จะเป็นอย่างไรถ้าชีวิตอยู่ในโรคของความกังวล?
ทุกวันนี้เราทุกคนต่างลืมตาตื่นมาพร้อมสถานการณ์บางอย่างที่เราควบคุมไม่ได้มากขึ้น เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ( Covid – 19), สภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และไม่รู้ว่าจะดีขึ้นเมื่อไร, สังคมที่เริ่มมีข่าวความรุนแรงที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเรื่อย ๆ, ปัญหาสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศที่แปรปวนจนกระทบปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต เช่น ฝุ่น PM 2.5 หรือภัยแล้ง เป็นต้น
การอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ถือเป็นสิ่งกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เกิดความเครียดที่สูง
เพราะความต้องการพื้นฐานโดยธรรมชาติของจิตใจเราคือ “ความรู้สึกปลอดภัย” เมื่อมีสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย
ความคิดและความรู้สึกที่เกิดตามมาได้ง่ายคือ “ความกังวล” ซึ่งเกิดขึ้นจากกลไกป้องกันตัวเองจากความกลัวของเรา
เรากลัวอะไรบ้าง?
1.กลัวที่จะผิดพลาด : พฤติกรรมของความกังวลจะออกมาเป็นลักษณะของการคิดมากเกินความจริงหรือเกินความจำเป็น
2.กลัวไม่สำเร็จ : พฤติกรรมของความกังวลจะออกมาเป็นลักษณะของการกดดันตัวเอง กดดันคนรอบข้าง
3.กลัวไม่เป็นที่ยอมรับ : พฤติกรรมของความกังวลจะออกมาเป็นลักษณะของการไม่มั่นใจในตัวเองเกินความจริงที่เป็น
4.กลัวผิดหวัง : พฤติกรรมของความกังวลจะออกมาเป็นลักษณะของการมองโลกในแง่ร้าย
5.กลัวเกิดเหตุการณ์ร้ายซ้ำ : พฤติกรรมของความกังวลจะออกมาเป็นลักษณะของการหวาดผวาเมื่อเจอเหตุการณ์อะไรที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่ตัวเองเคยพบเจอ
6.กลัวการเปลี่ยนแปลง : พฤติกรรมของความกังวลจะออกมาเป็นลักษณะของความตื่นเต้น หรือร่างกายตื่นตัวกว่าปกติ
ทั้งหมดเป็นที่มาของความกังวลที่เกิดขึ้นได้กับเราทุกคน เมื่อมีเหตุของความกลัวเกิดขึ้น และหายไปเมื่อเหตุหายไปหรือเราเรียนรู้ที่จะปรับตัวและรับมือกับความกลัวนั้นได้
แต่ถ้าเราไม่สามารถปรับตัวได้ หรือมีความกังวลมากจนเกินไปก็สามารถทำให้เราเป็นโรคของความกังวลได้
ซึ่งโรคของความกังวลมีอยู่ 5 ลักษณะด้วยกันคือ
1.โรคแพนิค (Panic disorder)
อาการสำคัญที่เป็นคือ อยู่ ๆระบบประสาทอัตโนมัติก็ทำงานผิดปกติในชั่วขณะโดยคาดการณ์ไม่ได้ เช่น เหงื่อแตก ใจสั่น มึนงงเหมือนจะเป็นลม รู้สึกมวนท้องคลื่นไส้ ซึ่งในขณะที่เกิดอาการอาจมีความคิดกลัวว่าตัวเองจะตาย กลัวเป็นอะไรร้ายแรงหรือกลัวว่าตัวเองจะเป็นบ้า
2.Specific phobia and social phobia
อาการสำคัญคือ มีความกลัวต่อคน สัตว์ สิ่งของ เหตุการณ์บางอย่าง หรือการอยู่ในที่ที่มีคนมาก โดยที่ตัวเองก็รู้ตัวว่าความกลัวนั้นไม่สาเหตุสมผลต่อความเป็นจริง แต่ก็ควบคุมความกลัวนั้นไม่ได้จนต้องหลีกเลี่ยงจนกระทบกับการใช้ชีวิต เป็นยาวนานติดต่อกันมากกว่า 6 เดือน
3.โรคย้ำคิดย้ำทำ (obsessive – compulsive disorder)
อาการสำคัญคือ การมีมโนภาพหรือความคิดอัตโนมัติที่ผุดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ความคิดนั้นมักเกี่ยวกับเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย ความเป็นระเบียบ ความก้าวร้าวหรือความคิดทางเพศ ไม่อยากคิดแต่ห้ามไม่ได้และยิ่งพยายามห้ามความคิดก็จะยิ่งคิด การระบายความอึดอัดของความคิดจะออกมาเป็นการทำอะไรซ้ำ ๆ เช่นล้างมือซ้ำ ๆ จนมือเปื่อย เดินไปปิดกลอนซ้ำ ๆจนไปทำงานไม่ทัน เป็นต้น
4.Posttraumatic stress disorder
อาการสำคัญคือ การเกิดความผวา กลัวจนต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เราย้อนคิดถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในชีวิต
เช่น เคยประสบอุบัติเหตุจากการขับรถจักยานยนต์จนเสียคนรัก ทุกครั้งที่เห็นข่าวอุบัติเหตุหรือเห็นรถจักรยานยนต์ภาพการเกิดอุบัติเหตุของตัวเองก็จะกลับมา แล้วเกิดความหวาดผวาจนกระทบการใช้ชีวิต
5.Generalized anxiety disorder
อาการสำคัญคือ การวิตกกังวลเกินมากกว่าเหตุ เป็นตลอด เป็นกับทุกเรื่อง แม้จะรู้ตัวว่าเป็นความกังวลที่มากเกินไปแต่ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ยาวนานเกินกว่า 6 เดือน
เมื่อไรที่ความกังวลก้าวข้ามขอบเขตมาสู่เป็นความเป็นโรควิตกกังวลแล้ว เรามักเสียการควบคุมและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การทำงาน และความสัมพันธ์ได้ แต่ยังเป็นเรื่องง่ายที่เมื่อรู้ตัว ยอมรับ แล้วรีบมาพบแพทย์เพื่อดูแลรักษา
เพราะไม่มีใครไม่กังวล
ทักษะการดูแลความกังวลจึงเป็นเรื่องสำคัญในยุคที่อะไรก็เกิดขึ้นได้
--
ติดตามบทความใหม่ ๆ จากหมอเอิ้น พิยะดา ได้ทุกวันพุธ บน LINE TODAY
ความเห็น 16
teesiam4real & jeed
ต้องกลับไปหาผู้ที่สร้างเรามาคือพระเจ้า พระเจ้าได้ส่งพระเยซูมาตายแทนบาปของเรา ท่านคือสะพานที่เราสามารถข้ามไปหาผู้สร้างได้ และถ้าท่านรับพระเยซูมาเป็นผู้ช่วยให้รอด ท่านก็จะพบกับชีวิตที่มีสันติสุขปราศจากความกังวล ไม่เชื่อลองดูซิครับ
28 ก.พ. 2563 เวลา 03.51 น.
จะเป็นไงเป็นซืมเศร้าไงหมอ แล้วท้ายสุดก็จบชีวิตตนเอง
27 ก.พ. 2563 เวลา 12.05 น.
ดิฉันเคยเกิดอุบัติเหตุกับรถมอเตอร์ไซค์แต่ลูกไม่ยอมให้แม่ขับเพราะกลัวแม่เป็นอีกดิฉันหรือลูกเป็นมากกว่ากัน
27 ก.พ. 2563 เวลา 05.35 น.
ใช่
27 ก.พ. 2563 เวลา 05.23 น.
💢Phairot💢
😌👍
27 ก.พ. 2563 เวลา 04.29 น.
ดูทั้งหมด