โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดสาเหตุ กะเทยเขมรแสบลักพาตัว ‘น้องมาร์ติน’ อ้าง อยากได้เป็นลูก

BRIGHTTV.CO.TH

อัพเดต 08 พ.ค. 2567 เวลา 09.18 น. • เผยแพร่ 08 พ.ค. 2567 เวลา 02.16 น. • Bright Today

รวบแล้ว กะเทยพม่าตัวแสบ ลักพาตัว น้องมาร์ติน เด็กชายวัย 9 เดือน ถูกพาตัวไปไกลถึงระยอง เจ้าตัวอ้าง รัก-เอ็นดู อยากเอาไปเป็นลูก

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งมหากาฬการลักพาตัวเด็ก ที่กำลังถูกคนในสังคมจับตามองเป็นอย่างมาก หลังตำรวจได้รับแจ้งจากปู่ย่าว่าเด็กน้อยวัย 9 เดือน หรือ ‘น้องมาร์ติน’ ว่าถูกสาวประเภทของชาวเขมรอุ้มหายไป ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตามจับตัวกะเทยแสบได้แล้ว หลังพาเด็กน้อยนั่งรถทัวร์ไปไกลถึง จ.ระยอง

เปิดทามไลน์ลักพาตัวน้องมาร์ติน

  • เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 เวลา 22:00 น. ที่ สน.บางนา ทีมสายไหมต้องรอด โดย เอกภพ พร้อมเพื่อนบ้านพลเมืองดี พาปู่ย่าน้องมาร์ติน เด็กทารกวัย 9 เดือน หลังโดนบุคคลทำทีมาขออุ้ม ก่อนสบโอกาสอุ้มหนีหายไปจาก ซอย ท่าน้ำบางนา วัดบางนานอก กทม. เมื่อช่วง เวลา 15.14 น. ที่ผ่านมา เข้าแจ้งความเพื่อเร่งตามล่าตัวบุคคลดังกล่าว

ซึ่งตลอดทั้งวันมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเข้ามา โดยมีผู้พบเห็นล่าสุด ที่สถานี BTS สีลม ขึ้นไป ลงสถานีหัวลำโพง ในช่วงเวลา 17.30 น. และ ก่อนหน้ามีพลเมืองดีผู้พบเห็นลงรถเมล์ สาย 180 ที่หน้าโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ โดยทางทีมสายไหมต้องรอด ได้ประสานข้อมูลและส่งให้ทางเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน สน.บางนา เพื่อเร่งตามตัว

463382

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนางหอมและ นายวิชัย ทั้งสองคนร้องไห้ต่อหน้านักข่าวอยู่ในอาการที่วิตกกังวลเป็นอย่างมาก ทั้งคู่เล่าให้ฟังบอกว่า วันนี้หลานชายได้หายออกไปจากบ้านในช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 ซึ่งคนที่พาหลานชายของเธอไปเป็นสาวประเภทสอง ตอนเกิดเหตุสาวประเภทสองคนนี้บอกว่าจะพาหลานไปซื้อของเล่นที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วก็พาหลานชายหายไปเลย

โดยสาวประเภทสองคนนี้เพิ่งจะมาทำงานที่ไซด์งานก่อสร้างที่สามีของเธอทำงานอยู่ได้เพียง 1 สัปดาห์ ปกติก็จะชอบมานั่งเล่นกับหลาน ตัวเองก็ไม่คิดว่าเขาจะเอาหลานไป เพราะน้องมาร์ติน เป็นเด็กที่ไม่ดื้อ ใครอุ้มก็ไม่ร้อง ตอนนี้หัวใจของปู่กับย่าแตกสลายและกังวลว่า หลานจะได้รับอันตรายและกลัวสาวประเภทสองคนนี้จะพาหลานไปขาย

S 12247372
  • เวลาประมาณ 02.10 น. ของวันที่ 8 พ.ค. 67 ตำรวจคุมตัวนายน้อย แสงวัน สาวประเภทสองที่ลักพาตัวเด็กชายวัย 9 เดือน ไป ขึ้นรถมินิบัสไปจังหวัดระยอง มาถึง สน.บางนา เจ้าหน้าที่นำตัวเข้าห้องสืบสวน ระหว่างนั้นทีมข่าวพยายามสอบถาม เจ้าตัวอ้างว่ารักเอ็นดูเด็กอยากเอาเด็กไปเป็นลูก ปฏิเสธไม่ได้ลักเด็กไปขาย เมื่อถามว่าทำไมถึงไประยอง เจ้าตัวงึมงำพูดไม่ชัด

  • จากนั้นเวลาประมาณ 02.30 น. ตำรวจอีกชุดนำตัวเด็กมาถึง สน.บางนา ก่อนส่งมอบให้ปู่และย่า โดยปู่และย่ารีบโอบกอดและหอมแก้มหลานด้วยความดีใจ ขณะที่ปู่ของเด็กร้องไห้ก้มกราบเท้า พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเป็นการขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่ช่วยตามหาหลานกลับสู่อ้อมกอด โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ รีบนั่งรับไหว้แล้วบอกว่าไม่ต้องกราบ ให้ลุกขึ้น

1052288

อย่างไรก็ตาม หลังจากส่งมอบน้องมาร์ตินให้กับครอบครัว พล.ต.ต. นพศิลป์ ก็ได้เข้าไปสอบปากคำผู้ก่อเหตุด้วยตนเอง จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ลักพาตัวเด็กไปจริงโดยให้เหตุผลว่าต้องการนำไปเลี้ยง ขณะที่ตัวเองจะไปทำงานที่จันทบุรี โดยได้ลักพาตัวเด็กไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิตไปลงที่จังหวัดระยอง และเตรียมต่อรถไปยังจังหวัดจันทบุรีในช่วงเช้า

บางช่วงการสอบสวน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมะสุธี ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พยายามให้ผู้ก่อเหตุร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี แต่ผู้ก่อเหตุไม่สามารถร้องได้ แต่ยังยืนยันว่าตัวเองเป็นคนไทย

73482

จากการสืบประวัติเบื้องต้นไม่พบชื่อที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้างอยู่ในทะเบียนราษฎร์ แต่ให้การว่าเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดถูกจำคุกที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานคร เบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างการสืบค้นประวัติ แล้วส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและพรากผู้เยาว์ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ขณะที่ยายเปิ้ล อินทราจักร คุณปู่ของเด็กให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังทราบว่าหลานปลอดภัยแล้ว ดีใจมากที่หลานกลับขึ้นมา ทีแรกกลุ้มใจ ไม่รู้จะไปพึ่งใคร คนในซอยบอกให้ไปแจ้งตำรวจจึงได้มาแจ้งความไว้ ยอมรับว่าตำรวจไทยเก่ง ทีแรกกังวลว่าจะไม่ได้หลานคืน ตนรักหลานคนนี้มากพ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่เล็กจึงได้นำมาเลี้ยง เคยได้ยินข่าวขโมยเด็กพอเจอกับตัวเองรู้สึกเลย ดีใจมากที่พึ่งตำรวจไทยได้ ตำรวจนำภาพหลานให้ดูหลังจากเจอตัวแล้ว ดีใจมาก

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...