จากถุงเท้าสร้างสมดุลของชาวญี่ปุ่นโบราณ ถึงรองเท้า ‘ทาบิ’ ของ Maison Margiela งานไอคอนิกที่ทั้งขบถ และท้าทาย แนวคิดเรื่องความงามในโลกแฟชั่น จนเป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้
จะมีรองเท้าสักกี่คู่ในโลกที่ทุกวันนี้คนก็ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่ามัน ‘สวย’ หรือ ‘น่าเกลียด’ ‘ประหลาด’ หรือ ‘ล้ำ’ กันแน่ และรองเท้า ‘Tabi’ หรือที่หลายคนเรียกมันว่า ‘รองเท้ากีบหมู’ จากแบรนด์ Maison Martin Margiela ก็คือหนึ่งในไอเทมซึ่งเป็นที่ถกเถียงนั้น ไม่ใช่แค่ในโลกแฟชั่น แต่ไม่ว่าใครที่ได้เห็นมัน ต่างบอกคล้ายกันว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่รองเท้าคู่ไหนจะสร้างอารมณ์อันหลากหลายได้ขนาดนี้ ขณะที่บอกคนก็ว่า ใครหลงรักมันแล้วก็รักเลย แต่หากใครไม่ชอบ ก็จะเกลียดมันไปเลยเหมือนกัน
จริงๆ แล้วรองเท้า Tabi ไม่ได้ถูกคิดค้นโดยแฟชั่นเฮาส์และดีไซเนอร์เบลเยียมอย่าง มาร์ติน มาร์เจียลา (Martin Margiela) อย่างที่อาจเข้าใจกัน แต่รองเท้า Tabi คือ รองเท้าที่คนงานชาวญี่ปุ่นใส่ทำงานกันตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 15 แล้ว ในตอนแรก Tabi เป็นถุงเท้าที่ออกแบบมาสำหรับแยกนิ้วโป้งเท้าที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วอื่นๆ ออกจากนิ้วอื่นๆ เพราะคนญี่ปุ่นเชื่อว่าการแยกนิ้วเท้าแบบนี้จะช่วยสร้างความสมดุล และสมาธิ ให้สมองกับจิตใจได้ ตามศาสตร์ของการนวดกดจุดฝ่าเท้าของคนโบราณ
คนญี่ปุ่นจะสวมถุงเท้า Tabi กับรองเท้าแตะแบบคีบทำจากไม้ของคนญี่ปุ่นที่เรียกว่า Geta (เกะตะ) แต่ด้วยความที่เส้นใยฝ้ายซึ่งใช้ในการตัดเย็บถุงเท้า Tabi สมัยนั้นราคาแพงและค่อนข้างหายาก ทำให้มีแค่คนชนชั้นกลางหน่อยเท่านั้นที่จะสามารถซื้อหาถุงเท้า Tabi มาใส่ได้ และ Tabi ยังได้แบ่งแยกชนชั้นกับสถานะทางสังคมของคนที่สวมใส่มันด้วย เช่น คนชนชั้นกลางค่อนไปสูงที่มีอันจะกินหน่อย ก็จะใส่ Tabi สีทองกับสีม่วง ส่วนซามูไรก็สามารถใส่ Tabi ได้ทุกสียกเว้นสีทองกับสีม่วงของคนชนชั้นสูง ขณะที่สามัญชนคนทั่วไปก็มักจะใส่ Tabi สีน้ำเงินกัน จนกระทั่งในภายหลัง ญี่ปุ่นเริ่มเปิดทำการค้าขายกับจีนมากขึ้น ถุงเท้า Tabi ก็เริ่มแพร่หลายไปในสู่พื้นวัฒนธรรมอื่นๆ ทั่วโลก และถูกพัฒนาโดยการเพิ่มวัสดุอื่นๆ เข้าไป เช่น พื้นหนัง เพื่อให้เหมาะกับการทำงาน Outdoor บางอย่างมากขึ้น
ปัจจุบันมีแบรนด์แฟชั่นที่นำไอเดียของรองเท้า Tabi มาพัฒนาในแบบโมเดิร์นขึ้น มีสีสัน และรูปแบบหลากหลายมากขึ้น อย่างที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกัน คือ แบรนด์กีฬาอย่าง Nike ที่ก็ได้รับอิทธิพลของรองเท้า Tabi ในตำนานมาด้วยเหมือนกันกับรุ่น Air Rift ที่หน้าตาเหมือนเป็นลูกผสมระหว่างรองเท้า Mary Janes มีสายคาด กับเอกลักษณ์การแยกนิ้วแบบ Tabi เช่นเดียวกับแบรนด์ Vetements ที่ก็เคยทำรองเท้าบูต Tabi กับเขาด้วยเหมือนกัน
แต่ไม่น่าจะมีใครทำให้รองเท้า Tabi ให้เป็นที่จดจำและกลายเป็นไอคอนิกได้มากไปกว่าเมซอง มาร์เจียลา อีกแล้ว!
แม้ว่าดีไซเนอร์ มาร์ติน มาร์เจียลา จะไม่ได้เป็นผู้คิดค้นมันก็จริง ทว่าสิ่งที่ทำให้ Tabi ของมาร์เจียลาแตกต่างก็คือ เขาเป็นมนุษย์ที่ชอบ ‘Deconstruct’ โดยจับอะไรเดิมๆ มาบิดรูป เปลี่ยนฟอร์ม ออกมาเป็นสิ่งใหม่ได้เสมอ และเจ้ารองเท้า Tabi นี่เองก็ด้วย
รองเท้า Tabi ของมาร์เจียลามีแนวคิดในการออกแบบว่า ‘ยืนอยู่บนส้นสูงแต่ก็ยังรู้สึกสบายเหมือนเท้าที่เปลือยเปล่า’ โดยผสมผสานระหว่างความคลาสสิกของรองเท้าบูตหนัง กับความ Chunky หน่อยๆ ของตัวแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาให้สูงและโอบรับรูปเท้ากำลังดี
แต่ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่มาร์เจียลา ออกแบบรองเท้าบูต Tabi ในตอนแรก กลับไม่มีช่างทำรองเท้าคนไหนยอมตกปากรับคำตัดเย็บรองเท้า Tabi ให้กับเขาเลย ทุกคนต่างคิดเหมือนกันประมาณว่า ‘รองเท้าที่แยกนิ้วเท้าออกจากกันเนี่ยนะ?’ เพราะช่างทำรองเท้าส่วนใหญ่ในตอนนั้นมองว่า Tabi ของมาร์เจียลา ดูเป็นรองเท้าที่สุดโต่งเกินไปสำหรับวิธีการตัดเย็บรองเท้าหนังแบบดั้งเดิม จนกระทั่งมาร์เจียลา ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับช่างฝีมือชาวอิตาเลียนคนหนึ่งผู้เพียงแค่เห็นโปรโตไทป์แรกรองเท้า Tabi ที่มาร์เจียลา โชว์ให้เขาดูในดินเนอร์คืนหนึ่ง แววตาของเขาก็ลุกวาวขึ้นทันที แล้วรองเท้า Tabi รุ่นโปรโตไทป์นั้นก็มีโอกาสได้ไปเดินเฉิบๆ อยู่บนรันเวย์แรกของมาร์เจียลาที่ปารีสในปี 1998 ในที่สุด และเป็นโชว์ที่สร้างตำนานให้กับรองเท้าบูต Tabi ด้วย เมื่อบรรดานางแบบสวมรองเท้า Tabi ที่ถูกนำไปจุ่มสีแดง ทำให้ทุกย่างก้าวของพวกเธอทิ้งรอยเท้าทรงประหลาดสีแดงสดเอาไว้บนรันเวย์ ราวกับตั้งใจเป็นสัญลักษณ์ให้คนจดจำ และถกเถียงกันตั้งแต่นั้นว่ามันคือ ‘รอยเท้าคน’ หรือ ‘รอยเท้าสัตว์’ กันแน่ ซึ่งมาร์เจียลาเคยกล่าวถึงการเล่นใหญ่ครั้งนั้นในภายหลังว่า ‘ทุกคนควรรู้ว่ามีรองเท้าแบบใหม่เกิดขึ้นมาแล้วนะ แล้วอะไรจะเป็นการบอกได้ดีไปกว่า ‘รอยเท้า’ ล่ะ?’ “ตอนเริ่มทำแบรนด์แรกๆ บอกตรงๆ เลยว่าเราไม่ได้มีทุนมากมายนักให้ทำรองเท้าแบบใหม่ๆ แล้วก็ไม่ได้มีชอยส์มากด้วย เราเลยยังต้องมีรองเท้า Tabi อยู่ในคอลเลกชันต่อๆ ไปไงล่ะ” มาร์ติน มาร์เจียลา กล่าว “แต่แล้วผู้คนต่างก็ถามหารองเท้า Tabi กันใหญ่ พวกเขาต้องการมันอีกในคอลเลกชันต่อมาของเรา และไม่เคยหยุดถามหามันเลยนับจากนั้น ขอบคุณพระเจ้า!”
ไม่เกินจริงหากจะบอกว่ารองเท้าบูต Tabi ของมาร์เจียลา ท้าทายโลกแฟชั่นด้วยการนำเสนอแนวคิดขบถต่อสิ่งที่เรียกว่า ‘ความงาม’ ด้วยการออกแบบรองเท้าที่ไม่สามารถบอกได้เลยว่ารู้สึกอย่างไรเวลาที่เห็นมัน สวย แปลก หรือล้ำ แต่ก็เป็นรองเท้าที่เรากลับยอมศิโรราบต่อเสน่ห์อันประหลาดจนไม่สามารถละสายตาไปจากมันได้ง่ายๆ เหมือนกัน
อ้างอิง
https://www.ssense.com/en-us/editorial/fashion/the-uncanny-appeal-of-margielas-tabi-boots
https://www.tokyoweekender.com/art_and_culture/fashion/japanese-tabi-shoes/
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- จากถุงเท้าสร้างสมดุลของชาวญี่ปุ่นโบราณ ถึงรองเท้า ‘ทาบิ’ ของ Maison Margiela งานไอคอนิกที่ทั้งขบถ และท้าทาย แนวคิดเรื่องความงามในโลกแฟชั่น จนเป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้
- Mismatched เทรนด์แฟชั่นสุดดื้อ แหกทุกกฎให้คนงง ไปคนละทิศละทางให้คนจำ ด้วยรองเท้าข้างละสี ต่างหูข้างละแบบ เสื้อผ้าลายชนลาย และสีเมคอัพคนละโทน ฯลฯ
- สร้าง Overlip ให้ปากอวบอิ่ม และใช้สีเมกอัพโทนเดียวทั้งหน้า ที่แม้ไม่ตาม Personal Color ก็ละมุนได้! ฮาวทูแต่งหน้าตามไอดอล ฉบับช่างแต่งหน้าเกาหลี โดย ‘Saerom Min’ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ rom&nd
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com