โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ทนายความ 2 ผัวเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ แฉกลับสาวทอม งานนี้หนังคนละม้วน

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

อัพเดต 11 พ.ย. 2565 เวลา 07.38 น. • เผยแพร่ 11 พ.ย. 2565 เวลา 07.10 น.

ทนายความ 2 ผัวเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ แฉกลับสาวทอมงัดคลิปหลักฐานประกอบ งานนี้หนังคนละม้วนออกสื่อเรียกร้องความสนใจ

เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ได้พา น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม) พบพงส.บก.ป.แจ้งความดำเนินคดีกับคู่สามีภรรยานายจ้างเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์มีชื่อเสียง มูลค่าบริษัทหลายร้อยล้านบาท โดยมีนาย จ. และ นาง บ. เป็นเจ้าของบริษัท และเป็นสามีภรรยากัน ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการใด

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)
ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)

ล่าสุดนายเอกสิทธิ์ ศรีสังข์ ทนายความของเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ เกี่ยวกับคดีสาวทอม ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า กรณีที่สาวทอมอดีตลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับบัญชี ที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี ไปออกข่าว หรือไปแจ้งความว่าถูกกระทำชำเรา หรือกักขังหน่วงเหนี่ยว ความจริงในเรื่องนี้ เบื้องต้นสาวทอมเป็นชู้กับเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี

แต่พอมาถูกจับได้ก็มีการพบปะและเลิกกับภรรยาผู้เสียหายหลายครั้ง ระหว่างที่คบหากันได้มีการพูดจาขอความเห็นใจ และได้เงินจากภรรยาของผู้เสียหายไปไม่น้อยกว่า 500,000 บาท และทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แหวนแบรนด์เนม แต่พฤติกรรมของสาวทอมก็ยังไม่ยอมหยุด กระทั่งเวลาเนิ่นนานกว่า 5 - 6 ปี ก่อนจะมีการจับได้เมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)
ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)

ทนายความเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ดังกล่าวระบุต่อไปว่า หลังจากนั้นผู้เสียหายฝ่ายชายได้เสนอทางเลือก 2 ทาง คือ ต้องคืนเงินรวมทั้งทรัพย์สินที่ได้ไป หรือหากรักภรรยาของผู้เสียหายมาก เมื่ออยู่กันมา 5 - 6 ปี จึงเสนอให้มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลังจากนั้นจึงได้ตกลงมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 มาอยู่บ้านเดียวกัน และมีสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว และใช้ชีวิตเฉกเช่นกับสามีภรรยาทั่วไปโดยความยินยอมของทุกฝ่าย

นอกจากนี้ นายเอกสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องนี้ไม่กังวลในการต่อสู้คดีในชั้นศาล แต่ต้องมาพูดเพราะว่าหากไม่พูดสังคมจะไม่เข้าใจ สุดท้ายเชื่อว่าคดีจะจบลงด้วยดี เพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัว แต่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง สุดท้ายหากมานั่งคุยและปรับความเข้าใจกัน เชื่อทุกฝ่ายคงจบลงไปด้วยดี
ส่วนสัญญาที่อ้างว่าเป็นทาสดูแล้ว เป็นเรื่องข้อตกลงมีการคบกัน 3 คน หากจะเลิกก็ต้องสมัครใจเลิกกันทั้ง 3 คน และจะไม่ทำร้ายกัน ซึ่งไม่มีการบังคับอะไรกันเลย ส่วนการประสานงานกับทางสาวทอมนั้น ยอมรับว่าติดต่อไปแล้ว แต่ไม่มีการตอบไลน์ หากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาคงต้องไปชี้แจง
"ยอมรับว่าสองผัวเมียขณะนี้เครียดมาก จากที่มีข่าวออกมา และทำให้เสียชื่อเสียง ที่สำคัญเป็นการออกข่าวฝ่ายเดียว จึงได้ออกมาชี้แจงข้อมูลให้สังคมทราบบ้าง และผมจะไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 11 พฤศจิกายน เพื่อขอทราบข้อมูล เพื่อมาเตรียมการในการยื่นคำให้การในคดีนี้ต่อไป" นายเอกสิทธิ์ ระบุทิ้งท้าย

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)
ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0