคารพครูก็ได้ ติดยาเสพติดก็ได้ ไม่มีผลต่อสติปัญญา นักเรียนขายตัวก็ได้ไม่มีผลต่อสติปัญญา เคารพการตัดสินใจของนักเรียนอยากทำห่าเหวอะไรก็ทำ รับรองชิบหาย มีผัวมีลูก ขายตัว เป็นโจร ติดยากันหมด
26 ก.ย 2561 เวลา 05.13 น.
ClearSky
แล้วสมัยคนเขียนตัดทรงนักเรียนไหม
แล้วตอนนี้เป็นคนดีหรือคนเลว
26 ก.ย 2561 เวลา 05.20 น.
l-vis 🏹
มึงเอาไรมาลงให้อ่านวะ สาดดเ
26 ก.ย 2561 เวลา 05.07 น.
ดูทั้งหมด